:::     :::

คุยกับ เฉลิมวุฒิ สง่าพล : จากคนรุ่นเก๋าสู่เหล่า "ช้างศึกซีเกมส์"

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2562 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
2,048
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ช่วงนี้ขุนพล "ช้างศึก" กำลังปฏิบัติภารกิจป้องกันแชมป์ฟุตบอล ซีเกมส์ เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน ทว่า หลังจากที่เกมแรกพลาดท่าพ่ายต่อ อินโดนีเซีย 0-2 จนเกิดกระแสวิจารณ์มากมายว่านักเตะชุดนี้ขาดจิตวิญญาณนักสู้ ขาดคาแร็คเตอร์ของผู้ชนะ และขาดวิธีการที่หลากหลายในการเข้าทำในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่ง ความเป็นจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า คงไม่อาจทราบได้ แต่วันนี้ผมมีบทสนทนาที่คุยกับ "โค้ชหนุ่ย" เฉลิมวุฒิ สง่าพล อดีตตำนานกองกลางทีมชาติไทยที่เคยได้รับฉายา "เกล็น ฮอดเดิ้ล" เมืองไทย มาถ่ายทอดเพื่อสื่อสารถึงน้องๆ ทีมชาติไทย ยุคนี้กัน

แมน : สวัสดีครับพี่หนุ่ย ตอนนี้มีความคืบหน้าเรื่องทีมใหม่ที่จะคุมในฤดูกาลหน้าหรือยังครับ

เฉลิมวุฒิ : ก็มีติดต่อมาชวนๆ อยู่บ้างนะ แต่ยังไม่ได้คืบหน้าอะไรเท่าไหร่ แล้วเรามีเรื่องอะไรอยากคุยกับพี่ล่ะ

มน : อยากคุยเรื่องทีมชาติไทยในซีเกมส์ครั้งนี้ครับ เกมแรกกับ อินโดนีเซีย ที่เราแพ้ 0-2 พี่หนุ่ยได้ดูใช่มั้ยครับ คิดยังไงกับผลงานของไทยบ้าง และคิดว่าปัญหามันเกิดจากอะไร

เฉลิมวุฒิ : ได้ดูอยู่ ก็มองว่าเป็นการเล่นด้วยการอาศัยความสามารถเฉพาะตัวมากกว่าน่ะนะ เพราะ นิชิโนะ เขาคงยังไม่สามารถลงรายละเอียดเรื่องวิธีการเล่นให้กับนักเตะเป็นรายบุคคลได้เท่าไหร่ ด้วยเวลาที่มันมีจำกัด เพราะเขาเพิ่งจะเสร็จจากงานทีมชาติชุดใหญ่ที่คัดบอลโลกเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง 


แมน : พี่หนุ่ยมองว่าปัญหาคือเรื่องความเข้าใจในการเล่นร่วมกันใช่มั้ย

เฉลิมวุฒิ : ใช่ ผมมองเป็นปัญหาเรื่องการจัดการ และการเตรียมความพร้อม เราเห็นตั้งแต่ช่วงเกมอุ่นเครื่องก่อนมาซีเกมส์แล้วล่ะ ว่าความเข้าใจระบบ และการเล่นร่วมกันเป็นทีมของชุดนี้ยังไม่ลงตัว และที่น่าเสียดายก็คือเราไม่ได้สร้างทีมจากความเป็นทีมเวิร์คขึ้นมาก่อน เพราะอาจคิดว่าเดี๋ยวพวก 3-4 คนที่มาจากชุดใหญ่เข้ามารวมตัวผลงานก็อาจจะดีขึ้น แต่นั่นคือความคิดที่ผิดพลาดนะ เพราะถ้าพื้นฐานของทีมยังขาดทีมเวิร์ค ต่อให้ได้ตัวหลักๆ มาเพิ่มก็ลำบากอยู่ดี เราจะเห็นภาพนักเตะสับสนกันเองว่าจังหวะนี้ใครจะวิ่งมารับส่งบอล ใครจะขยับทะลุช่องขึ้นไป รูปแบบการเข้าทำมันก็เลยไม่หลากหลายเท่าไหร่

แมน : อินโดนีเซีย เขานำแล้วลงไปตั้งรับลึก จนทีมไทยเราหาช่องเข้าไปเจาะยากมาก ทั้งเกมเรามีโอกาสยิงเข้ากรอบแค่ 2 ครั้งเองครับ

เฉลิมวุฒิ : ก็นั่นน่ะสิ เราครองบอลมากกว่าเขาเยอะ เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะเขาปล่อยให้เราครองบอลในพื้นที่ไม่อันตราย เพื่อจะให้หลังเราดันสูง แล้วเขามีตัวริมเส้นที่มีความเร็วคอยโต้กลับ ซึ่งกองหลังของเราก็ช้ากว่าเขาอยู่แล้ว พี่เห็นว่าเราพยายามจะเจาะตามช่องมากเกินไป ไปเลี้ยงอยู่ริมเส้น หรือเลี้ยงตรงที่ตัวอินโดเขามีน้อย แต่เราไม่ใช้การเสี่ยงหลายๆ รูปแบบ เช่นการครอสจากด้านข้าง หรือ เออร์ลี่ครอส ลองยิงไกล ลองลากเลื้อยเข้าไปในกรอบเขตโทษ ซึ่งอาจจะได้ฟาวล์ หรือจะลองโยนบอมบ์และคอยเก็บตกแถวสองบ้าง ไม่ได้หมายความว่าเอะอะจะให้โยนนะ แต่เราไปเสียเวลาในการครอบครองบอลมากเกินไป พอเข้าพื้นที่สุดท้าย เราไม่เสี่ยงที่จะใช้หลายๆ วิธีเพื่อจบสกอร์ ถ้าครองบอลเยอะแล้วโอกาสยิงเยอะกว่าเขาก็ไปอย่าง แต่นี่กลายเป็นอินโดมีโอกาสยิงเยอะกว่าเรา แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว


แมน : แฟนบอลออกมาวิจารณ์นักเตะกันเยอะ โดยเฉพาะแผงกองหลัง พี่หนุ่ยคิดเห็นยังไง

เฉลิมวุฒิ : เราใช้ผู้เล่นที่เป็นฟูลแบ็ค ไม่ใช่วิงแบ็ค ดังนั้นการขึ้นไปเติมเกมรุกก็จะดูฝืนๆ ไม่เป็นธรรมชาติ แต่ถ้าจะให้ฟูลแบ็คขึ้นไปเล่นเกมรุกเยอะๆ แน่นอนล่ะว่าเวลาถูกโต้กลับแล้วเจอปีกเร็วๆ คล่องๆ ก็ลำบากเหมือนกัน อินโดเขาวางแผนมาชัดเจนว่าจะมาเล่นเพื่อรักษาสกอร์ที่นำอยู่ เห็นไหมว่าเขาใช้ผู้เล่นในเกมรุกน้อยมาก และพวกนี้จะเก็บแรงไว้วิ่งแข่งกับกองหลังเราอย่างเดียวเลย ส่วนนักเตะไทยไม่ใช่ไม่เก่งนะ แต่สไตล์การเล่นของตัวรุกเราคล้ายๆ กัน บางทีถ้าไม่ได้ซ้อมด้วยกันบ่อยๆ ต่างคนต่างมาคนละที่ พอเล่นร่วมกันก็จะงงๆ แบบนี้ เพราะไม่รู้หน้าที่บทบาทที่ชัดเจน 

แมน : ถ้าซีเกมส์ครั้งนี้เราไม่ประสบความสำเร็จ พี่หนุ่ยรับได้มั้ย เราควรจะมองข้ามผลงานในซีเกมส์ได้หรือยัง เพราะเราเป็นแชมป์มา 16 ครั้งแล้ว แถม 13 ครั้งหลังสุด เราได้แชมป์ไปซะ 11 สมัยเลย

เฉลิมวุฒิ : คือก็ต้องยอมรับแหละว่าในภูมิภาคอาเซียน ยังไงซีเกมส์ก็มีความสำคัญนะ โดยเฉพาะความรู้สึกของแฟนบอล และครั้งนี้มันคือการต่อยอดไปสู่ทัวร์นาเม้นต์ชิงแชมป์เอเชีย ถ้าเกิดผลงานในซีเกมส์ไม่ดี ความมั่นใจของนักเตะมันก็ย่อมหายไปเยอะ แต่ถ้าไม่ได้แชมป์ก็ต้องมาดูแนวทางและรูปแบบการเล่นว่าเป็นยังไง ไม่ประสบความสำเร็จเพราะอะไร สมัยผมคุมยู-19 ไปรายการอุ่นเครื่อง 4 เส้า ตอนประชุมกับสมาคม ผมถามถึงเป้าหมายว่าซีเรียสกับผลการแข่งขันรายการนี้มั้ย ท่านนายกก็บอกผมว่าไม่เลย เพราะนี่คือทัวร์นาเม้นต์ที่จะให้ผมทดลองผู้เล่นที่สามารถเรียกไปใช้งานได้ เพราะตอนนั้นเราเรียกนักเตะที่ดีที่สุดไปไม่ได้สโมสรเขาไม่ปล่อย แล้วค่อยไปวัดผลในชิงแชมป์เอเชีย แต่ปรากฎว่าหลังจบรายการนั้นผมถูกปลดออกเพราะมีกระแสขึ้นมา หรือแม้แต่โย่ง (วรวุฒิ ศรีมะฆะ) ที่ทำทีมได้แชมป์ซีเกมส์ครั้งที่แล้ว ก็ยังถูกให้ออก แล้วพอเอเชียนเกมส์ก็เอาโย่งกลับมาทำอีกรอบ ทีมเดียวเปลี่ยนโค้ชไปมาบ่อยๆ แบบนี้ ผมเลยสงสัยว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในแต่ละรายการคืออะไรกันแน่ อย่างนิชิโนะ เองเขาก็ต้องการเวลาในการสร้างทีมในแนวทางของเขาเหมือนกัน 

แมน : เรื่องคาแร็คเตอร์ของผู้ชนะหรือจิตวิญญาณนักสู้ที่นักเตะชุดนี้ถูกวิจารณ์กันเยอะๆ ว่าซอฟท์ไปหน่อย พี่หนุ่ยมองยังไงครับ

เฉลิมวุฒิ : สำคัญนะ เพราะในระดับอาเซียน มันเป็นเกมที่เล่นกันหนักมาก ต้องมีคนในทีมที่มีความเป็นผู้นำ คอยกระตุ้นให้ทุกคนแอคทีฟ 

แมน : เรื่องพวกนี้ทีมสตาฟฟ์จะช่วยได้มั้ย อย่างครั้งก่อนๆ เราได้เห็นภาพ "โค้ชซิโก้" ที่เน้นเรื่องระเบียบวินัยและภาพลักษณ์, โค้ชโชค ที่อยู่กันแบบพี่น้องกับผู้เล่น และมีอินเนอร์มีอารมณ์ร่วมกับน้องๆ หรือ โค้ชโย่ง ที่คอยกระตุ้นเด็กๆ ทั้งในและนอกสนาม รวมถึงทีมงาน ทั้งผู้จัดการทีม แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่สมาคม ที่คอยเสริมสร้างกำลังใจระหว่างทัวร์นาเม้นต์


เฉลิมวุฒิ : ต้องช่วยกันได้ทุกๆ คนแหละ ผมนึกถึงป๋าขวัญ ที่เป็นหมอนวดทีมสมัยผมคุมทีมชาติยู-19 เขาจะคอยบอกให้นักบอลสวดมนต์นั่งสมาธิ คือโค้ชต่างชาติที่เข้ามาอาจจะช่วยได้ในเรื่องแท็กติก แต่เรื่องวัฒนธรรมไทยเขาอาจจะไม่เข้าใจ ตอนผมทำงานกับเอคโคโน่ นักเตะอยู่บนรถบัส ก็มีคนนึงนำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วก็ร้องกันทั้งคัน แต่เอคโคโน่เขาไม่รู้ นึกว่าร้องเพลงอะไรกันก็บอกให้หยุดร้อง และให้ทุกคนนั่งเงียบทำสมาธิ ซึ่งด้วยความไม่เข้าใจวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน นักเตะก็อาจจะกลายเป็นเกร็งๆ กดดันกันไป 

แมน : วันก่อนผมคุยกับพี่โย่ง (วรวุฒิ ศรีมะฆะ) แกบอกผมว่าทีมชาติชุดไหนก็ตาม ถ้านักเตะเล่นเพื่อ 3 อย่างนี้ ชุดนั้นถึงจะประสบความสำเร็จ ก็คือ 1.เล่นเพื่อตัวเอง 2.เล่นเพื่อโค้ช และ 3.เล่นเพื่อธงชาติที่หน้าอก

เฉลิมวุฒิ : ที่โย่งพูดก็ถูกเลย การเล่นเพื่อตัวเอง ถ้าทำได้ดีตัวเองก็ได้ประโยชน์ตามมา และผลงานของทีมมันก็ดีไปด้วย การเล่นเพื่อโค้ช ก็คือโค้ชทำให้นักเตะเล่นแบบถวายหัวให้เพราะรักและศรัทธาเชื่อใจกัน และแน่นอนว่าการเล่นเพื่อชาติมันจะเป็นตัวกระตุ้นให้เรามีความทุ่มเทแรงกายแรงใจ สมัยผมเป็นนักเตะหรือเป็นโค้ชทีมชาติก็ตาม เวลาเราไปแข่งให้ทีมชาติ ในแคมป์มักจะเปิดเพลงปลุกใจตลอดเวลา ไม่ก็เพลงชาติหรือเพลงสรรเสริญพระบารมี เวลาก่อนแข่งที่ต้องร้องเพลงชาติไทย ทุกคนจะตะเบ็งให้ดังสุดเสียง เพราะมีความภาคภูมิใจที่ได้มาเป็นตัวแทนทีมชาติ เราถูกปลูกฝังกันมาว่าการเล่นทีมชาติมันคือที่สุดของนักฟุตบอลแล้ว แต่สมัยนี้การติดทีมชาติมันอาจกลายเป็นเรื่องของฟุตบอลมากเกินไป ลูกครึ่งบางคนไม่ได้อาศัยอยู่ประเทศไทยมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้ซึมซับวัฒนธรรม อาจร้องเพลงชาติไทยยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่ได้หมายความว่าพวกลูกครึ่งไม่ดีนะ แต่พี่มองถึงความรู้สึกภาคภูมิใจในการเล่นทีมชาติของเด็กรุ่นหลังๆ มากกว่า


แมน : ทีมอื่นๆ ในซีเกมส์ครั้งนี้ใช้ผู้เล่นโควตาอายุเกิน 2 คน ซึ่งอาจเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ไทยเราไม่ใช้ เพราะมองว่าต้องการเตรียมทีมสำหรับชิงแชมป์เอเชียไปเลย

เฉลิมวุฒิ : จริงๆ ชุดนี้ผมอยากให้เรียกผู้เล่นโควตาอายุเกิน 2 คนมาช่วยประคองนะ ผมเคยไปประชุมกับ เอเอฟซี เขาบอกว่าในเกมระดับเยาวชน ตั้งแต่ ยู-16, ยู-19, ยู23 อะไรก็แล้วแต่ ไม่ต้องไปเน้นผลการแข่งขันมากนัก เพราะนี่เป็นรายการที่เขาจัดมาเพื่อให้พัฒนานักเตะเยาวชน ทำไมเขาถึงเปิดโควตาอายุเกินมารู้มั้ย ทั้ง ซีเกมส์, เอเชียนเกมส์ หรือโอลิมปิก เพราะเขามองว่าควรต้องมีคนที่มีประสบการณ์มาช่วยประคองพวกเยาวชนบ้าง นักเตะดาวรุ่งในไทยลีกหลายๆ คนผลงานดี แต่พอเล่นทีมชาติกลับทำไม่ได้เหมือนในสโมสร เพราะตอนอยู่ในสโมสรเขามีรุ่นพี่ช่วย พอมาเล่นในรุ่นเดียวกันกลายเป็นต้องมีบทบาทสำคัญขึ้นมา แต่พี่ก็เข้าใจนิชิโนะและสมาคมนะ อยู่ที่ว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ถ้ามันไม่ประสบผลสำเร็จ แล้วจะสนับสนุนเขาหรือเปล่า แล้วทางสมาคมได้แจ้งให้นักวิเคราะห์หรือแฟนบอลทราบชัดเจนแค่ไหน ว่าเรามีแนวทางแบบนี้นะ ถ้าไม่ได้แชมป์ซีเกมส์พวกคุณต้องเข้าใจด้วยนะ พี่ไม่รู้ว่าเขาทำแบบนั้นหรือเปล่า   

แมน : ชุดนี้ก็จะเป็นชุดที่ใช้แข่งชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 ที่จะเป็นการคัดโอลิมปิก เดือนมกราคมนี้ หลังจากนี้ นิชิโนะ เขาจะมีเวลาอยู่กับทีมชุดนี้ไปอีกประมาณเกือบ 2 เดือน คิดว่าจะปรับจูนให้ลงตัวได้ทันมั้ยครับ


เฉลิมวุฒิ : พี่เห็นใจนิชิโนะนะ เพราะเขาเพิ่งจะปวดหัวกับการทำทีมคัดบอลโลก แล้วแทบไม่มีเวลามาทำความรู้จักผู้เล่น หรือเข้าไปลงรายละเอียดให้กับนักเตะชุดนี้เลย ตอนอุ่นเครื่องเขาก็ทำได้แค่ไปนั่งดูเกม เพราะช่วงเวลา 2 ชุดมันคาบเกี่ยวกัน การจะทำให้นักเตะเข้าใจแนวทางและระบบการเล่นทันทีมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าให้ แบน (ธชตวัน ศรีปาน) ทำตั้งแต่แรกจนจบไปเลย แล้วให้ นิชิโนะ เขาเป็นที่ปรึกษาดูภาพรวมไปก็ได้ แต่ในเมื่อเลือกที่จะเอานิชิโนะมานั่งคุมหน้างานเลย ก็ต้องเป็นไปตามสภาพ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการภายในทีมแล้วล่ะครับ ว่าจะสนับสนุนให้เขาทำงานได้เต็มที่มากแค่ไหน 

แมน : คิดว่าทีมไทยจะกลับสู่เส้นทางเข้ารอบและลุ้นป้องกันแชมป์ในครั้งนี้ได้มั้ยครับ

เฉลิมวุฒิ : ก็ยังมีโอกาสนะ ในเกมกับบรูไน 3 แต้มไม่พลาดอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่โค้ชต้องการก็คงเป็นการปรับความเข้าใจในการเล่นเป็นทีมนี่ล่ะ คู่แข่งที่เหลือก็ไม่ง่ายนะ แต่ถ้าเกมเจอบรูไนเราจูนกันติดได้ เกมที่เหลือมันก็จะมีทีมเวิร์คให้เห็นมากขึ้น ซึ่งถ้าเราเล่นได้ตามมาตรฐานและมีความเข้าใจในการเล่นร่วมกัน พี่ว่าเราก็ยังมีโอกาสทำได้


แมน : ขอบคุณมากครับพี่หนุ่ย วันนี้ผมขอรบกวนพี่เท่านี้นะครับ

เฉลิมวุฒิ : ขอบคุณครับแมน วันนี้คุยกันหลายพอยท์เลย ก็เอาลงแค่เรื่องซีเกมส์แล้วกันนะ

แมน : ได้ครับพี่ ขอบคุณครับ


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์)



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด