สำหรับ "แฮร์รี่ แม็คไกวร์" ที่เป็นฟันเฟิองสำคัญในแนวรับ ทั้งกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกับทีมชาติอังกฤษ ที่ล่าสุด เพิ่งพาทีมผ่านเข้าไปเล่นในศึกยูโร 2020 รอบสุดท้าย
ช่วงนี้ เขาจะมาเปิดอกพูดคุยกับหลากหลายประเด็น ทั้งการลงเล่นในนาม "สิงโตคำราม", การรับใช้ตรา "ปีศาจแดง" และชีวิตนอกสนาม ที่เพิ่งเซ็นสัญญามูลค่ามหาศาลกับแบรนด์กีฬาชื่อดังอย่าง "พูม่า"
ช่วยบอกถึงชีวิตของคุณหน่อยว่า มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง หลังจากจบศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ?
"มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม สำหรับการได้ไปลุยฟุตบอลโลก ผมมีความสุขเป็นอย่างมาก รวมถึงเส้นทางการผจญภัยของเรา ทั้งฐานะนักเตะ, สตาฟโค้ช และแฟนบอล เราเกาะกลุ่มกันอย่างยอดเยี่ยม ตอนนี้ ผมก็มีความสุขมาก ที่ได้กลายเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
ความทรงจำต่อฟุตบอลโลกล่ะ ?
"แน่นอน ผมมีช่วงเวลาที่ดีมากมาย ในการแข่งขันฟุตบอลโลก มันเป็นเวทีให้แฟนบอลได้หนุนหลังเรา เราได้รับรู้ถึงการสนับสนุนอีกครั้ง เราเดินหน้าด้วยความเชื่อที่ว่า เราสามารถเอาชนะมันได้ แม้ท้ายที่สุด เราต้องพบกับความผิดหวังก็ตามที"
"โดยเฉพาะรอบรองชนะเลิศ ถือเป็นอะไรที่น่าผิดหวังมาก (ทีมชาติอังกฤษ พ่ายต่อทีมชาติโครเอเชีย 1-2) นั่นเพราะเราต่างมีความรู้สึกว่า เราใกล้กับรอบชิงชนะเลิศแล้ว ทว่ามองย้อนกลับไป มันก็เป็นสิ่งที่สำคัญในเส้นทางลูกหนัง ในการพาตัวเองเข้าไปเล่นในเกมที่ยอดเยี่ยม ท่ามกลางความสนใจในโลกลูกหนัง"
ตอนนี้ คุณได้สวมเสื้อหมายเลข 6 ให้กับทีมชาติอังกฤษ ถือว่าเป็นเบอร์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ?
"เห็นอย่างชัดเจนว่า มันเป็นเบอร์ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ นักเตะอย่างบ็อบบี้ มัวร์ เคยสวมหมายเลขดังกล่าว มันจึงเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม ในการเดินรอยตามบรรดาบุคคลที่ผมคอยเฝ้ามอง และคอยเรียนรู้มาตั้งแต่ที่ยังเป็นเด็ก หมายเลข 6 ถือเป็นเบอร์ที่แสนพิเศษจริงๆ"
ชีวิตของคุณต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายแน่เลย หลังจากกลายเป็นปราการหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก ย้อนกลับไปเวลานั้น คุณผ่านมันมาได้อย่างไร ?
"เมื่อผมรู้ว่าสโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความสนใจ และอยากได้ตัวผมมาร่วมทีมจริงๆ พวกเขาถือเป็นทีมใหญ่ และผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เล่นกับสโมสรแห่งนี้"
"ย้อนกลับไปตอนเป็นเด็ก ผมมีความฝันอยากเดินลงสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาเสมอเลย รวมถึงการเดินลงสนามเวมบลีย์ ด้วย ตอนนี้ผมทำได้ทั้งสองอย่างแล้ว ผมโชคดีจริงๆ ผมเซ็นสัญญาร่วมทีมในระยะยาว แน่นอนว่า อนาคตข้างหน้านั้น เราจะต้องประสบความสำเร็จ"
เมื่อคุณย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในแง่มุมใดบ้าง ?
"อันดับแรกน่าจะเป็นคนที่เฝ้าชมเกมการแข่งขัน พวกเขาจะคอยจับผิดคุณ ในแง่ของจังหวะการเล่นที่ผิดพลาด อย่างไรก็ตาม ผมมีจิตใจที่แข็งแกร่ง พร้อมกับตอบสนองต่อข้อผิดพลาดได้เป็นอย่างดี ผมตระหนักดีว่า ผมก็ต้องมีการเล่นที่ผิดพลาดบ้าง จนกว่าผมจะเลิกเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นแหล่ะ"
"ดังนั้น ผมจึงสามารถตอบโต้ข้อผิดพลาดได้ ผมอาจถูกตัดสินจากผู้คน เกี่ยวกับความผิดพลาดของผม ทว่าผมจะลุกขึ้นมา และเล่นฟุตบอลต่อไป ความแตกต่างคือ คุณต้องตอบสนองต่อความผิดพลาด และรักษาสิ่งที่คุณทำในสนามแข่งขันต่อไป"
ตอนนี้ คุนเริ่มต้นบทบาทใหม่ กับการเซ็นสัญญาร่วมแบรนด์พูม่า ทำไมพวกเขาถึงเป็นแบรนด์ที่ใช่สำหรับคุณ ?
"พวกเขาดูแลนักเตะชั้นยอด ผมได้ยินสิ่งดีๆมากมายเกี่ยวกับพูม่า กับวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อผู้เล่นในความดูแลของพวกเขา แน่นอนว่า ผมชอบสไตล์ของรองเท้าด้วย รวมถึงความเบาสบาย ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆร่วมกันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผมแน่ใจว่า เราจะประสบความสำเร็จ ทั้งใน และนอกสนาม"
แสดงว่า พูม่า มีวิธีปฏิบัติที่ดีกับคุณ ?
"สิ่งแรกเลยคือ พวกเขาจะดูแลคุณ พร้อมกับทำให้มั่นใจว่า คุณได้รองเท้าที่ดีที่สุด สิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับการได้เข้าร่วมแบรนด์แบบนี้ คือเรื่องของในสนาม รองเท้าต้องสบายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมได้ทดลองรองเท้ามาอย่างมากมาย โดยพบว่า พูม่า ให้ความรู้สึกเบาสบายต่อเท้าของผมมากที่สุดแล้ว พวกเขาทำการสแกน และวัดเท้าของผม จากนั้น ผมก็สวมใส่รองเท้า และพบว่าความรู้สึกมันดี และสะดวกสบาย"
ย้อนเวลากลับไป คุณจำรองเท้าคู่แรกๆของตัวเองได้มั้ย ?
"ตอนเป็นเด็ก สิ่งแรกที่คุณอยากได้เป็นของขวัญในช่วงวันคริสต์มาส นั่นคือรองเท้าสตั๊ด โดยเฉพาะรุ่นใหม่ที่เพิ่งออกมา มันเป็นเรื่องพิเศษที่คุณจะได้รองเท้าฟุตบอลคู่แรก ตอนนี้ ผมมีหลานชายอายุ 2 ขวบ เขารู้สึกตื่นเต้นกับรองเท้าเช่นเดียวกัน"
