เต็ง 1 อย่างแท้จริง

          ลิเวอร์พูลในตอนนี้นั้น ไม่ว่าถึงจะไม่ชอบหรือเป็นเกลียดกันซักแค่ไหนก็ตาม แต่ยังไงก็ไม่อาจจะปฏิเสธถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาได้หรอกครับ และยิ่งกับสถานการณ์ของแมนฯ ซิตี้ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นจากการอิ่มตัวในความสำเร็จในถ้วยพรีเมียร์ลีกนี้ หรือมาจากอาการบาดเจ็บที่มีมาเล่นงานผู้เล่นตัวหลักของเขาอย่างไม่หยุดหย่อนก็แล้วแต่ แต่กับลิเวอร์พูลแล้วพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งน้อยลงไปเลยแม้แต่นิด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เสริมทัพเพิ่มเข้ามาแต่อย่างใด แต่นั่นกลับทำให้พวกเขามีทีมเวิร์กที่แข็งแกร่งขึ้นจากการที่เล่นด้วยกันมาด้วยกันอย่างยาวนานและต่อเนื่อง และยังเสริมด้วยความมั่นใจที่พุ่งถึงขีดสุดจากการที่พวกเขาเพิ่งคว้าแชมป์ยุโรปมาได้ในปีล่าสุด นั่นก็ทำให้เขาถูกยกขึ้นมาเป็น “เต็ง 1” อย่างเอกฉันท์จากสื่อและแฟนบอลแทบจะทุกสำนัก และอาจจะบอกได้ว่า นี่คือ “สถานการณ์ใหม่” ที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อนจริงๆ ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นดาบ 2 คมสำหรับพวกเขาเหมือนกันนะครับ







ศัตรูที่มองเห็น

          เราเห็นกันได้บ่อยๆ แล้ว ว่าที่ผ่านๆ มา แม้ว่าลิเวอร์พูลจะเก็บแต้มได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่กว่าพวกเขาจะได้แต้มแบบนี้เรียกได้ว่าทุลักทุเล และต้องดิ้นรนแทบจะทุกนัดเลยทีเดียว และเชื่อเหลือเกินว่าครั้งล่าสุดที่พวกเขาเบียดชนะคริสตัล พาเลซแบบหืดจับได้แบบนี้ จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาต้องเจออย่างแน่นอน ยิ่งกับสถานะที่เป็น “เต็ง 1” อย่างที่หลายๆ คนยัดเยียดให้ นั่นก็ยิ่งทำให้ทีมฝั่งตรงข้ามนั้นมีแรงจูงใจ และทุ่มเทมากเป็น 120% เลยทีเดียว เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นความจริง ที่ว่า “ไม่ว่าใครก็อยากหยุดลิเวอร์พูล” ให้ได้ และการหยุดพวกเขาได้แม้แต่ดึงเสมอ ก็ถือว่าเป็นเป้าหมายที่ทุกทีมพยายามจะทุ่มเต็มที่เวลาเจอกับลิเวอร์พูลอยู่แล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนการเก็บ 1 แต้มกับการเป็นทีมเยือนหรือทำแต้มหลุดมือไปบ้าง อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแต่อย่างใด แต่กับยุคสมัยในตอนนี้ การเสมอหมายถึงการทำแต้มหล่นไป 2 แต้ม และอาจจะส่งผลกระทบได้รุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ตรงนี้อยู่ที่ทีมลิเวอร์พูลแล้ว ว่าจะหาทางมารับมือกับคู่แข่งที่มองเห็นเขาเป็นศํตรูอันดับ 1 ในตอนนี้ได้อย่างไร




ศัตรูตัวใหม่

          เมื่อซีซั่นก่อน ลิเวอร์พูลพลาดการได้แชมป์ไปอย่างน่าเสียดายจากการเก็บแต้มน้อยกว่าแมนฯ ซิตี้ไปเพียง 1 คะแนน ในตอนนั้นพวกเขาอาจจะกดดันเป็นอย่างมาก กับสถานการณ์การลุ้นแชมป์ที่พวกเขาแทบจะไม่คุ้นชินกันแต่อย่างใด แต่ในตอนนี้พวกเขาแก้สถานการณ์นี้ได้เป็นอย่างดีแล้ว ความมั่นใจกับประสบการณ์ของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างมากจากการที่เพิ่งคว้าแชมป์ยุโรปไปดังกล่าว แต่สิ่งที่เรียกได้ว่า “ศัตรูตัวใหม่” ที่พวกเขาไม่เคยเจอ ที่ว่าไว้ คือ “โปรแกรมการแข่งขัน” ที่พวกเขาต้องพบเจอในอนาคตนี่แหละครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเกมคาราบาว คัพ และกับเกมชิงแชมป์สโมสรโลกในช่วงสิ้นเดือนที่แข่งแทบจะพร้อมกัน จนทำให้พวกเขาต้องแบ่งทีมออกเป็น 2 ทีมเพื่อที่จะแข่ง 2 ถ้วยเลยทีเดียว และกับโปรแกรมช่วงบ๊อกซิ่ง เดย์ที่เตะกันถี่ๆ ในช่วงนั้น นี่คือบททดสอบครั้งใหม่ของพวกเขาเลยทีเดียว แม้ว่าตอนนี้กำลังสำรองของพวกเขาจะยกระดับออกมาได้ระดับนึงแล้วก็ตาม แต่ยังไงก็ต้องยอมรับกันล่ะครับ ว่าช่องว่างระหว่างตัวจริงและตัวสำรองของลิเวอร์พูล ยังค่อนข้างมีระยะห่างกันอยู่พอสมควร กับโปรแกรมที่ชุกชุมขนาดนี้ กับการเก็บรักษาสภาพความฟิตของนักเตะตัวหลักของพวกเขาให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดในแต่ละนัด  นี่คือศัตรูตัวใหม่และบททดสอบของทีมงานและนักเตะลิเวอร์พูลครั้งใหญ่มากพอสมควรเลยทีเดียว




 บทเรียนจากปีก่อน
        
          ถ้าถามว่าปีก่อนลิเวอร์พูลพลาดท่าไปตรงไหน ... นอกจากการความกดดันแล้ว จะเห็นได้ว่าช่วงที่ลิเวอร์พูลตื้อตันและเร่งไม่ค่อยขึ้นนั้น มีสาเหตุมาจากการขาดหายไปของผู้เล่นตัวหลักนี่แหละครับ ช่วงที่เสมอติดๆ กัน นั่นก็ไม่มีเทรนท์ อาโนลด์อยู่หลายนัดทำให้เกมรุกที่เคยไหลลื่นของทีมอยู่ดีๆ ก็ช๊อตไปเสียดื้อๆ เสียอย่างนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าลิเวอร์พูลจะคิดถึงเรื่องนี้ไว้แล้วเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วล่ะครับ ยอดโค้ชอย่างคล็อปป์คงไม่ยอมพลาดเรื่องเดิมๆ ซ้ำสองอยู่แล้ว ถ้าสังเกตดีๆ เขาพยายามจะลองแผนอะไรใหม่ๆ ตัวผู้เล่นใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ เหมือนกัน ซึ่งนั่นก็เป็นนิมิตรหมายที่ดีครับ ว่าคล็อปป์ได้เตรียมการสำหรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดไว้อยู่บ้างพอสมควรแล้ว

          สถานการณ์ใหม่ๆ กับศัตรูตัวใหม่ๆ ที่พวกเขาเจอในตอนนี้ จะเป็นข้อพิสูจน์ครั้งสำคัญว่าพวกเขาจะผ่านมันไปได้ไหม แต่นี่ก็เป็นบททดสอบที่สมน้ำสมเนื้อดีกับการทำลายกำแพง 30 ปีที่รอคอยอยู่เหมือนกัน ยิ่งยากก็ยิ่งท้าทาย และ คุ้มค่ากับการพิชิตมันให้ได้ กองเชียร์ลิเวอร์พูลไม่เคยเจออะไรง่ายๆ อยู่แล้วล่ะครับ จริงไหมล่ะ  !!!