:::     :::

การต่อสู้กับโรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผลของ Darren Fletcher

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2562 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,874
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เราอาจจะรู้กันดีว่านักเตะลูกหม้อสโมสรที่เรารักคนนี้ป่วยและหายกลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง แต่เบื้องหลังเบื้องลึกแล้วมันเลวร้ายกว่าที่คิด และยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าเฟล็ทเชอร์แข็งแกร่งเพียงใดที่กลับมาได้อีกครั้ง

ในepisode 4 ของ UTD Podcast จากทางเว็บofficialของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ตำนานสโมสรอย่าง Darren Fletcher เปิดเผยถึงสภาพจิตใจและการต่อสู้ทางด้านร่างกายที่เขาฝ่าฟันเอาชนะมาได้ระหว่างมีอาการของโรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล (Ulcerative Colitis)

ชายผู้เป็นฮีโร่ของโอลด์แทรฟฟอร์ดได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคลำไส้เรื้อรังในปี2011 และมันกระเทือนและส่งผลร้ายต่อทั้งชีวิตส่วนตัวและอาชีพนักฟุตบอลของเขา มันถูกพบในเดือนธันวาคมปี2011 ซึ่งมันทำให้เขาต้องพักการลงสนามยาวอย่างต่อเนื่อง และก็เข้ารับการผ่าตัดในภายหลังช่วงเดือนมกราคมปี2013


โชคดีที่เฟล็ทเชอร์ค่อยๆกลับมาได้ทีละนิดและทำสำเร็จเพื่อจะลงสนามให้กับยูไนเต็ด และเขายังสามารถลงเล่นในอาชีพนักฟุตบอลต่อได้อย่างมีความสุขกับสโมสรอื่นๆภายหลังย้ายออก และไปอยู่ที่เวสต์บรอมวิชอัลเบี้ยน และสโต๊กซิตี้นั่นเอง

การถูกวินิจฉัยว่าเป็นลำไส้ใหญ่อักเสบนั้นก็อย่างที่ทราบกันว่ามันสร้างปัญหาให้กับการลงสนามแทบจะทั้งซีซั่นเลย ในมุมมองทางด้านฟุตบอลนั้น การอดลงเล่นเพราะเรื่องอื่นๆที่มันไม่ได้เกี่ยวกับเหตุเพราะฟุตบอลนั้นมันเป็นปัจจัยที่คุณควบคุมไม่ได้


-คุณกังวลไหมว่ามันจะส่งผลต่อการเล่นฟุตบอล หรือชีวิตส่วนตัวของคุณ? ผู้สัมภาษณ์ถาม

"ผมกังวลทุกเรื่องเลย แต่บางทีอาจจะเยอะหน่อยเรื่องที่ว่ามันจะส่งผลกับการเล่นฟุตบอลของผมยังไงบ้าง ผมสิ้นหวังเรื่องที่จะได้กลับมา และผมจะทำทุกอย่างที่อาจจะทำให้ผมกลับมาเล่นได้อีกครั้ง ผมไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าตอนนั้นผมป่วยเป็นอะไร ผมพยายามจะต่อสู้ด้วยความมุ่งมั่นอันดื้อรั้น จนในที่สุด ช้าๆแต่ชัวร์นั้น ความเจ็บป่วยก็แพ้ผมจนได้ ผมต้องพยายามลองเปลี่ยนยาที่กินหลายๆชนิด และเปลี่ยนการคุมอาหาร ผมพยายามทำทุกๆอย่าง พวกเราค้นคว้าวิธีแก้ทุกทาง ทั้งผม สโมสร หมอ แต่มันไม่มีอะไรได้ผลเลย"

"ในที่สุดผมก็ให้กำลังใจและบอกกับตัวเองว่า ความเจ็บป่วยนี้มันเล่นงานเราอยู่ และเราต้องทำอะไรกับมันสักอย่างให้จงได้  และจากผลของการผ่าตัดมันเลวร้ายมากสำหรับเรื่องที่จะกลับมาลงเล่นได้  ผมไม่อยากให้อาการป่วยมันหยุดผมจากการใช้ชีวิตไปพร้อมกับการทำฝันของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเกี่ยวกับอาชีพของผมตอนที่กำลังอยู่ในช่วงพีค  และสุดท้ายผมก็ฮึดขึ้นมาและทำอะไรกับมันอีก มันส่งผลมากตอนที่พยายามจะกลับมาและมันเป็นราคาที่แสนแพงเส้นทางอาชีพผมเลย แต่อะไรๆมันก็เป็นไปตามวิถีของมัน ผมไม่คร่ำครวญกับเรื่องที่มันผ่านไปแล้วมากนัก เพราะผมมักจะมองไปยังอนาคตข้างหน้าเสมอ" 

"มีคนบอกผมว่า ไม่ต้องสงสัย เลิกหวังเรื่องที่จะกลับมาลงเล่นอีกครั้งได้เลยจากหลายๆคน แต่ผมไม่อยากจะได้ยินอะไรแบบนั้นเลย ทั้งหมดทั้งมวลผมมีแต่เรื่องที่ว่าแค่อยากจะกลับมาเตะบอลอีกครั้งเท่านั้นเอง"


-ลำบากไหมที่ต้องใช้ใจกัดฟันสู้กับช่วงวันเวลาเหล่านั้น และคุณแทบจะไม่ไปสนามซ้อมเลยใช่รึเปล่า?

"การนั่งดูแมตช์แข่งขันไม่ยากเท่าไหร่หรอก แต่ในความรู้สึก ผมตื่นเต้นนะ ผมระลึกและมีสติอยู่ตลอดว่า ผมจะไม่ให้มันมาเล่นงานผม ดังนั้นผมจะจิตตกไม่ได้ ถึงแม้ว่าในทางด้านร่างกายจะมีผลมากกว่า ผมรู้เรื่องนี้ดีว่าถ้าผมจิตตกและสภาพจิตใจย่ำแย่หรือท้อถอย ผมอาจจะกลับมาอีกครั้งไม่ได้จริงๆ  ดังนั้นทางด้านทัศนคติและสภาพจิตใจนั้น ผมอยู่ในสภาวะแบบที่ว่า ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด ผมจะต้องตื่นมาในทุกๆเช้าและคิดกับตัวเองเสมอว่า  ไม่ๆ ไม่ต้องรู้สึกผิด รู้สึกเศร้า ลุกขึ้นมา ลุก แล้วไปลุยกับมัน สู้มัน  หาทางไปเรื่อยๆ และทำอะไรก็ได้ที่ต้องทำเพื่อผ่านไปให้ได้ในแต่ละวัน"

"มันเป็นเรื่องที่ประหลาดๆมาก เพราะว่าคุณตื่นมาในทุกๆเช้าและต้องเริ่มคิดแต่ในด้านดี เรื่องดีๆในชีวิตที่ผ่านมา และเรื่องการลงเล่นฟุตบอล จากนั้นทุกๆอย่างจะเป็นแรงผลักให้คุณเผชิญหน้ากับเรื่องราวต่างๆในแต่ละวันนั้นๆไปกับอาการเจ็บป่วย และเวลาที่เริ่มรู้สึกกดดันและรู้สึกซึมเศร้าขึ้นมา ผมจะหยุดไม่ให้มันเกิดขึ้น  ผมไม่คิดว่าผมจะกลับมาได้แน่ถ้าเกิดว่าปล่อยให้ตัวเองรู้สึกท้อแท้หรือเศร้า .. โชคดีที่ผมได้รับแรงใจสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากภรรยา ลูกๆ จากคุณพ่อคุณแม่ และก็เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน" 

"ผมรู้ผลของมันดีเลย เพราะว่าผมมีอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย  หากผมเจ็บป่วยทางใจไปด้วย ผมจะต้องแพ้มันไปตลอดกาล"

Fletcher's unseen photo

-ในด้านของสุขภาพโดยรวมๆ อาการนี้มันแย่สุดๆขนาดไหนกัน

"โอ้ .. เรื่องนี้จริงๆมันถึงชีวิตเชียวล่ะ ผมถึงขนาดต้องรีบไปเข้าโรงพยาบาลหลายรอบมากเลย และอยู่ทีนึง3หรือ4วันที่เอดินเบิร์ก และผมก็แทบจะจำมันไม่ได้ด้วยซ้ำ  มันมีผลพวงจากการขั้นตอนและวิธีการจัดการกับความเจ็บป่วยพวกนี้ มันแย่มากๆ อาการป่วยย่ำแย่ เป็นโรคที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมและคนเป็นพันๆก็ต้องเจ็บป่วยโรคนี้ในประเทศเราอยู่ทุกวันและมักไม่ค่อยถูกพูดถึงเพราะว่า ปัจจัยอื่นๆที่น่าอับอายมักจะตามมาด้วย เช่นว่าต้องรีบตรงไปเข้าห้องน้ำและถ่ายเป็นเลือดเยอะมาก มันโคตรสยองเลยนะ"

"ในด้านความรู้สึก มันเลวร้ายนะ แต่สำหรับผม ผมแค่พยายามจะสู้กับมันด้วยทุกอย่างที่เรามีและจนสุดท้ายผมก็เอาไม่อยู่  ผมต้องไปรับการผ่าตัดในที่สุดซึ่งมันเป็นความท้าทายส่วนตัวที่ต้องสู้ ในเวลาเดียวกันก็เป็นปัญหาเฉพาะส่วนตัวของผมเองคนเดียวด้วย  ซึ่งอัตราการสำเร็จของการเข้ากระบวนการผ่าตัดมันต่ำมาก แม้กระทั่งชีวิตต่อจากนี้ด้วยที่อาจจะต้องย่ำแย่และลำบาก  แน่นอนเลิกพูดถึงเรื่องจะกลับไปเตะบอลได้เลย"

"ผมอยู่ในเคสที่แทบจะสิ้นหวัง และไม่มีทางอื่นให้เลือกหรือที่อาจจะช่วยผมได้ในช่วงเวลานั้น เพราะว่าผมจะต้องยอมเข้ารับการผ่าตัด และเสี่ยงกับผลการผ่าหลังจากนั้นอย่างเดียวเลย"


-มันน่าทึ่งมากที่คุณเก็บเรื่องนี้เอาไว้ส่วนตัวมานาน ผมคิดว่าคงมีแต่คุณ หมอ และป๋าเท่านั้นใช่ไหมที่รู้ งั้นพวกเขาเหล่านั้นทำยังไงบ้างเมื่อคุณต้องการที่จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นเรื่องส่วนตัว

"เป็นช่วงเวลาสามหรือสี่เดือนที่คุณต้องอยู่กับการกินยา และเรารู้สึกว่ามันจะต้องได้ผล ดังนั้นเรื่องนี้เราก็เก็บเงียบๆไว้ไม่พูดอะไรมาก คิดว่าผมน่าจะกลับมาได้หลังจากนั้น และทุกๆอย่างก็จะโอเค  ปัญหากับสิ่งที่มันเกิดขึ้นนั้นคือ หลังจากการให้ยา3-4เดือนมันยังไม่เวิร์คและผมก็พยายามในขั้นตอนต่อไป ซึ่งไอ้สิ่งที่ว่านี่ผมคิดว่าผู้จัดการทีม สโมสร และพวกเราทั้งหมดต่างคิดว่ามันจะต้องสำเร็จแน่ๆ แต่มันก็ยังไม่สำเร็จจนได้  ทุกคนจึงเริ่มสงสัยในเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นสำหรับผม ผมคือคนนึงที่อยากให้ทุกๆคนได้ทราบเรื่องนี้ว่าผมเป็นอะไร เพราะว่าผมได้โกหกและปิดเรื่องนี้กับพวกเขามาตลอด ผมจะต้องยอมรับมันให้ได้"

"ผมไม่ใส่ใจกับความจริงที่ว่าเมื่อผู้คนรู้ว่าผมป่วยแล้วจะเป็นยังไง  สำหรับผมถ้าทุกคนรู้ ผมจะใช้ชีวิตได้สะดวกกว่าเดิม ซึ่งผู้จัดการทีมและหมอนั้นระแวงเรื่องนี้นิดหน่อย สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เคารพภรรยาผมและเราก็บอกให้ทุกคนรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณอย่าลืมว่า แม้ผู้คนจะสงสัยและเป็นห่วงคุณมากๆ แต่ทุกๆคนต่างก็มีปัญหาเป็นของตัวเองในชีีวิตทั้งนั้น"

"คุณจะได้รับความห่วงใยนั้นในตอนแรกเริ่ม แต่สุดท้ายแล้วคนเราต่างก็ต้องมีเรื่องของตัวเองที่ต้องสู้ และกลับไปใช้ชีวิตในส่วนของตัวเองอยู่ดี แล้วพวกเขาก็จะลืม   ผู้คนได้รู้ว่าคุณเจอกับสิ่งร้ายๆเหล่านี้อยู่และรู้สึกเคารพเรื่องราวเหล่านี้  ดังนั้นการที่คนอื่นรู้มันจึงเป็นแค่การที่ทำให้รับมือกับอะไรต่างๆได้ง่ายขึ้นและเผชิญกับมัน เวลาที่มันเกิดปัญหาขึ้นมาตรงหน้านั่นเอง"


-ตอนที่มีข่าวออกไปครั้งแรก คนภายนอกแสดงอาการยังไงบ้าง ทั้งจากสาธารณะและในห้องแต่งตัว

"ปกติในห้องแต่งตัวเนี่ยเป็นสังเวียนการแหย่ แกล้ง อำกันเล่นแบบไม่มีขอบเขตเลยล่ะ(ฮา) แต่ว่าไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ล้อเล่นกับอาการป่วยของผม และมันน่าอัศจรรย์มากๆ ผมไม่ต้องกังวลอะไรเลย ผมพยายามทำให้ตัวเองไม่เครียดเกินไปและผมเข้าใจบรรยากาศในห้องแต่งตัวดีว่าปกติเป็นไง  ดังนั้นผมจึงไม่ควรกังวลเลยว่าอาจมีใครที่เข้ามาพยายามล้อเล่นกับผม เพื่อที่จะทำให้ไม่ตึงเครียดเรื่องผมกัน แต่ไม่มีใครทำเลยแม้แต่คนเดียว  ซึ่งมันเป็นเพราะว่าผมมีเหล่าเพื่อนที่ดีๆมากมาย มองย้อนกลับไปผมอาจจะสามารถสังเกตเห็นได้ทางร่างกายละมั้งว่าผมกำลังเจ็บป่วยอยู่มากเพียงใด เวลาดูหน้าตาผม ดูน้ำหนักที่ขึ้นๆลงๆ ผลข้างเคียงจากการใช้ยา คุณคงสังเกตได้ว่าอาการทางร่างกายผมเจ็บป่วยอยู่แน่นอน ดังนั้นพวกเพื่อนๆรู้ชัดเจนดีว่าผมเจ็บปวดและการอำการแกล้งผมจึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจะทำเลยเพราะเขารู้ดีว่าเพราะเจ็บป่วยและอาการมันแย่หนักขนาดไหน"

"เป็นห้องแต่งตัวนักเตะที่ยอดเยี่ยมจริงๆที่มีแต่เพื่อนที่ดีๆเต็มไปหมด ผมรักและเคารพพวกเขาเหล่านั้นมากๆ ผมไม่สามารถจะยกย่องหรือขอบคุณพวกเขาได้หมดจริงๆ พวกเขาคือเพื่อนร่วมทีมที่ดีที่สุด และส่วนสำคัญของความสำเร็จครั้งนี้ก็เป็นเพราะสิ่งเหล่านี้นั่นแหละ"

: ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์

เฟล็ทเชอร์และเพื่อนๆในห้องแต่งตัวที่ว่า

อนึ่ง โรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล หรือ Ulcerative Colitis ที่เฟล็ทเชอร์เป็นนั้น ลักษณะอาการโดยละเอียดของมันเท่าที่ผู้เขียนอ่านมาถือว่าค่อนข้างหนักมากโดยเฉพาะเรื่องของระบบขับถ่ายและบาดแผลในบริเวณลำไส้ใหญ่ ซึ่งจากการที่คนใกล้ตัวของผู้เขียนก็เผชิญอาการนี้ เรารู้กันดีว่ามันทำให้ชีวิตประจำวันลำบากมาก นอกจากการเจ็บป่วยแล้วก็ยังมีเรื่องของการใช้ชีวิตในที่สาธารณะที่อาจจะต้องระวัง และบางครั้งมันก็ดูน่าอับอายจริงๆ ทำให้บางครั้ง เรื่องของอาการเจ็บป่วยทางลำไส้ใหญ่เช่นนี้จึงไม่ค่อยมีคนนำอาการหรือเรื่องราวมาเล่ามากนักเพราะมันไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ ดังที่เฟล็ทเชอร์กล่าวเอาไว้จริงๆ

โรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล (Ulcerative Colitis) เป็นโรคที่มีการอักเสบชองเยื่อบุผนังลำไส้ใหญ่เรื้อรัง ทำให้เกิดแผลขึ้นในลำไส้ใหญ่ซึ่งนำไปสู่การสร้างเลือด หนอง และมูก โดยลำไส้เล็กมักไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะนี้ ซึ่งการที่มีทั้งการอักเสบและการเกิดแผลทำให้เกิดอาการไม่สบายท้อง ลำไส้เคลื่อนที่บ่อย และถ่ายอุจจาระเป็นเลือดได้


ส่วนสาเหตุของมัน โดยสรุปเท่าที่อ่านมานั้นผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเป็นผลจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานไม่ได้ และความเสี่ยงทางพันธุกรรมร่วมกัน(3ปัจจัย) แม้ว่าจะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่พบว่าการรับประทานอาหารและความเครียดอาจทำให้อาการของโรคเป็นมากขึ้น

หากอยากรู้ว่าตอนที่เฟล็ทเชอร์เป็นโรคอยู่นั้นมีอาการยังไงบ้างนั่นก็คือการที่มีอาการปวดท้องหรือท้องเสียซึ่งมักมีเลือดออกหรือหนองปน โดยโรคและอาการต่างๆเหล่านี้มักจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อโรคมีความรุนแรงมากขึ้น

อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดหรือมีเลือดออกทางทวารหนัก / เบื่ออาหาร น้ำหนักลด / ปวดถ่ายอุจจาระ ไม่สามารถถ่ายอุจจาระได้แม้จะปวดถ่าย(อันนี้เลวร้ายมาก) / อ่อนเพลียมาก มีไข้ มีแผลที่ผิวหนัง ปวดข้อ อาการต่างๆของโรคเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นและหายไปเป็นช่วง ๆ ตามการกำเริบของโรค ซึ่งโรคเหล่านี้สามารถหายได้นานหลายหรือหลายปี จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการระบุว่าควรจะรักษาอย่างไรเพื่อจะช่วยควบคุมโรคเหล่านี้ได้


ทั้งหมดนี้จึงเห็นได้ว่า อาการของโรคนี้ค่อนข้างร้ายแรงและส่งผลกับชีวิตปกติจริงๆอย่างที่เฟล็ทเชอร์ว่าไว้ แทบจะไม่ต้องพูดถึงเรื่องฟุตบอลเลยด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายแล้วเฟล็ทเชอร์ก็กลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง และยังสามารถเล่นฟุตบอลได้ในระดับสูงเหมือนเดิมหลังจากนั้นอีกหลายต่อหลายปี ทั้งกับสโมสรเราและย้ายออกไปเล่นกับที่อื่นในฐานะกัปตันทีมอีกต่างหาก

และนี่คือการต่อสู้ของผู้ชายคนนี้ นักฟุตบอลผู้ซึ่งเราได้เห็นเขามาตั้งแต่สมัยยังเป็นดาวรุ่ง หากเป็นแฟนบอลในยุค90s ชื่อของเฟล็ทเชอร์ตีคู่ขึ้นมาพร้อมๆกับอิเนสต้า ในฐานะดาวรุ่งยังบลัดของทั้งสองสโมสรหากพิจารณาดูในแง่ที่ว่าช่วงนั้นมีใครเป็นดาวรุ่งบ้าง ก็รุ่นเดียวกันกับอิเนสต้านี่ล่ะ กับความคาดหมายในฐานะตัวแทนนักเตะปีกขวาของทีม ที่แม้จะไม่โดดเด่นทางด้านการเป็นนักเตะในเทอมของเกมรุก แต่เมื่อปรับเปลี่ยนตำแหน่งมาเล่นกลางสนาม และเข้าสู่ช่วงพีคก็ค้นหาจุดเด่นของตัวเองเจอในที่สุดด้วยการเป็นมิดฟิลด์พลังไดนาโมที่บู๊แหลกได้ทุกจุดทั่วทั้งสนาม หากเปรียบเทียบกับช่วงปัจจุบัน น่าจะเป็นสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ที่ทุกอย่างจะสมบูรณ์พร้อมกว่านี้ในอนาคต ทั้งประสบการณ์และฝีเท้าการเล่น

แม้แต่หน้ายังเหมือน

..และนี่คืออดีตหัวหน้าแก๊งค์จตุรเทพ(ที่มีกันห้าคน)อันเป็นที่รักของเหล่าแฟนผีชาวไทย

..ผู้คนทั่วทั้งโลกจดจำเขาในฐานะ "นักเตะท้องถิ่นของสโมสร" อันน่าภาคภูมิใจ

..หนึ่งในนักเตะผู้อยู่ในชุดที่จะเป็นตำนานของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดตลอดไป

และจากการที่เขาต่อสู้กับโรคร้ายนี้และเอาชนะมัน กลับมาลงสนามได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง

คำนิยามที่จะมอบให้กับชายผู้นี้ได้ก็คือ "เขาคือนักเตะของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่มีหัวใจแข็งแกร่งที่สุดตลอดกาลคนหนึ่งผู้ซึ่งต่อสู้กับอาการป่วยหนักระหว่างค้าแข้ง จนถึงขั้นอาจจะต้องแขวนสตั๊ดหรือเสียชีวิต แต่เขาก็คัมแบ็คในนาทีสุดท้ายกลับมาลงสนามได้อีกครั้งอย่างยอดเยี่ยม"

นั่นแหละ ตำนานเบอร์24ที่น่าภูมิใจของแฟนปีศาจแดงเราคนนี้เอง ..

Darren Fletcher

-ศาลาผี-


References

https://www.honestdocs.co/ulcerative-colitis

https://www.manutd.com/en/news/detail/darren-fletcher-reflects-on-battle-with-ulcerative-colitis-in-utd-podcast


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด