:::     :::

สกอร์ขาดที่สุดของพรีเมียร์ลีก

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
1,721
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นับตั้งแต่เริ่มต้นการแข่งขันลีกฟุตบอลของอังกฤษ จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงในปี 1992/93 มาใช้ชื่อเป็นพรีเมียร์ลีกก็ส่งให้ศึกแดนผู้ดีกลายเป็นลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน

ไม่เพียงแค่เป็นลีกที่ได้รับความนิยมสูงสุดเท่านั้น พรีเมียร์ลีกยังมีการแข่งขันที่สูสีที่สุดลีกหนึ่ง มีทีมลุ้นแชมป์หลายทีม การแข่งขันแต่ละเกมมีความเข้มข้นสูง ทีมเล็กๆสามารถโค่นทีมใหญ่ และมีการยิงประตูกันมากมาย

แน่นอนว่าในหลายเกมมีการยิงประตูที่ขาดลอยกัน อย่างล่าสุดเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เลสเตอร์ ซิตี้ บุกถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 9-0 กลายเป็นหนึ่งในสกอร์ที่ขาดลอยที่สุดของพรีเมียร์ลีก อังกฤษเลย

มีเกมมากมายอย่าง นิวคาสเซิ่ล ชนะ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 8-0 เมื่อปี 1999, เชลซี ถล่ม แอสตัน วิลล่า 8-0 เมื่อปี 2012 และ เซาธ์แฮมป์ตัน รัว ซันเดอร์แลนด์ 8-0 ในปี 2014 และยังมีอีกหลายเกมน่าสนใจที่ถูกบันทึกว่าเป็นเกมที่มีการชนะกันขาดลอยที่สุดในพรีเมียร์ลีก

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 8-0 วัตฟอร์ด

วันที่ : 21 กันนายน 2019


เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆเลยในฤดูกาลนี้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา 

ภายใต้การคุมทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นเครื่องจักรสังหารประตูที่ทะลวงตาข่ายคู่แข่งเป็นว่าเล่น และในเกมเมื่อเดือนที่แล้วก็ทะลวงตาข่าย "แตนอาละวาด" ยับเยิน 8-0

"เรือใบ" ที่กำลังอยู่ในเส้นทางการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ และเพิ่งสะดุดบุกไปพ่าย นอริช ซิตี้ 2-3 ในเกมก่อนหน้า

ซิตี้ เดินหน้าไล่ถล่มผู้มาเยือนแบบไม่ไว้หน้า 8 ประตูจากผลงานของ ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร่, ริยาด มาห์เรซ, แบร์นาร์โด้ ซิลวา (3 ลูก), นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ เควิน เดอ บรอยน์ 

เรียกได้ว่า "แตนอาละวาด" ถือเป็นของหวานสำหรับ แมนฯ ซิตี้ เลย โดยในเกมรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพเมื่อเดือนพฤษภาคมก็เพิ่งกดไป 6-0, รวมถึงในเกมพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2017/18 ที่บุกถล่ม 6-0 และในปี 2016/17 ที่ถล่ม 5-0

น่าเสียดายไม่อาจจะยิงเพิ่มได้อีกสักเม็ดสองเม็ดกับเกมล่าสุด ไม่อย่างนั้นคงได้เทียบกับสถิติสูงสุดของลีกไปแล้ว

เชลซี 8-0 วีแกน 

วันที่ : 9 พฤษภาคม 2010


หนึ่งในฤดูกาลที่เข้มข้นที่สุดของการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ต้องลุ้นแชมป์กันจนถึงเกมสุดท้าย

เชลซี ทีมจ่าฝูงของตารางลงสนามเกมสุดท้ายพบกับ วีแกน ด้วยการมีคะแนนมากกว่าผู้ตามอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะเปิดรังพบ สโต๊ค ซิตี้ อยู่เพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น

ภายใต้การนำทัพของ คาร์โล อันเชล็อตติ, "สิงห์บลูส์" ในปีนั้นเป็นเครื่องจักรถล่มประตูอย่างสมบูรณ์แบบ และเกมสุดท้ายของฤดูกาลพวกเขาก็ไม่ปราณีผู้มาเยือนด้วยการไล่ทะลวงตาข่ายอย่างไม่ไว้หน้า 8-0 จาก นิโกล่าส์ อเนลก้า (2 ลูก), แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ซาโลมง กาลู, ดิดิเยร์ ดร็อกบา (3 ลูก) และ แอชลี่ย์ โคล

ชัยชนะเกมนี้ทำให้ เชลซี เข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกไปครอง พร้อมกับยิงประตูในลีกทะลุถึงหลัก 103 ลูกเลย (ก่อนโดน แมนฯ ซิตี้ ทำลาย) 

และแน่นอนว่าแฮตทริคของ ดร็อกบา ทำให้เขาก้าวไปคว้าตำแหน่งดาวซัลโวประจำฤดูกาลนั้นไปด้วย

สเปอร์ส 9-1 วีแกน 

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2009


ภายใต้การคุมทีมของ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์, ได้มีการวางรากฐานของสโมสรพร้อมกับยกระดับทีมขึ้นมาเป็นสโมสรอันดับต้นๆของลีกที่ใครก็ไม่อาจมองข้ามได้

ในเกมที่ไวท์ ฮาร์ท เลน เมื่อฤดูกาล 2009/10 "ไก่เดือยทอง" ไล่ถล่ม วีแกน ยับเยิน 9-1 โดยคนที่โดดเด่นที่สุดหนีไม่พ้น เจอร์เมน เดโฟ ที่ซัดคนเดียว 5 ประตู ส่วนที่เหลือเป็นผลงานของ ปีเตอร์ เคร้าช์, อารอน เลนน่อน, เดวิด เบนท์ลี่ย์ และ นิโก้ ครานชาร์ 

ถือเป็นการโดนถล่มเละของ วีแกน ก่อนที่จะไปโดน เชลซี อัดอีก 8-0 ในเกมสุดท้าย แต่พวกเขาไม่ตกชั้นในปีนั้น

ในฤดูกาลนั้นเป็นครั้งแรกที่ทาง สเปอร์ส แหวกเข้าไปอยู่ใน "ท็อปโฟร์" ของตาราง ทำให้ทีมติดลมบนกระทั่งมีการปรับเป็น "บิ๊ก 6" ซึ่งตั้งแต่ปีนั้นจนถึงปัจจุบัน สเปอร์ส ไม่เคยหลุดไปไกลกว่าอันดับ 6 ของตารางเลย

เซาธ์แฮมป์ตัน 0-9 เลสเตอร์ ซิตี้ 

วันที่ : 25 ตุลาคม 2019


เพิ่งผ่านมาในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์นี้เอง กับการที่ เลสเตอร์ ซิตี้ บุกรัว เซาธ์แฮมป์ตัน แบบไม่ไว้หน้าเจ้าบ้านถึง 9-0 ซึ่งเป็นสกอร์ที่ขาดลอยที่สุดในพรีเมียร์ลีกด้วย

นับตั้งแต่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามารับงานคุมทีมก็ทำให้ "สุนัขจิ้งจอก" กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และได้รับการคาดหมายว่าจะสามารถสอดแทรกเข้าไปอยู่ในพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลนี้ได้

ประตูที่เซนต์ แมร์รี่ได้มาจาก อโยเซ่ เปเรซ กับ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ทำแฮตทริคได้ และอีก 3 ประตูจาก เบน ชิลเวลล์, ยูริ ตีเลม็องส์ และ เจมส์ แม้ดดิสัน ซึ่งเกมนี้เป็นการทำสถิติที่มากมายที่เดียวของฝั่ง เลสเตอร์ ซิตี้

ชัยชนะเกมนี้ทำให้ทีมของ ร็อดเจอร์ส ทำสถิติชนะขาดลอยมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกเท่า แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เคยชนะ อิปสวิช ในสกอร์ 9-0 เหมือนกันเมื่อปี 1995 แต่นี่เป็นการเล่นเกมเยือน จึงกลายเป็นการชนะนอกบ้านด้วยสกอร์ที่ขาดลอยมากที่สุด

แน่นอนว่านี่คือสถิติสูงที่สุดของพวกเขาที่ยิงประตูได้ 9 ลูกในเกมเดียวในประวัติศาสตร์สโมสร 

สามแต้มจากเกมนี้ทำให้ เลสเตอร์ ซิตี้ เก็บไปถึง 41 คะแนนจาก 21 เกมหลัง มีแค่ ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เท่านั้นที่เก็บได้มากกว่า

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 9-0 อิปสวิช 

วันที่ : 4 มีนาคม 1995


แม้จะเป็นความทรงจำที่ดูจะยาวนานไปหน่อย โดยเฉพาะแฟนบอลรุ่นใหม่บางคนยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป

ยุค 90' ถือเป็นยุคทองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังคว้าแชมป์ลีกสองหนแรกหลังจากการเปลี่ยนแปลงในฤดูกาล 1992/93 และ 1993/94

ในฤดูกาลนี้อาจจะมีเหตุการณ์ที่แฟนบอลรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ "กังฟู คิก" ของ เอริก คันโตน่า ที่ทำให้เจ้าตัวติดโทษแบนยาว แต่อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจก็คือการทะลวงตาข่ายถึง 9-0 ในเกมที่เปิดบ้านพบกับ อิปสวิช

ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 43,000 คน ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด รอย คีน, แอนดี้ โคล (5 ลูก), มาร์ค ฮิวจ์ส (2 ลูก) และ พอล อินซ์ เรียกเสียงเฮของแฟนบอลได้อย่างต่อเนื่อง

โคล กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้ถึง 5 ลูกในเกมเดียวในพรีเมียร์ลีก ถือเป็นสถิติชนะขาดลอยที่สุดของสโมสรหลังเคยชนะ วูล์ฟส์ 10-1 เมื่อปี 1982

น่าเสียดายที่ปีนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด จบที่อันดับ 2 ของตารางด้วยการมีคะแนนตามหลัง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ทีมแชมป์แค่แต้มเดียว


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด