:::     :::

วัยรุ่นตามฝัน

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,783
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เกมเมื่อคืนที่ผ่านมา นักเตะลิเวอร์พูลที่ยังอยู่ในวัยไม่เกิน 20 ปี มีไม่น้อยเลยนะครับ

          ควีวิน เคลเลเฮอร์ โกล์ดาวรุ่งมือ 3 , เนโก วิลเลี่ยมส์ แบ็กขวาที่เพิ่งลงสนามให้ทีมชุดใหญ่เป็นนัดแรก , เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก กองหลังร่างโย่งที่แฟนๆ ลิเวอร์พูลจับตามองตั้งแต่เซ็นสัญญามา , ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ตัวรุกพรสวรรค์สูงที่เทคนิกแพรวพราวเกินอายุไปไกล , ริอาน บรูว์สเตอร์ กองหน้าดาวรุ่งที่คล๊อปป์หมายปั้นให้เป็นยอดกองหน้าในอนาคต  และ เคอร์ติส โจนส์ เพลเมกเกอร์พรสวรรค์สูงที่คุ้นชื่อมานานหลายปี ดาวรุ่งเหล่านี้ต้องการเกมเล่นเป็นอย่างมากครับ และถ้วยคาราบาวคัพนี่แหละ ที่เป็นเส้นทางให้เขาได้ “โชว์ของ” ที่มีของพวกเขาออกมา ซึ่งนี่เองที่ทำให้พวกเขาทุ่มเทกันมากจนกองเชียร์อย่างเราๆ เห็นแล้วก็อดปลื้มไม่ได้จริงๆ




เด็กที่ต้องการการเรียนรู้


          ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ครับว่าเกมนี้นักเตะลิเวอร์พูลนั้นก่อความผิดพลาดค่อนข้างเยอะเหลือเกิน  โดยเฉพาะในแนวรับ ที่ดูเหมือนจะสับสนวุ่นวาย และเอากองหน้าฝั่งตรงข้ามไม่อยู่เอาเสียเลย  จริงอยู่ที่ว่าประตูแรกนั้นเป็นความผิดพลาดของการตัดสิน แต่นอกจากนั้นคือความผิดพลาดแบบ “เด็กน้อย” เสียจริงๆ ในลูกแรกที่เสียประตูถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วควรจะเป็นลูกล้ำหน้า แต่ก็ต้องบอกว่า เคลเลเฮอร์นั้นปัดบอลได้ไม่ดีเท่าที่ควรเช่นกัน เขาควรจะปัดให้ออกหลังหรือไปในแนวด้านข้างมากว่าที่จะปัดบอลมาให้อยู่หน้าปากประตูแบบนี้ ลูกที่ 2 ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่เช็คระยะเสาไม่แม่นพอ ดันไปปัดลูกที่ควรจะออกอยู่แล้วให้มาอยู่หน้าปากประตู(อีกแล้ว) ลูกที่ 3 ก็เป็นเซปป์ ฟาน เดน เบิร์กที่ไม่มีสมาธิเท่าที่ควรไม่ดันไลน์ขึ้นไปทำให้นักเตะอาร์เซน่อลไม่ล้ำหน้าในจังหวะโต้กลับ แต่ต้นเหตุก็มาจากการส่งแบบไม่แม่นยำของเนโก วิลเลี่ยมส เช่นกัน ลูกที่ 4 นี่ยิ่งน่าปวดตับ เพราะมันมาจากนักเตะที่เก๋าที่สุดในสนามอย่างเจมส์ มิลเนอร์ที่ส่งบอลแบบขาดน้ำหนักทำให้โดนนักเตะอาร์เซน่อลฉกไปยิงง่ายๆ เลย แต่ก็อาจจะเหมารวมไปได้ว่า เคลเลเฮอร์ นั้นเข้าหาบอลช้าเกินไปเหมือนกัน การผิดพลาดเหล่านี้ เกิดจากการ “ขาดประสบการณ์” ล้วนๆ ครับ และนี่แหละคือบทเรียนชั้นดีให้ ดาวรุ่งเหล่านี้ได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์กันต่อไป พวกเขาต้องเรียนรู้ว่าความผิดพลาดเพียงน้อยนิดก็อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลได้ ในโลกของมืออาชีพนั้น ไม่มีที่ให้ก่อให้เกิดความผิดพลาดแบบในชุดเล็กที่พวกเขาคุ้นเคย 





ชุดสองก็มีดี !

          การที่เราคุ้นเคยกับความยอดเยี่ยมของผู้เล่นทีมชุดใหญ่ ที่อาจจะเรียกได้ว่าเข้าขั้น “ระดับโลก” กันไปแล้วหลายตำแหน่ง ทำให้เรามองเห็นว่านักเตะหลายๆ คนนั้นยังไม่ดีพอ หรืออาจจะเรียกว่า “ทดแทนกันไม่ได้” แต่ในเกมนี้นักเตะหลายๆ คนทำให้เราเห็นได้ชัดครับ ว่าจริงๆ แล้วพวกเขาก็มีดีและระดับการเล่นของเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยแบบที่กองเชียร์บ่นด่ากัน โดยเฉพาะ ดิว๊อก  โอริกี้ ที่เกมนี้เขาเป็นแกนหลักในเกมรุก และก็ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม หรือ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่ดูแล้วดีวันดีคืนเรื่อยๆ และมีทั้งแอสซิสต์และประตูสุดสวยในเกมนี้ ส่วนโจ  โกเมสที่ดูเหมือนว่าจะโชว์ฟอร์มได้ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาเช่นกัน เพราะเกมนี้เขาแทบจะเป็นคนต้องแบกเกมรับของทีม และต้องลงมากับนักเตะที่ไร้ประสบการประกบเขา (เซปป์ ฟาเดน เบิร์ก กับ เนโก วิลเลี่ยมส) นั่นก็ทำให้ตัวเขาที่ยังเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองไม่ได้ ออกทะเลไปด้วยเลยเหมือนกัน (ฮ่าๆ ) แต่กระนั้นเขาก็ยังเป็นตัวเสริมและเป็นตัวโรเตชั่นชั้นดีให้เจอร์เก้น คล็อปป์ในทีมชุดใหญ่เหมือนกัน และบรรดาดาวรุ่งหลายๆ คนก็โชว์ฟอร์มให้เห็นได้อย่างน่าปลื้มใจ อย่างน้อยๆ กองเชียร์ก็น่าจะพอเบาใจได้ว่า ในอนาคตของทีมลิเวอร์พูล จะมีนักเตะดีๆ เหล่านี้ขึ้นมาทนแทน หรือ สลับสับเปลี่ยนในทีมชุดใหญ่ได้อย่างไม่ย่ำแย่อย่างที่แฟนๆ บ่นด่ากันอยู่นะ  (ฮ่าๆ )



สร้างทางด้วยตัวเอง


          เด็กๆ และนักเตะเหล่านี้ น่าจะรู้ตัวเองดีครับ ว่านี่น่าจะเป็นโอกาสเดียวที่จะเป็นเวทีให้พวกเขาได้เล่นและได้โชว์ฟอร์มกันอย่างเต็มที่ เพราะยังไงก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในทีมชุดใหญ่ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในตอนนี้นั้น พวกเขาคงไปสอดแทรกยากมากจริงๆ นั่นจึงทำให้เราได้เห็นว่าพวกเขาไม่มียอมแพ้ ถอดใจแม้แต่วินาทีเดียว ไม่ว่าสถานการณ์จะแย่แค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังสู้ยังวิ่งสู้ฟัดในทุกๆ จังหวะ  นั่นก็เพราะว่าถ้าพวกเขาตกรอบไป พวกเขาอาจจะต้องรอโอกาสอีกทีในฤดูกาลหน้าหรืออย่างดีก็อาจจะเป็น FA Cup ในช่วงสิ้นปีนี้ในกรณีที่มีโชคในการจับฉลากเจอกับทีมที่ไม่แข็งจนเกินไปนัก  แม้จะก่อเกิดความผิดพลาดอยู่บ้าง แต่หัวใจนักสู้ของเด็กๆ เหล่านี้ก็ทำให้เราได้ยิ้มและได้ชื่นใจกับผลงานของพวกเขาจริงๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็น

- ควีวิน เคลเลเฮอร์ ที่สุดท้ายเป็นฮีโร่ของทีม ในการเซฟจุดโทษให้ทีมได้รับชัยชนะ

- เนโก วิลเลี่ยมส์ ที่เป็นคนแอสซิสต์ให้ดีว็อค โอริกี้ เป็นคนยิงประตูตีเสมอ 5-5

- เซปป์ ฟา เดน เบิร์ก ที่ค่อยๆ ปรับตัวได้ดีขึ้นในครึ่งหลังและส่อแววให้เห็นว่าเขานั้นมีดีแค่ไหน

- ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์  เด็กมหัศจรรย์ที่เรียกจุดโทษให้ทีมได้และเทคนิกที่น่าตื่นตาตื่นใจที่แสดงให้เห็นตลอดทุกครั้งที่ได้บอล

- ริอาน บรูว์สเตอร์ ที่แม้เกมนี้จะเงียบๆ ไปบ้าง แต่การยิงจุดโทษอันเฉียบขาดก็ทำให้เห็นว่าเขานั้นมีการยิงที่ดีแค่ไหน

- เคอร์ติส โจนส์ ที่เกมนี้ผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน และจับต้องได้ ทั้งลูกแอสซิสต์ และการแสดงความเข้มแข็งของใจยิงลูกจุดโทษเป็นคนสุดท้าย



          สิ่งดีๆ เหล่านี้ ทำให้กองเชียร์ลิเวอร์พูลมีความสุขมากจริงๆ ครับ ได้เห็นเกมสนุกๆ ได้เห็นเด็กๆ ในอนาคตโชว์ฟอร์มดีๆ ให้เห็น จริงๆ แล้วผมเชื่อว่า ถึงแม้ว่าในเกมนี้ลิเวอร์พูลจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่แฟนๆ ลิเวอร์พูลน่าจะยังยิ้มออกและมีความสุขอยู่ดีที่ได้เห็นสิ่งดีๆ ในเกมเมื่อคืนนี้  แต่ในความเป็นจริงแล้ว แฟนๆ ลิเวอร์พูลไม่น่าจะต้องกังวลอะไรไปมากมายหรอกครับ พวกเขานั้นชนะตั้งแต่ “มหาบุรุษ บุตรแห่งแอนฟิลด์”  อย่าง ดิว๊อก  โอริกี้ ย่างก้าวลงแล้วล่ะครับ  ฮรี่ๆ



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด