:::     :::

สำรอง ของแรง

วันพฤหัสบดีที่ 05 ธันวาคม 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
4,235
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สิ่งที่ลิเวอร์พูลดูจะเป็นรองคู่แข่งคนสำคัญของพวกเขาอย่างแมนฯ ซิตี้ ก็คือเรื่องของกำลังสำรองที่ดูเหมือนจะไม่สามารถทดแทนตัวจริงได้นี่แหละครับ และหลายๆ คนก็เชื่อว่า นี่อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญหรือจุดเปลี่ยนที่ส่งผลต่อการลุ้นแชมป์ในช่วงสำคัญเลยทีเดียว



โรเตชั่น


          ในโปรแกรมที่เตะกันถี่ยิบแบบนี้ มีความจำเป็นเหลือเกินครับ ที่แต่ละทีมจะต้องมีการหมุนเวียนนักเตะบ้างเพื่อรักษาสภาพร่างกายของนักเตะให้ดีที่สุดและลดอาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นจากการลงสนามแบบต่อเนื่องแบบนี้ ลิเวอร์พูลเองก็เช่นกัน เกมนี้พวกเขาใช้ ดิว็อก โอริกี้  , เซอร์ดาน ชากิรี่ , เจมส์ มิลเนอร์ , อดัมส์ ลัลลาน่า ลงมาเป็นตัวจริงแบบเซอร์ไพรซ์กองเชียร์มากพอสมควร โดยเฉพาะกับเกมดาร์บี้แมชต์แบบนี้  ที่หลายๆ คนลงความเห็นว่า “ถ้าลิเวอร์พูลจะทำแต้มหล่นซักเกมก็น่าจะเป็นเกมแบบนี้แหละ” เพราะเกมที่เปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีและความเข้มข้นแบบนี้ อันดับของทั้งสองทีมแทบจะไม่เกี่ยวข้องเท่าไร เพราะว่าแรงจูงใจในเกมนี้มักจะสูงกว่าเกมทั่วไประดับนึง แม้แต่คล็อปป์เองยังบอกว่า ทางเอฟเวอร์ตันเองก็หวังว่าจะใช้เกมนี้เป็นจุดเปลี่ยนเหมือนกัน  ซึ่งก็น่าแปลกใจกับคล็อปป์มากพอดู ... ทั้งๆ ที่เขาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวแบบนั้น แถมแฟนบอลทั่วไปก็มองว่าตัวสำรองของลิเวอร์พูลคือจุดอ่อนแบบนี้ เขาก็ยังจัดทีมแบบนี้อีกหรือ? เล่นเอาแฟนๆ วิตกกังวลกันพอสมควรทีเดียวเมื่อเห็นรายชื่อนักเตะที่ว่า และหลายๆ คน คงบ่นๆ ในใจว่า “จะไหวไหมวะเนี่ย???”



ง่ายกว่าที่คิด  
 

      
          แต่เมื่อเกมผ่านไปไม่นาน ต้องบอกว่าตัวสำรองของลิเวอร์พูลนั้นทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียวครับ โดยเฉพาะดิว็อก โอริกี้ ที่ดูเหมือนจะถูกโฉลกกับเอฟเวอร์ตันเสียเหลือเกิน เการผสมผสานของผู้เล่นชุดนี้ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ผู้เล่นตัวหลักที่คล็อปป์จัดลงมาประคองทีมในเกมนี้ก็ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะซาดิโอ มาเน่ ที่ตอนนี้ดูจะสถาปนาตัวเองเป็นเบอร์ 1 ของทีมอย่างเต็มตัวแล้วจริงๆ เกมนี้เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดจริงๆ เขาฉีกแนวรับของเอฟเวอร์ตันได้แทบจะทั้งเกม ประตูแรกและประตูที่สอง ก็มาจากการแทงทะลุช่องให้ทั้งดิว๊อก โอริกี้ และ ชากิรี่ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ และทั้งสองคนก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป จัดการส่งบอลเข้าไปกองก้นตาข่ายได้อย่างเฉียบคม แม้จะโดนตีไข่แตกไล่มา แต่โอริกี้  ก็โชว์ทักษะสุดยอดในการรับบอลยาวของลอฟเรนอย่างนุ่มนวลและดีดเข้าไปให้ทีมหนีไปอีกรอบ 3-1 และอีกไม่นานก็เป็นมาเน่ที่คราวนี้จัดการเองจากการโต้กลับอย่างยอดเยี่ยมโดยเทรนท์ อาโนลด์แล้วไหลให้กับเขายิงเสียบมุมเข้าไปอย่างสุดยอด ทำให้ลิเวอร์พูลหนีห่างไปเป็น 4-1 จริงๆ เกมนี้น่าจะไม่มีอะไรพลิกล๊อกแล้วแต่ลิเวอร์พูลก็ประมาทและทำให้เอฟเวอร์ตันไล่มาอีกทีก่อนจบครึ่งแรกเป็น 4-2 แต่ก็นั่นแหละ แม้ว่าจะเหลืออีกครึ่งนึงก็ตาม แต่อาจจะบอกได้เลยว่าเกมนี้เป็นของลิเวอร์พูลโดยสมบูรณ์แล้ว 







ยิ่งเล่นยิ่งห่าง


          เกมครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตันแทบไม่ได้สร้างความกดดันให้ลิเวอร์พูลในการยิงประตูเลย อาจจะเรียกได้ว่าแฟนลิเวอร์พูลไม่ได้กังวลว่าเอฟเวอร์ตันจะยิงประตูไล่มา แต่กลัวที่เกมนี้จะหนักจนอาจจะมีผู้เล่นบาดเจ็บไปมากกว่า แนวโน้มที่เอฟเวอร์ตันจะไล่มาแทบไม่มีกลับกันโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะฉีกหนีห่างออกไปกลับมีมากกว่าเสียอีก เพียงแต่ผู้เล่นลิเวอร์พูลไม่เฉียบคมพอเท่านั้น ในครึ่งแรกเอฟเวอร์ตันอาจจะมีโอกาสทำเกมบุกบ้าง เพราะคล็อปป์ใช้อดัมส์ ลัลลาน่าเป็นตัวรับ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะบอบบางเกินไปกับตำแหน่งนี้ ทำให้ผู้เล่นเอฟเวอร์ตันเล่นเกมรุกกันได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร แต่พอคล็อปป์เห็นตรงจุดนั้นแล้วเปลี่ยนตัวเอาจอร์แดน เฮนเดอร์สันลงมา เอฟเวอร์ตันก็แทบจะไม่มีโอกาสบุกอีกเลย และเกมในแดนกลางก็แทบจะกลายเป็นของลิเวอร์พูลโดยสมบูรณ์ แม้ว่ากัปตันเฮนโด้ อาจจะโดนแฟนๆ ก่นด่าว่าเป็น”อาแปะ”  หรือว่า “ทำอะไรไม่ได้ นอกจากส่งบอลคืนหลัง” แต่เกมนี้เห็นได้ชัดเจนจริงๆ ว่าการที่ทีมมีเฮนโด้ กับไม่มีนั้น รูปเกมมันช่างต่างกันเหลือเกิน และในเกมนี้เขาก็ไม่ใช่แค่แปะบอลอย่างเดียว แต่มีการวางบอลยาวให้เพื่อนหลุดไปสวยๆ หลายจังหวะให้เห็นกันหลายครั้ง ตอนที่ไม่มีฟาบินโญ่แบบนี้เห็นเฮนโด้เล่นในตำแหน่งนี้ได้อย่างนี้ แฟนๆ ก็น่าจะเบาใจไปได้ในระดับนึงล่ะครับ ถึงจะดีไม่เท่าฟาบินโญ่ แต่ว่าก็ไม่ถึงขนาดวิกฤติแบบที่หลายๆ คนคิดแน่นอน และพอเกมเป็นของลิเวอร์พูลโดยสมบูรณ์ ก็ได้ไวนัลดุม มายิงปิดกล่องไปได้อีกประตู กลายเป็นว่านี่เป็นเกมดาร์บี้แมชต์ที่ง่ายที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว




พูดจริงทำจริง


          ถ้าใครยังพอจำได้ ว่าในวันที่ลิเวอร์พูลตัดสินใจไม่เสริมผู้เล่นในทีมชุดใหญ่ในซัมเมอร์นี้ คล็อปป์ให้้สัมภาษณ์ว่าเขาเชื่อใจในผู้เล่นของเขาชุดนี้เป็นอย่างมาก พร้อมทั้งบอกว่า”ไม่มีผู้เล่นแย่ๆ ในทีมของเขาชุดนี้แม้แต่คนเดียว” แฟนๆ ก็ได้แต่บ่นและวิตกกังวลว่าผู้เล่นชุดเดิมแบบนี้จะไปสู้กับแมนฯ ซิตี้ได้ยังไง หรือหลายคนถึงขั้นด่าและบอกว่า “ไม่อยากได้แชมป์เหรอไง” ทำนองนี้กันเลยทีเดียว แต่ในตอนนี้หลายๆ คนคงได้เห็นกันแล้ว ว่าที่คล็อปป์พูดเอาไว้นั้นไม่ใช่เรื่องที่เขาพูดเอาเท่อย่างเดียว คล็อปป์นั้นเลือกที่จะเชื่อใจและให้โอกาสกับผู้เล่นในมือของเขาก่อน ก่อนที่จะหันไปหาตลาดนักเตะที่บ้าคลั่งเหลือเกิน และมันเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ และถ้าดูกันให้ดีแล้ว ในทีมชุดนี้ยังมีผู้เล่นที่รอที่จะได้รับโอกาสอยู่อีกหลายคนเลยทีเดียว และเกมที่เตะกันถี่ยิบแบบนี้แหละ จะทำให้ผู้เล่นกำลังสำรองที่เขาเชื่อใจแสดงผลงานออกมาแบบที่เห็นกันในเกมนี้  

          ไม่ว่าใครจะพูดแบบไหน จะดูถูกผู้เล่นของลิเวอร์พูลแค่ไหน แต่คล็อปป์นั้นเลือกที่จะมั่นคงและเชื่อใจนักเตะของเขา และให้ใจนักเตะเหล่านี้อย่างจริงใจ และในตอนนี้มันก็ผลิดอกออกผลกันให้ทุกๆ คนเห็นกันแล้ว ว่าลิเวอร์พูลนั้นไม่ได้โชคดีที่มีนักเตะเก่งๆ หรือร่ำรวยมีเงินทองมากมายเหมือนทีมอื่นๆ เขา แต่ลิเวอร์พูลนั้นโชคดีเหลือเกินที่มีกุนซือที่ชื่อ “เจอร์เก้น คล็อปป์” จริงๆ ครับ

   



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด