:::     :::

ฆวน มาต้า : นักฟุตบอล, ความสำเร็จ และ การกุศล

วันศุกร์ที่ 08 พฤศจิกายน 2562 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
1,418
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในโลกนี้มีนักฟุตบอลมากมาย แต่ก็มีไม่มากนักที่จะออกหนังสืออัตชีวประวัติ เพราะคุณต้องมีชื่อเสียงมากพอ แถมต้องมีประสบการณ์อย่างมากกับการเขียนหนังสือของตัวเองสักเล่ม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังอยู่ในช่วงค้าแข้ง

ฆวน มานูเอล มาต้า ในวัย 31 ปี ยังสามารถอยู่ค้าแข้งได้อีกน่าจะมีสัก 3-4 ปี ก่อนที่จะแขวนสตั๊ด แต่เจ้าตัวก็ออกหนังสือให้แฟนๆได้ซื้อไปอ่านกัน

อันที่จริงถ้าแขวนสตั๊ดไปแล้วสามารถไล่อัดเพื่อนร่วมทีมหรือใครก็ตามในวงการลูกหนังได้ แต่สำหรับคนที่ยังเล่นอยู่อาจจะถึงขั้นมองหน้ากันไม่ติดได้

        

และคนอย่าง มาต้า ก็ไม่ใช่คนที่จะเป็นแบบนั้นสักหน่อย

แต่เรื่องแปลกคือจะมีสักกี่คนที่พูดถึง สตีฟ จ๊อบ ผู้ก่อตั้งแอปเปิ้ล, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ชื่อดัง และ มิฮาลี ซิคส์เซนท์มิฮัลยี่ นักจิตวิทยา

ทว่านั่นคือสิ่งที่ ฆวน มาต้า ทำให้หนังสือ 'Suddenly A Footballer' 

เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ในร้านอาหารในเมืองแมนเชสเตอร์ที่มีบิดาเป็นเจ้าของ เปิดหัวข้อที่หลากหลายซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องที่นักฟุตบอลส่วนใหญ่จะทำกันด้วย หนังสือวางแผงแล้วแถมช่วยการกุศลด้วย แฟนๆช่วยกันอุดหนุนได้เลย

คุณพูดถึงเยอะมากเกี่ยวกับเรื่องของความทะเยอทะยานในเกม, ดังนั้นคุณสามารถบอกได้หรือเปล่าว่าประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังเอาไว้?

        

ในตอนที่ผมเริ่มต้น, เป้าหมายของผมคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพและได้เล่นในดิวิชั่น 1, ผมไม่ได้จัดการอะไรที่จะทำให้ไปถึงในระดับนั้นหรือกำหนดเป้าหมายสำหรับผมที่จะไปให้ถึงจุดนั้นได้

เมื่อผมประสบความสำเร็จในสเปน, ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมันยอดเยี่ยมมาก, คว้าแชมป์กับ เชลซี, ได้แชมป์โลกกับ สเปน, ได้ย้ายมาอยู่กับยอดทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ดังนั้น, ใช่, ผมสามารถบอกได้ว่าเส้นทางของผมมันเหนือกว่าที่ผมคาดเอาไว้, นั่นคือเรื่องจริง, แต่เมื่อคุณมาถึงในระดับนี้และคุณเล่นกับสโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ผมจะไม่บอกว่า 'พอแล้ว, ผมมาถึงแล้วและได้อยู่ในจุดที่ผมแฮปปี้' ผมคาดหวังอะไรที่มากขึ้นเสมอและบางทีมันคือเหตุผลที่ว่าทำไมเส้นทางอาชีพของผมถึงมีช่วงเวลาที่พิเศษมากมาย

อะไรที่เป็นพลังขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคุณทั้งในสโมสรและทีมชาติ?


ในเส้นทางอาชีพของผม, ผมมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ, ทำให้ดีขึ้นและไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่, นั่นคือสิ่งที่ช่วยให้ผมอยู่ในระดับนี้มานานและคว้าแชมป์รายการใหญ่ได้สำเร็จ, บางทีตอนที่ผมแขวนสตั๊ด คุณคงเริ่มหันมองกลับมาและคิดถึงเรื่องของที่คุณทำ

ตอนนี้, ผมยังรู้สึกว่าเพิ่งอยู่ช่วงกลางของเรื่อง, ผมเพิ่งอายุ 31 ปีและโฟกัสกับปัจจุบัน, ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะคิดถึงเรื่องราวในอดีต, ว่ามันดีแค่ไหน และสิ่งที่ผมทำได้คือทำให้มันดีขึ้นอีก

มีทฤษฎีที่เราขาดซึ่งผู้นำในเกมฟุตบอลยุคโมเดิร์น, คุณเห็นด้วยหรือเปล่า?

        

ผมต้องบอกว่าเรายังมีแคแร็คเตอร์ที่ยิ่งใหญ่, ตอนที่ผมอยู่กับ เชลซี, คุณจะบอกว่า จอห์น เทอร์รี่, แฟร้งค์ แลมพาร์ด ดิดิเยร์ ดร็อกบา และ บรานิสลาฟ อีวาโนวิช ที่มีแคแร็คเตอร์

จากนั้นผมย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอต์ ยูไนเต็ด, เรามี เวย์น รูนี่ย์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ ไมเคิ่ล คาร์ริค ทุกคนล้วนมีแคแร็คเตอร์ที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลในห้องแต่งตัวอย่างมาก

นักเตะอย่าง รอย คีน สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองหรือเปล่า? ไม่แน่นอน, ต้องมีนักเตะที่ดีในทีมและเป็นยุคที่ดีมากสำหรับสโมสร, ผมจำได้ว่าดูเกมของยูไนเต็ดในช่วงเวลานั้นซึ่งนี่คือยอดทีม, มีนักเตะที่บุคลิกแตกต่างกันมากมาย, แต่เหนือสิ่งอื่นใด, ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมจะประสบความสำเร็จได้

แสดงว่านักเตะมีความสำคัญกับความสำเร็จของทีมมากกว่าผู้ตัดสิน?

        

ผู้จัดการทีมมีความสำคัญในการเล่น, แน่นอน, แต่มักจะเป็นผู้เล่นที่สร้างผลงานและนั่นไม่มีทางเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ สเปน ได้แชมป์โลก 2010 และจากนั้นก็ได้แชมป์ยุโรป, โค้ชมีบทบาทในการเล่น, แน่นอน, สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือนักเตะซึ่งเรามี ชาบี และ อันเดรส อีเนียสต้า ที่อยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมรวมถึงยอดนักเตะคนอื่นรอบๆตัวที่เล่นด้วยสไตล์ที่เข้ากัน, นั่นคือเหตุผลของความสำเร็จ

ฟุตบอลคือเรื่องของการผสมผสานกันของนักเตะเพื่อสร้างสิ่งที่พิเศษ และผู้จัดการทีมเพิ่มขั้นตอนสุดท้ายของเข้าไป

ใครคือนักเตะที่ดีที่สุดที่คุณเคยเล่นด้วย?


ถือว่าผมโชคดีมากๆในเส้นทางอาชีพที่ได้เล่นกับยอดแข้งมากมาย, ผมสามารถบอกชื่อได้บางคนแต่ก็อาจหลงลืมหลายๆคน, แต่นี่คือคนที่พูดแล้วสามารถนึกขึ้นมาทันที

ที่ บาเลนเซีย ตอนที่ผมอายุ 19 ปี, ผมเล่นกับ ดาบิด บีย่า, สุดยอดกองหน้า, รวมถึง เฟร์นานโด มอริเอนเตส, ดาบิด อัลเบลด้า, รูเบน บาราฆา และ บีเซนเต้, พวกเขาทุกคนล้วนสุดยอด และเมื่อคิดดูว่าคุณเป็นเพียงเด็ก, มันมหัศจรรย์มากที่ได้เรียนรู้ประสบการณ์กับพวกเขา

        

จากนั้นผมย้ายมาอยู่กับ เชลซี, ก็มี เทอร์รี่, แลมพาร์ด, ดร็อกบา, เช็ก, แอชลี่ย์ โคล และ อีวาโนวิช ในห้องแต่งตัวที่สุดแข็งแกร่ง, ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มี เวย์น รูนี่ย์ กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ ไมเคิ่ล คาร์ริค พวกเขาเหล่านี้ล้วนทำให้ผมเป็นนักเตะที่ดีขึ้น

คุณมอบเงินค่าเหนื่อย 1 เปอร์เซ็นต์ให้กับการกุศล ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล และผู้เล่นชั้นนำ, บอกเราหน่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้


หนึ่งในแรงจูงใจของการทำหนังสื่อของผมคือการได้รับข้อความมากมาย, ผมเชื่อมั่นว่าฟุตบอลเป็นพลังที่ดีได้, ไม่ใช่แค่กีฬาแต่ส่งต่อไปให้กับผู้ชม, นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม 99 เปอร์เซ็นของค่าลิขทธิ์จะเข้าสู่การกุศล

โปรเจ็คท์นี้เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผมหลังจากที่ผมแขวนสตั๊ด, แม้หลังจากที่ผมเลิกเล่น, มันก็จะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม, กับการให้เงิน 1 เปอร์เซ็นต์ของเงินค่าเหนื่อย มันสามารถช่วยผู้คนได้มากมาย

คุณอาจจะบอกว่าเปอร์เซ็นต์เพียงแค่เล็กน้อยไม่เพียงพอ, แต่เมื่อร่วมกันแล้วมันสามารถรวมกันได้เป็นจำนวนมาก, และเราจะดำเนินโครงการนี้ต่อไป, เราต้องการให้ผู้คนในสายอาชีพนักฟุตบอลสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อสังคมเพื่อความเสมอภาค


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด