แต่แท้จริงแล้วทฤษฎี "เด็กหลังห้อง" ไม่ตั้งใจเรียน ที่ผู้ใหญ่พูดกัน แทบใช้ไม่ได้กับยุคสมัยนี้ เมื่อคนรุ่นใหม่ที่มีหน้าที่การงานดี ต่างเคยเป็นเด็กหลังห้องมาทั้งสิ้น

เปรียบกับโรงเรียนลูกหนัง ที่อาจไม่มีห้องสี่เหลี่ยม หรือกระดานดำ แต่ผู้เล่นบางกลุ่มเช่นกัน ที่เปรียบเสมือน "เด็กหลังห้อง" คือโชว์ฟอร์มดี แต่ไม่ค่อยมีคนเห็น

อาจด้วยผู้เล่นเหล่านี้ไม่ได้มีแอสซิสต์สวยๆ หรือยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ เรียกแสงแฟลชจากตากล้อง แต่ทำงานหนักบนผืนหญ้าสีเขียวไม่แพ้ใครในทีม ปัดกวาดเกมรับ คอนโทรลเกมให้ทีมเล่นง่ายไหลลื่น หรือเป็นจุดเริ่มต้นของเกมรุก

5 แข้งไทยลีกที่เรากำลังพูดถึงนี้ เป็น "เด็กหลังห้อง" (a backroom boy) แบบนั้น 

 

โก ซึล-กี (การท่าเรือ เอฟซี)

เด็กหลังห้องคนแรก เป็นนักเรียนสัญชาติเกาหลีใต้ ที่ "สิงห์เจ้าท่า" ยืมตัวมาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้วัยจะปาเข้าไป 33 ปีแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของโอป้าหน้าใสรายนี้ เขาเข้ามาเติมเต็มแผงมิดฟิลด์ การท่าเรือ ได้อย่างน่าทึ่ง ตัดเกม เชื่อมเกม ตรงกลางได้อย่างไร้ที่ติ 

แม้ตัวตนของเขาจะไม่ค่อยถูกพูดถึง หรือได้รับคำชมเท่านักเตะรายอื่นในทีม แต่นี่คือฟันเฟืองสำคัญของรั้วคลองเตยที่ขาดแทบไม่ได้เลย

กฤษณนน ศรีสุวรรณ (ราชบุรี มิตรผล)

เด็กหนุ่มวัย 24 ปีที่ถูก "ราชันมังกร" ดึงกลับมาช่วยทีม หลังปล่อยยืมไปเล่นให้ พีที ประจวบ ฤดูกาลก่อน และเมื่อกลับมา หมอนี่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงภายในทีมได้ทันที ในบทบาทมิดฟิลด์ตัวกลาง

"นัท" อาจไม่ได้มีลูกยิงโดดเด่น หรือคิลเลอร์พาสกระชากใจแฟนบอล แต่การทำหน้าที่เปรียบเสมือน "ผึ้งงาน" ของเขาอย่างเงียบ ๆ ในทีมนั้น สามารถช่วยแบ่งเบาภาระกองหลังได้อย่างมากมาย และทำให้แนวรุกอัดเกมบุกได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพะวง 

บรินเนอร์ เอ็นริเก (สิงห์ เชียงรายฯ)

การคว้าแชมป์ไทยลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ มาพร้อมการแจ้งเกิดของแข้งอย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา หรือ นักเตะที่ฟอร์มเด่นอย่าง พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, บิลล์ โรซิมาร์, ศิวกรณ์ เตียตระกูล

แต่เบื้องหลังความสำเร็จที่อดเอ่ยไม่ได้คือ เด็กหลังห้องวัย 32 ปี อย่าง บรินเนอร์ ที่ทำงานเกมรับได้อย่างหมดจด เป็นแนวรับคนสำคัญที่ช่วยทีมได้อย่างมาก เรียกว่าอาจไม่โดดเด่นเท่า แต่มีความสำคัญไม่แพ้ใครในทีม

รัชพล นาวันโน (พีที ประจวบ)

อีกหนึ่งนักเตะที่เป็นตัวอย่างเด็กลูกหนังหลังห้องได้อย่างดี บนวัย 33 "พี่นะ" ไม่มีลูกยิงอันหนักหน่วง โดดเด่นทำประตูเป็นกอบกำ แต่เขาคือคนรักษาสมดุลในแดนกลาง "ต่อพิฆาต" ได้อย่างลงตัว

ไม่หวือหวา ไม่โดดเด่น ทำงานหนัก คุมจังหวะเกม เชื่อม-สวิตซ์บอลทั้งรับและรุกกลางสนาม ใช้ประสบการณ์ การอ่านเกมช่วยทีมได้ เคลื่อนที่ยามไม่มีบอลกับตัว เป็นส่วนสำคัญเงียบ ๆ ในแบบที่น้อยคนจะมองเห็น

ธัชนนท์ นคราวงศ์ (ตราด เอฟซี)
ห้องเครื่องคนสำคัญของ "ช้างขาวจ้าวเกาะ" ที่มีคุณพ่อเป็นอดีตผู้เล่นทีมชาติไทย คือ 1 ในขุนพลที่ปิดทองหลังพระได้อย่างสุดตีน 

บนวัยเกือบแตะ 23 ปี "คอปเตอร์" อาจไม่ได้โดดเด่นเท่าเพื่อนร่วมทีมอย่าง ดูโรซินมี, ดุมบูญา หรือ บิรัม แต่สิ่งที่เขามีคือ การคอนโทรลเกมตรงกลางได้อย่างหมดจด รวมถึงบอลยาวที่ช่วยทีมได้อย่างมากมาย จนทำให้แนวรุก 3 กาฬทวีป เลื้อยกันได้อย่างสะเด่า น่าเสียดายที่ฤดูกาลหน้า เด็กหลังห้องรายนี้จะย้ายไปอยู่โรงเรียนลูกหนังที่ใหญ่กว่านี้เสียแล้ว

**หมายเหตุ : ขอบคุณภาพประกอบคอลัมน์ FB Tachanon Nakarawong