นับตั้งแต่ฤดูกาล 2017/18 เป็นต้นมา โลกลูกหนังได้รู้จักดาวรุ่งฟอร์มแรงนาม เจดอน ซานโช่ ผู้เป็นผลผลิตของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ไปโด่งดังกับ ดอร์ทมุนด์
ในวัยเพียง 17 ปีกับการตัดสินใจย้ายไปอยู่ในต่างแดนที่แตกต่างทั้งภาษา, วัฒนธรรม และ สไตล์การเล่นฟุตบอล ถือว่าเป็นการเสี่ยงอย่างที่สุด
แต่มันยังดีกว่าการนั่งอยู่ในทีมที่มี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เลรอย ซาเน่, รวมถึง แบร์นาร์โด้ ซิลวา อยู่ในทีม ซึ่งโอกาสคงจะน้อยซะยิ่งกว่าน้อย และไม่รู้ต้องรอจนถึงเมื่อไรจะได้มีโอกาสลงสนาม
ตัวอย่างเห็นได้ชัดแล้วจาก ฟิล โฟเด้น ที่ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เป็นตัวหลักของทีม
จริงอยู่ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นยอดกุนซือที่มองออกว่าดาวรุ่งคนไหนมีแวว มีพรสวรรค์ แต่ในเมื่อความสำเร็จคือตัวชี้วัดผลงานมันก็ต้องมีการตัดสินใจ แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากก็ตามที
มาถึงตอนนี้ เจดอน ซานโช่ กลายเป็นหนึ่งในแข้งดาวรุ่งที่มีฝีเท้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนัง และถือเป็นแข้งเนื้อหอมที่หลายทีมต้องการตัวโดยเฉพาะในอังกฤษที่สโมสรหัวแถวล้วนให้ความสนใจ
โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล และ เชลซี ที่จับตาดูอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะดึงตัวมาร่วมทีมในช่วงเดือนมกราคมนี้เลย แม้จะมีข่าวว่าต้องรอจนถึงช่วงซัมเมอร์ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่ว่ามีกระแสที่มองว่า ซานโช่ มีโอกาสย้ายไปอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์มากกว่าที่อื่น
สื่อจะว่ายังไงก็แล้วแต่ ลองไปดูว่าทำไมการย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ถึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดสำหรับ เจดอน ซานโช่
เจอร์เก้น คล็อปป์
เหตุผลง่ายๆข้อแรกไม่มีอะไรมากเลย เพราะกุนซือคนปัจจุบันของ ลิเวอร์พูล ที่ชื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ นั่นเอง
นายใหญ่ชาวเยอรมันยกระดับ "หงส์แดง" ให้ก้าวขึ้นมาเป็นสโมสรหัวแถวของยุโรปอีกครั้ง และไม่เพียงแค่นั้น นักเตะในความดูแลล้วนก้าวขึ้นมาเป็นแข้งแถวหน้าของยุโรปจนเป็นที่หมายปองของหลายทีมยักษ์ใหญ่
หลังจากใช้เวลาปรับจูน 2-3 ปี คล็อปป์ พาทีมคว้าโทรฟี่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึงผลงานอันยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ นำโด่งเป็นจ่าฝูงของตารางด้วยการยังไม่แพ้ใคร
คล็อปป์ ถือเป็นหนึ่งในผู้จัดการที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้ ด้วยรูปแบบการบริหารและการทำทีม ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มันจะสามารถดึงดูดให้นักเตะย้ายมาร่วมทีมเมื่อมองถึงอนาคตที่อยู่ข้างหน้า
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, มาร์โค รอยส์, ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ โมฮาเห็ด ซาลาห์ ล้วนเป็นแถวหน้าของแนวรุกของยุโรปที่ผ่านมือของ คล็อปป์ มาทั้งสิ้น
กับ ซานโช่ ซึ่งมีพรสวรรค์อยู่แล้ว หากถูกขัดเกลาโดยเจ้านายอย่าง คล็อปป์ มั่นใจได้เลยว่าฝีเท้าจะพัฒนาไปได้ไกลยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน
สไตล์การเล่นของทีม
ไม่จำเป็นต้องครองบอลอะไรให้มากมาย ลิเวอร์พูล มีสไตล์การเล่นที่เน้นการโจมตีอย่างรวดเร็วในการเล่นงานคู่แข่ง
โดยเฉพาะเกมรุกทางริมเส้นที่ทั้ง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ เทรนท์-อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เติมเกมได้อย่างยอดเยี่ยม กลายเป็นแบ็คซ้าย-ขาวที่ดีที่สุดในอังกฤษไปแล้วหากมองถึงตัวเลขสถิติในการเติมเกม
ในแต่ละเกมเห็นได้ชัดว่าการทำเกมบุกของทีมอาศัยความรวดเร็วและดุดัน ซึ่งนอกจากจังหวะบุกในเกม การสวนกลับยังถือเป็นไม้เด็ดที่นอกจากจะเร็วและก็ยังเฉียบขาดอีกต่างหาก
ปีนี้นอกจากสนามประสานอย่าง ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ แล้ว ยังเพิ่มเกมแถวสองของทั้ง ฟาบินโญ่ และ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ที่มีลูกยิงไกลขึ้นมาอีก นั่นทำให้เกมรุกของทีมมีความหลากหลายมากขึ้น
แถมลูกตั้งเตะก็ยังมีทีเด็ดทำประตูช่วยทีมจากที่เห็นในซีซั่นนี้หลายต่อหลายครั้งโดยเฉพาะในช่วงท้ายเกมด้วย
ต้องยอมรับว่าสไตล์การทำเกมรุกของ "หงส์แดง" ถือเป็นสิ่งที่ทีมคู่แข่งรับมือได้ยาก เพราะมาจากทั่วทุกทิศทางในสนาม ทีมไม่ยึดติดกับเกมรับมากจนเกินไป เสีย 1 ก็ยิง 2, เสีย 2 ก็ยิง 3 กลายเป็นปรัชญาในซีซั่นนี้ไปแล้ว
ด้วยสไตล์การเล่นเกมรุกเป็นชีวิตจิตใจคงจะเป็นที่ชื่นชอบของ เจดอน ซานโช่ รวมถึงเกมรุกทุกคนในโลกนี้เลย
ความกดดัน
ในขณะที่สองทีมยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี กำลังอยู่ในช่วงก่อร้างสร้างตัวขึ้นมาใหม่
มองจากภาพในวันนี้ "ปีศาจแดง" อาจจะยังต้องใช้เวลาอยู่ แต่ข้อดีที่เห็นได้ชัดคือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไว้ใจกับการดันเด็กขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ ในขณะที่ "สิงห์บลูส์" ภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็มีแนวทางการทำงานที่ชัดเจน
แน่นอนว่าในตอนนี้ เชลซี โดนแบนจากการซื้อตัวผู้เล่น และหากพวกเขาพ้นโทษคงจะมีการใช้เงินในการเสริมทัพโดยหนึ่งในเป้าหมายก็คือ เจดอน ซานโช่ นั่นเอง
กับสองทีมที่กล่าวมานั้นในแง่ดี ซานโช่ เข้าไปคงได้เป็นตัวหลักใน 11 คนแรกอย่างแน่นอน
ลิเวอร์พูล นี่คือเครื่องจักรที่ได้รับการขัดเกลามาเป็นอย่างดีแล้ว ทีมคว้าโทรฟี่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และด้วยเกมรุกที่ลงตัวอยู่แล้วกับสามประสานอย่าง ซาลาห์, มาเน่ และ ฟีร์มิโน่ แล้ว ซานโช่ จะไปอยู่ตรงไหน
นั่นคือความท้าทายครั้งใหญ่ของ เจดอน ซานโช่ กับการเป็นผู้ "ท้าชิง" ตำแหน่งในเกมรุกของทีมที่ครบอยู่แล้ว ความเป็นไปได้ก็คือ ลิเวอร์พูล ต้องปรับระบบการเล่นซึ่งนั่นคงเป็นไปได้ยากในเมื่อทุกอย่างมันลงตัวอยู่แล้ว
อีกทางก็คือการที่ ลิเวอร์พูล ขายผู้เล่นในแนวรุกออกไป ซึ่งทุกวันนี้ทั้ง ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้รับความสนใจจากยักษ์ใหญ่ในยุโรปโดยเฉพาะกับ เรอัล มาดริด ที่มีข่าวอยู่บ่อยครั้ง
แต่หากท้ายที่สุดแล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจที่จะซื้อ เจดอน ซานโช่ มาร่วมทีมจริงยังไงก็คงต้องหาทางออกไว้อยู่แล้ว
และเชื่อได้เลยว่าเขาจะเป็นคีย์แมนคนสำคัญของทีมอย่างแน่นอน
