:::     :::

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์...ไอดอลที่ไม่ใช่ไอดอล

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
1,444
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลายคนยังคงจำหนึ่งในท่าฉลองประตูที่น่าตกใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังเมืองผู้ดี

    ย้อนกลับไปในปี 1999 หลังจุดโทษของ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่แอนฟิลด์เข้าประตูไป เขาก็ทำท่าคุกเข่าลงบนเส้นสีขาวพร้อมออกอาการเหมือนคนสูดโคเคน

    สิ่งที่เขาทำมันเป็นเรื่องร้ายแรงหรือ

    ???

    หลายคนอาจยกเหตุผลมาอ้างว่าสิ่งที่ ฟาวเลอร์ พบเจอมาทำให้เขาต้องแสดงปฏิกิริยาอย่างนั้น แต่การทำท่าเหมือนคนกำลังเล่นยาต่อหน้าผู้คนหลายล้านก็ถือเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ

    ตำนานแห่งถิ่นแอนฟิลด์ซึ่งถูกแฟนๆ เรียกขานว่า 'ก็อด' ถูกแบน 4 เกม และเขาก็โดนลงโทษพักแข้งเพิ่มเติมอีก 2 นัดสำหรับความผิดอื่นๆ

    ฟาวเลอร์ ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 32,000 ปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นสถิติของพรีเมียร์ลีกในเวลานั้น และมันมากกว่าที่ มิลวอลล์ โดนลงโทษปรับจากข้อหาที่กองเชียร์ของพวกเขาตะโกนเหยียดผิวในปี 2019 เสียอีก

    คำถามที่คือทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น

    ???

    หากจำกันได้ บรรดากองเชียร์ของฝ่ายตรงข้ามพากันกล่าวหาว่า ฟาวเลอร์ เป็นพวกใช้โคเคน แม้จะไม่มีหลักฐานใดๆ มาสนับสนุน แต่มันก็กลายเป็นเรื่องล้อเลียนที่เขาต้องเผชิญมาตลอดหลายปี

    ตำนานเบอร์ 9 มักจะแปะแถบไว้ที่จมูกเพื่อช่วยให้การหายใจของเขาดีขึ้น และนั่นเหมือนเป็นภาพที่ทำให้แฟนบอล (โดยเฉพาะกองเชียร์ เอฟเวอร์ตัน) นำมาเป็นเรื่องใส่ไฟแก่เขา

    เรื่องนี้เดินทางมายังจุดพีคที่สุด เมื่อ เอฟเวอร์ตัน ต้องยกพลข้ามสวนสาธารณะสแตนลี่ย์ พาร์ค มาทำศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ครั้งที่สองในฤดูกาล 1998-99

    หลังผ่านมา 15 นาที ฟาวเลอร์ ยิงจุดโทษตีเสมอ และเขาก็ปล่อยให้อารมณ์พาตัวเองไปในตอบโต้คู่แข่ง ก่อนที่เขาจะทำได้อีก 1 ประตูในเกมที่หงส์แดงพลิกกลับมาเอาชนะ 3-2

    เขาแสดงความเสียใจ และขอโทษอย่างจริงจังกับสิ่งที่ทำลงไป แต่เหมือนว่าเอฟเอ จะไม่มีความเห็นอกเห็นใจอะไรเลยแม้แต่น้อย

    กรณีดังกล่าวอาจเป็นเพราะก่อนหน้านั้น ฟาวเลอร์ เองก็มีคดีติดตัวมาในช่วง 5 สัปดาห์ที่แล้ว

    ในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ซีซั่นนั้น เขามีส่วนร่วมในปัญหาอื้อฉาวกับ แกรม เลอ โซซ์ ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์

    หลังจากคำพูดบางอย่าง ฟาวเลอร์ ก็จัดการหันหลังให้แบ็กซ้ายสิงห์บลูส์ที่กำลังจะเล่นลูกฟรีคิก พร้อมเอานิ้วชี้ไปที่ก้นของตัวเองเพื่อล้อเลียนว่า เลอ โซซ์ เป็นพวกชายรักชาย

    เลอ โซซ์ นั้นถูกแฟนบอลส่วนใหญ่เหยียดหยามว่าเป็นเกย์ ทั้งที่เขาก็มีทั้งภรรยา และลูกถึง 2 คน ซึ่งเรื่องนั้นเกิดขึ้นเพราะว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ไม่สำมะเลเทเมาเหมือนเพื่อนร่วมอาชีพส่วนใหญ่ของเขานั่นเอง

    ด้วย 2 ข้อหาของ ฟาวเลอร์ (ทั้งเรื่องของมารยาท และท่าทางดีใจแบบใช้ยา) ทำให้เขาถูกโทษแบนทั้งสิ้น 6 นัดในช่วงท้ายฤดูกาล 1998-99

    คำถามที่ตามมาก็คือ ด้วยพฤติกรรมของเขาทำให้เจ้าตัวพลาดโอกาสคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกซีซั่นนั้นใช่หรือไม่

    ???

    ฟาวเลอร์ จบฤดูกาลด้วยการทำไป 14 ประตู คุณอาจมองว่ามันก็ไม่ได้เยอะอะไรหากนึกถึงสุดยอดดาวยิงที่มีประสิทธิภาพ

    อย่างไรก็ตาม บทสรุปของพรีเมียร์ลีกปี 1998-99 นั้น จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์, ดไวท์ ยอร์ค และ ไมเคิ่ล โอเว่น คว้าตำแหน่งโกลเด้นบูทร่วมกันที่จำนวน 18 ลูก

    คุณอาจตั้งคำถามได้ว่า ฟาวเลอร์ จะทำได้ไหมอีกเพียงแค่ 4 ลูก ถ้าเขาไม่โดนแบนถึง 6 เกม

    เราไม่มีทางรู้ถึงเรื่องนั้นหรอก แต่เราจะนำเอาสถิติต่างๆ มาประเมินกัน

    ฟาวเลอร์ ยิงได้ 14 ประตู จาก 25 เกมในปี 1998-99 ซึ่งค่าเฉลี่ยของเขาอยู่ที่ 0.56 ลูกต่อนัดในลีก

    ค่าเฉลี่ยยิง 1 ประตูต่อ 90 นาทีของเขานั้นเรียกได้ว่าดีที่สุดกว่าใคร และเราก็รู้ด้วยว่าเขามักจะถูกเปลี่ยนตัวอยู่บ่อยๆ ในฤดูกาลนั้นด้วย จริงๆ มันน่าจะเป็นรายละเอียดที่ชัดเจนกว่านี้ เพราะเวลานั้นยังไม่ได้มีการบันทึกสถิติเป็นตัวเลขนาทีตามการลงสนามของนักเตะ

    หากเราเอาตัวเลขเหล่านี้มาอ้างอิง เราก็คงสามารถพูดได้ว่า ฟาวเลอร์ น่าจะยิงได้อีกราว 3-4 ประตู ในจำนวนเกมที่เขาถูกลงโทษพักแข้งไป

    ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคุณพิจารณาจากฟอร์มที่กำลังร้อนแรง บวกกับโอกาสที่ดีขึ้นของเขา ฟาวเลอร์ ก็น่าจะยิงได้ถึง 5 ประตู จาก 3 เกมเลยด้วยซ้ำถ้าไม่มีบทลงโทษจากศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้

    แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร เมื่อข้อเท็จจริงมันชัดเจนว่า ฟาวเลอร์ ไม่เคยไปถึงตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกมาก่อนเลยในอาชีพค้าแข้ง

    เขายิงได้ถึง 163 ประตู จากการเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี แต่มันก็จะมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่ยิงมากกว่าเขาตลอดทั้ง 15 ฤดูกาลที่เฉิดฉายในพรีเมียร์ลีก

    และก็อีกนั่นแหละ ความจริงก็คือไม่มีกองหน้าคนไหนเลยในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ยิงได้จำนวนขนาดนี้แล้วไม่เคยคว้ารางวัลโกลเด้นบูทในอาชีพค้าแข้ง

    ดังนั้น สิ่งที่เราสามารถพูดได้เต็มปากก็คือเรื่องของพฤติกรรมนักฟุตบอลคืออุปสรรคต่ออาชีพของพวกเขา

    ชัดเจนว่าสิ่งนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของความเป็นมืออาชีพ หากคุณไม่มีมันในตัว มันก็จะไม่ละเว้นคุณ แม้คุณจะเกิดมาพร้อมกับความเป็นเพชรฆาตโดยธรรมชาติก็ตาม

    แต่ถึงกระนั้น หากพูดถึงชื่อ ฟาวเลอร์ ไม่ว่ายังไงเขาก็คือตำนานของเราเหมือนเดิม

    พาสต้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})