:::     :::

ล้มได้แต่ต้องลุกให้เป็น

วันพฤหัสบดีที่ 05 ธันวาคม 2562 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
2,258
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ใจจริงผมก็เหมือนแฟนบอลไทยทุกคนแหละ ที่อยากให้วันชาติของเรา (5 ธันวาคม) เป็นวันที่มีแต่ความสุขจากผลการแข่งขันฟุตบอลชายในซีเกมส์ 2019 อยากเขียนถึงแต่สิ่งดีๆ แต่ในโลกแห่งความจริงมันไม่เป็นเช่นนั้น ปาฏิหาริย์ที่หวังเอาไว้มันไม่เกิดขึ้น และทัพ "ช้างศึก" ของเราต้องกลับบ้านก่อนกำหนด ด้วยความเจ็บใจที่ทวีคูณเพราะถูกเขี่ยตกรอบด้วยน้ำมือของคู่แค้นอย่าง เวียดนาม

หากวิเคราะห์กันด้วยเหตุและผล ปัจจัยที่ทำให้ "ช้างศึก" ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งหมดทั้งมวลแล้วมันไม่ได้เกิดจากคู่ต่อสู้, กรรมการ, สภาพอากาศ หรือพื้นสนาม ซะทีเดียว แต่ต้องยอมรับว่าตัวแปรสำคัญที่แท้จริงมันคือการเตรียมความพร้อม และการบริหารจัดการหลายๆ ด้าน ที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ควรเป็น แต่สิ่งดีๆ ที่ยังพอปลอบใจตัวเองได้บ้างคือทัวร์นาเม้นต์นี้ ไทย คือทีมเดียวเท่านั้นที่ไม่ใช้สิทธิ์โควตาแข้งอายุเกิน 2 คน เพื่อเป็นการเตรียมทีมสำหรับสู้ศึกชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 ในช่วงต้นปีหน้า

บางคนอาจจะคิดว่านี่คือข้ออ้าง หากมีเวลาอยากให้ลองไปย้อนดูเกมคู่อื่นๆ ได้เลยว่าทั้ง โด ฮุง ดุง กับ เหงวียน จง หว่าง ของเวียดนาม, อีวาน ดิมาส และ ซุลฟิยานดี้ ของอินโดนีเซีย, เขียว ซกเพ็ง และ เรือง บุนเฮง ของกัมพูชา ว่าผู้เล่นโควตาอายุเกินมันสร้างความแตกต่างได้มากจริงๆ หรือแม้แต่เจ้าภาพฟิลิปปินส์ ที่ตกรอบแรก แทบทุกประตูจุดเริ่มต้นมาจาก สเตฟาน ชร็อค และ อาร์มานี่ อากินัลโด้ 2 แข้งอายุเกินทั้งสิ้น

การคุมทีมซีเกมส์ครั้งแรกครั้งนี้ของ อากิระ นิชิโนะ เขาคงได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิตไปอีกเยอะ การลงเตะ 5 นัดภายใน 10 วันด้วยผู้เล่นในมือเพียง 20 คน ต้องโรเทตผู้เล่นแต่ละนัดแบบไม่มีเกมไหนซ้ำหน้า เชื่อว่าแม้แต่กุนซือระดับโลกที่เก่งหรือโด่งดังกว่าเขาหลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยได้ประสบพบเจอด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ทั้งนั้น การตกรอบแรกซีเกมส์ครั้งนี้ เราได้บทเรียนที่ต้องกลับมาปรับปรุงแก้ไขหลายอย่าง เรื่องเร่งด่วนคงเป็นเรื่องสมาธิกับเกม และทัศนคติของทีม ว่าในแต่ละช่วงเวลาของเกมตอนไหนทุกคนควรทำอะไร มีใครช่วยออกมากระตุ้นบ้างหรือไม่ในสถานการณ์คับขัน เชื่อว่านักเตะหลายคนรู้หน้าที่ แต่บางคนก็ยังออกอาการเนือยๆ เฉื่อยๆ เหมือนคิดอะไรไม่ออก กว่าจะทุ่มกว่าจะจ่ายบอล มันดูช้าไปหมด ช้าจนน่าอึดอัด

อย่างเช่นตอนถูกเวียดนามตีเสมอ 2-2 ในนาที 72 ซึ่งเวลายังเหลือ โอกาสยังมี ทว่าเรากลับยังเน้นต่อบอลในแนวรับและพื้นที่แดนกลาง บอลขยับเคลื่อนที่ช้าและขึ้นไปถึงแดนบนน้อยมาก กระทั่งอยู่ในช่วงท้ายเกม เราก็ยังคงเล่นเหมือนเดิม ต่อบอลชิ่งไปมาในพื้นที่ของตัวเอง เสี่ยงที่จะเสียบอลและโดนโต้กลับจนเกือบโดนแซงอยู่หลายครั้ง คงเพราะไอเดียตัน หาวิธีเจาะขึ้นไปทำเกมรุกไม่ได้ ขนาดเวลาใกล้หมดแล้วก็ยังไม่ลองเสี่ยงโยนบอมบ์ไปหน้าประตูเวียดนามให้เร็วที่สุดอย่างที่ควรทำอยู่ดี ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่าสตาฟฟ์โค้ชสั่งให้นักบอลทำแบบนั้นหรือเปล่า เพราะโดยคอมมอนเซนส์ทีมที่ต้องการประตูส่วนใหญ่เขาไม่ทำแบบนี้

อีกเรื่องคือความสมดุลในตำแหน่งการเล่นของนักเตะ เพื่อนร่วมกลุ่มอย่างเวียดนามหรืออินโดนีเซีย มีผู้เล่นที่ถนัดในแต่ละตำแหน่งจริงๆ อาจจะดีมาก ดีน้อย หรือพอใช้ แต่ไม่ต้องฝืนธรรมชาติมากนัก ในขณะที่ไทย ปัญหาชัดเจนที่สุดคือการเลือกใช้เซนเตอร์และฟูลแบ็ค มาเล่นในรูปแบบวิงแบ็คที่ต้องช่วยเติมเกมรุก สิ่งที่นักเตะเหล่านี้มีปัญหาก็คือความเร็ว, การเลี้ยงบอล และการครอสบอล เอาไปดวลกับปีกกับวิงแบ็คธรรมชาติของคู่ต่อสู้ไม่ได้ นักเตะบางคนอาจดูพอมีแวว แต่ก็ยังขาดประสบการณ์ในเกมระดับชาติจนออกอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด 

สำหรับเกมรุกชุดนี้ยังพอฝากผีฝากไข้ได้ แต่ฟุตบอลถ้าจะให้ดีต้องเล่นด้วยความสมดุลทั้งทีม หากแนวรับไม่สามารถบิวดิ้งอัพให้บอลเคลื่อนมาถึงแดนบน ตัวรุกจะเก่งแค่ไหนแต่ถ้าโดนประกบติดและถูกเพรสซิ่งเร็วตลอดก็คงหาโอกาสพลิกและสร้างสรรค์เกมได้ยากลำบาก

ความแตกต่างระหว่างทีมชุดใหญ่กับชุดนี้ คือ แผงแบ็คโฟร์ของชุดซีเกมส์นั้นความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นตำแหน่งแบ็คยังหาคนที่เกมรุกดีเกมรับเยี่ยมใกล้เคียงชุดใหญ่ไม่ได้เลย สไตล์ของ นิชิโนะ เน้นการเปิดเกมรุกจากผู้เล่นทุกพื้นที่ โดยเฉพาะตัวริมเส้น ด้วยระบบ 4-2-3-1 ที่ยึดคอนเซ็ปต์เดียวกับชุดใหญ่ ความแตกต่างอีกจุดคือ 2 มิดฟิลด์ตรงกลาง ชุดใหญ่มีตัวหลักอย่าง สารัช อยู่เย็น และ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล ซึ่งมีสกิลเล่นได้ดีทั้งรุกและรับ เสียบอลยากและจ่ายบอลได้ดีทั้งสั้นและยาว แต่ชุดซีเกมส์การจ่ายบอลจากแนวลึกที่ได้ผลแทบไม่มีให้เห็น กองกลางไม่ว่าใครจับคู่กัน จะเน้นการออกบอลไปทางด้านข้างให้แบ็คขึ้นมาเติมเป็นส่วนใหญ่ และพอแบ็คไม่สามารถครอสบอลแบบได้เสีย ตัวรุกทั้ง 4 คนก็ต้องถอยลงมาช่วยรับบอลเพื่อสร้างเกม ทำให้เวลาขึ้นเกมบุกแต่ละที ไทยเหลือผู้เล่นเข้าไปในกรอบเขตโทษน้อยมากๆ 

จากที่ได้พูดคุยกับโค้ชในไทยลีกหลายๆ คน ต่างวิจารณ์ว่าแนวรุกชุดนี้ของไทย มีผู้เล่นไปกับบอลได้ดีและมีจินตนาการในการเล่น แต่สไตล์ค่อนข้างคล้ายกัน ไม่มีคนที่มีบุคลิกเป็นผู้บัญชาเกม บางทีจะมีอาการสับสนและกังวลกับบทบาทในการประสานงานร่วมกันอยู่บ้าง นั่นอาจเพราะได้มีเวลาซ้อมร่วมกันไม่นานมากนัก เพราะทีมชุดนี้ไม่ได้สร้างพื้นฐานเรื่องทีมเวิร์คให้แน่นเอาไว้ก่อนที่จะได้นักเตะจากชุดใหญ่เข้ามาเสริม

ยังมีหนึ่งคนที่เห็นว่ามีอนาคตมากๆ และจะต่อยอดไปได้อีกไกลคือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ขยับเคลื่อนที่ได้ดีทั้งตอนมีและไม่มีบอล และที่สำคัญที่สุดคือ "น้องแบงค์" มีคาแร็คเตอร์ของคนไม่ยอมแพ้ มีความกระหายชัยชนะ มีหัวจิตหัวใจที่แสดงให้เห็นความเป็นผู้นำที่พึ่งพาได้ ในขณะที่แฟนบอลกำลังกระหน่ำคำด่าทอทางคีย์บอร์ด แต่เด็กวัย 17 ปีก็ยังคงพยายามวิ่งสู้ไม่มีหยุด และเชื่อว่าสำหรับ ซีเกมส์ 2019 คงไม่มีแฟนบอลไทยคนไหนกล้าตำหนิหนุ่มน้อยคนนี้แน่

สิ่งสำคัญที่ต้องเก็บไปเป็นการบ้านคือ ในระดับอาเซียน กองหลังเรายังมีช่องโหว่อีกมาก ถ้าเจอระดับเอเชียแล้วจะยิ่งขนาดไหน ส่วนเกมรุกเราก็ยังขาดวิธีการเข้าทำที่หลากหลาย หากกองหน้าตัวเป้าถูกจับตาย ผู้เล่นแถวสองยังไม่กล้าลากเลื้อยเข้าไปในกรอบ 18 หลามากนัก ไปเสียเวลากับการเคาะบอลหรือเลี้ยงหลบในพื้นที่เซฟโซน จนคู่ต่อสู้ลงไปตั้งโซนรับเสร็จ สิ่งเหล่านี้เชื่อว่า นิชิโนะ คงมองเห็น และจะหาวิธีแก้ไขได้ภายในเวลาอีกประมาณ 1 เดือนข้างหน้า ซึ่งคู่แข่งทั้ง อิรัก, บาห์เรน และ ออสเตรเลีย มันยากกว่าที่เจอในซีเกมส์เยอะ 

สิ่งที่ต้องภาวนาต่อไปคือขอให้ผู้เล่นสำคัญไม่มีใครบาดเจ็บหนัก กับทัวร์นาเม้นต์ที่เตะกันถี่แบบนี้ ขั้นตอนต่อไปทีมสตาฟฟ์ต้องรีบค้นหาผู้เล่นในตำแหน่งที่ยังไม่ดีพอเข้ามาเสริมโดยด่วน และควรรีบจัดโปรแกรมอุ่นเครื่องหรือเก็บตัวฝึกซ้อมให้พร้อมที่สุด 

ความผิดหวังพลั้งพลาดหากเปลี่ยนเป็นบทเรียน และสามารถเห็นช่องทางแก้ไขได้ทันท่วงที ก็ยังพอมีโอกาสเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ ในฐานะกองเชียร์คนหนึ่ง หวังว่าบทเรียนครั้งนี้ จะไม่ทำให้ "ช้างศึก" และทีมสตาฟฟ์ทุกคนท้อ โอเคช่วงนี้ร้องไห้เสียใจไปให้เต็มที่เถอะ อยากขอเพียงให้ทุกคนรู้ตัวว่าทำผิดพลาดอะไรไปบ้าง และปรับปรุงสิ่งนั้นให้พร้อมสำหรับสู้ศึกชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 ซึ่งเป็นรายการเมเจอร์ สำคัญกว่าซีเกมส์ยิ่งนัก

พวกเราแฟนบอลจะเอาใจช่วยพวกคุณในฐานะตัวแทนของชาติต่อไป วันนี้ล้มได้ แต่วันต่อไปต้องลุกให้เป็นนะ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด