การเซ็นสัญญา ทาคูมิ มินามิโนะ ของ ลิเวอร์พูล ทำให้มิดฟิลด์ตัวรุกจาก ซัลซ์บวร์ก จะกลายเป็นนักเตะเจแปนีสคนที่ 9 ที่ได้มาวาดลวดลายในพรีเมียร์ลีก
ในอดีต มีนักเตะญี่ปุ่นเพียง 8 รายที่ได้โอกาสมาโชว์ฝีเท้าในพรีเมียร์ลีก อยู่กับทีมใหญ่บ้าง ทีมกลางบ้าง ทีมเล็กบ้าง คละเคล้ากันไป บ้างก็ได้โอกาสลงเล่นเยอะ บ้างก็ได้โอกาสลงเล่นน้อย หรือที่ไม่ได้รับโอกาสเลยก็มี
จริงๆ แล้ว ยังมีนักเตะญี่ปุ่นอีกคน ทาคูมะ อาซาโนะ อยู่กับ อาร์เซน่อล ระหว่างปี 2016-2019 แต่ไม่นับรวมอยู่ในรายชื่อนักเตะญี่ปุ่นที่เล่นพรีเมียร์ลีก เพราะตลอด 4 ปีไม่ได้รับใบอนุญาติทำงานในอังกฤษเลย
นี่คือโฉมหน้าของ 8 นักเตะจากดินแดนอาทิตย์อุทัยที่เคยมาปรากฏชื่ออยู่ในเวทีลีกสูงสุดของอังกฤษ
จูนิจิ อินาโมโตะ
หลังจากสร้างชื่อในเวที เจลีก กับ กัมบะ โอซาก้า ทะลุ 100 นัดในช่วงเวลา 4 ฤดูกาลครึ่ง อินาโมโตะ กลายเป็นดาวเด่นที่ถูกจับตามองจากหลายทีมยุโรป และเป็น อาร์เซน่อล ที่ได้ลายเซ็นไปครองด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาล
แต่ตลอดฤดูกาล 2001-02 ในถิ่น ไฮบิวรี่ กองกลางตัวรับวัยหนุ่มแน่น 22 ปี ไม่เคยได้โอกาสจาก อาร์แซน เวนเกอร์ ในเกมพรีเมียร์ลีกเลย แม้ซีซั่นนั้น ปืนใหญ่ ครองแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ อินาโมโตะ ได้ชูโทรฟี่ แต่ไม่ได้เหรียญรางวัลด้วย มีเพียงการลงเล่นตัวจริง 2 เกมในลีกคัพ และสำรองอีก 2 เกมในแชมเปี้ยนส์ลีก สุดท้ายก็ส่งตัวกลับ กัมบะ
จากนั้น ฟูแล่ม ยืมใช้งานสองซีซั่น และกลายเป็นตัวหลักแดนกลางที่ได้สัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกไปกว่า 41 เกม จน เวสต์บรอมวิช ยอมเสียเงินซื้อขาด แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จที่ เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ เช่นเดียวกับสโมสรสุดท้ายในลีกอังกฤษกับ คาร์ดิฟฟ์
คาซูยูกิ โทดะ
โทดะ แจ้งเกิดกับ ชิมิสึ เอส-พัลส์ เริ่มต้นในฐานะแบ็กซ้าย และขยับตัวเองมาเป็นกองกลางตัวรับ ก่อนเซ็นสัญญายืมตัวมาอยู่กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2002-03 และได้รับโอกาสลงเล่นจาก เกล็น ฮ็อดเดิล ไปเพียง 4 เกมในฐานะตัวสำรอง ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก
ฮิเดโตชิ นากาตะ
นากาตะ ประสบความสำเร็จอย่างมากในเวที เซเรียอา ตั้งแต่แจ้งเกิดกับ เปรูจา และคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้กับ โรม่า ในฤดูกาล 2000-01 ต่อด้วยแชมป์โคปปา อิตาเลีย กับ ปาร์ม่า ซีซั่นถัดมา จึงย้ายไปเล่นกับ โบโลญญ่า และ ฟิออเรนตินา ก่อนปล่อยยืมไปเล่นกับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส
2005-06 คือฤดูกาลเดียวที่ นากาตะ ได้โชว์ฝีเท้าในพรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทีมของ แซม อัลลาร์ไดซ์ ที่เวลานั้นนิยมดึงตัวเก๋ามาเสริมประสบการณ์ที่ โบลตัน จนกลายเป็นทีมที่น่าจับตามอง
แม้มีประตูเดียวจากการลงเล่น 21 เกมพรีเมียร์ลีก, 3 เกมเอฟเอคัพ, 2 เกมลีกคัพ และ 6 เกมยูฟ่า คัพ แต่ผลงานของ นากาตะ เป็นที่ประทับใจแฟนบอล เดอะ ทร็อตเตอร์ส โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้ประสานงานร่วมกับ เจย์-เจย์ โอโคชา และ เอล ฮัดจิ ดิยุฟ
น่าเสียดายที่หลังจบซีซั่นนี้ นากาตะ ตัดสินใจแขวนสตั๊ดในวัย 29 ปี
เรียว มิยาอิจิ
อาร์เซน่อล ตัดสินใจดึงตัว มิยาอิจิ มาปลุกปั้นตั้งแต่อายุ 19 เพราะประทับใจฝีเท้าจากทัวร์นาเมนต์ ออล เจแปน ไฮสกูล ซอคเกอร์ โดยเชิญตัวมาทดสอบฝีเท้าที่ลอนดอน และ อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ประทับใจฝีเท้า จนเสนอสัญญาอาชีพให้
มิยาอิจิ แจ้งเกิดกับ เดอะ กันเนอร์ส ไม่ได้เหมือนเช่น อินาโมโตะ แต่ยังดีกว่านิดๆ คือได้ลงสำรองเกมพรีเมียร์ลีกไปนัดเดียว บวกกับอีก 6 เกมในลีกคัพและเกมยุโรป
แม้ระหว่างนั้นจะได้ไปโชว์ผลงานที่ โบลตัน กับ วีแกน ด้วยสัญญายืมตัว แต่ก็ได้แค่โชว์ลีลาน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่มีประตูในพรีเมียร์ลีก แต่อย่างน้อยก็ยังมีหนึ่งประตูใน เอฟเอคัพ กับ โบลตัน
ชินจิ คางาวะ
12+5 ล้านปอนด์ คือค่าตัวที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สำหรับกองกลางที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นในปี 2012
ซีซั่นแรกของ คางาวะ กับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นซีซั่นสุดท้ายของ เฟอร์กูสัน ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แม้มีแชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกัน ซึ่งเป็นแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายของ ปีศาจแดง จนถึงปัจจุบันด้วย แต่ผลงานโดยรวมถือว่าไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับที่แฟนๆ ตั้งความหวังเอาไว้สูง
หลังจากร่วมงานกับ เดวิด มอยส์ อีกหนึ่งซีซั่น ในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตัดสินใจขาย คางาวะ กลับ ดอร์ทมุนด์ แต่อย่างน้อยๆ ก็มี 6 ประตูจากซีซั่นแรก ซึ่งเป็นแฮตทริกในเกมเจอ นอริช และเป็นนักเตะเอเชียคนแรกที่ยิงสามประตูในเกมพรีเมียร์ลีก
มายะ โยชิดะ
เซาธ์แฮมป์ตัน เจียดเงินเบาๆ 3 ล้านปอนด์ ซื้อตัว โยชิดะ เซนเตอร์แบ็กมาจาก วีวีวี-เวนโล ทีมในลีกฮอลแลนด์ ปีเดียวกับที่ คางาวะ ย้ายมาเล่นในอังกฤษ โดยเซ็นสัญญาฉบับแรกระยะเวลาสามปี
แม้ผลงานในฐานะหนึ่งในตัวเลือกเซนเตอร์แบ็กของทีมดังแดนใต้ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ โยชิดะ ก็ได้ต่อสัญญาใหม่อีกสองฉบับ จนสัญญาปัจจุบันกำลังจะหมดอายุลงในปี 2020 หรือตอนจบฤดูกาลนี้
จนถึงตอนนี้ โยชิดะ กลายเป็นนักเตะญี่ปุ่นที่อยู่กับทีมพรีเมียร์ลีกยาวนานที่สุดเป็นฤดูกาลที่ 8 แล้ว และครองสถิติลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกมากที่สุดทะลุ 150 เกมด้วย
แต่ซีซั่นนี้คงเป็นปีสุดท้ายของ โยชิดะ ค่อนข้างแน่ จากผลงานที่ไม่น่าประทับใจนัก และเป็นหนึ่งในสมาชิกตัวจริงเกมอัปยศที่แพ้คาบ้านต่อ เลสเตอร์ 0-9
ชินจิ โอกาซากิ
หลังจากที่มี คางาวะ กับ โยชิดะ เข้ามาเป็นคนเบิกทางในเวทีพรีเมียร์ลีก โอกาซากิ ก็เป็นรายต่อไปที่ย้ายจาก ไมนซ์ มาอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2015
เพียงแค่ฤดูกาลแรก โอกาซากิ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จเหมือนกันกับ คางาวะ แต่ที่พิเศษกว่าเยอะ คือการเป็นแชมป์ราวปาฏิหารย์ร่วมกับ เลสเตอร์ ซีซั่น 2015-16 แม้มีเพียง 5 ประตู แต่หนึ่งในนั้นคือลูกตีลังกายิงเป็นประตูชัยดับ นิวคาสเซิ่ล ที่คว้าสามคะแนนสำคัญ
แม้มีประตูให้เห็นน้อยนิด แต่ โอกาซากิ กลายเป็นที่รักของแฟนบอล จากความขยัน มีวินัยในการเล่น และอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ยิงกระจายในฤดูกาลนั้น
หลังจากสี่ฤดูกาลกับ เลสเตอร์ โอกาซากิ หมดสัญญา และย้ายออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ ในลีกสเปน
โยชิโนริ มูโตะ
นิวคาสเซิ่ล ลงทุนเสริมทัพไม่มากในช่วงซัมเมอร์ปี 2018 แต่หนึ่งในนั้นคือการจ่าย 9.5 ล้านปอนด์ซื้อ มูโตะ มาจาก ไมนซ์ โดยหวังจะให้เป็น โอกาซากิ คนต่อไปในเวทีพรีเมียร์ลีก
แต่การลงเล่นไป 17 นัด มีเพียงประตูเดียวในพรีเมียร์ลีกซีซั่นแรก ทว่าก็เป็นผลพวงมาจากแท็กติกที่เน้นเกมรับเยอะของ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่ไม่ว่าศูนย์หน้าคนไหนก็ประสบปัญหาแทบทั้งสิ้น
มาฤดูกาลนี้ โอกาสของ มูโตะ ยิ่งลดน้อยถอยลง เพิ่งได้ลงตัวจริง 1 นัด กับสำรองอีก 2 นัดในพรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทีมของ สตีฟ บรูซ เพราะแท็กติกที่ยังเน้นเกมรับเหมือนเดิม ขนาดศูนย์หน้าเบอร์ 1 อย่าง โชลิงตอน ก็ยังมีประตูเดียวจาก 17 เกม
คนต่อไป ถึงคิวของ มินามิโนะ ต้องรอดูว่า เมื่อปฏิทินเปลี่ยนสู่ทศวรรษใหม่ ผลงานของนักเตะเจแปนีสรายที่ 9 ในพรีเมียร์ลีกจะออกมาเป็นเช่นไร และจะได้สัมผัสโทรฟี่พรีเมียร์ลีกตั้งแต่ซีซั่นแรกเหมือนอย่างรุ่นพี่ทั้งสามคนหรือไม่
