นับตั้งแต่เข้าร่วมทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่า ในช่วงปี 2001 ปัจจุบันกาลเวลาผ่านไปเกือบสองทศวรรษแล้ว "ลิโอเนล เมสซี่" ยังคงเล่นกับสโมสรเดิม และสโมสรเดียวไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม ด้วยวัยที่ล่วงเลยมาถึง 32 ปีแล้ว แน่นอนว่า เวลาในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนหลายคนพากันคิดว่า บาร์เซโลน่า หลังจากหมดยุคของเมสซี่ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ?
ช่วงนี้ เมสซี่ จะมาบอกถึงมุมมองส่วนตัว ในวันที่เขาอำลาสโมสรแห่งนี้ไป รวมไปถึงบทบาท และหน้าที่ที่เขาอยากจะลงมือทำ หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลไปแล้วด้วย
ย้อนเวลากลับไปที่คุณเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลน่า เป็นครั้งแรก อะไรคือความแตกต่าง ระหว่างตอนที่คุณอายุ 17 ปี กับตัวคุณในช่วงเวลานี้ ?
"ผมไม่คิดว่ามันมีความแตกต่างมากนัก บางที ตอนที่อายุ 17 คุณอาจไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือเมื่อยล้า คุณสามารถนอนน้อยได้ รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ คุณจะไม่รู้สึกถึงมันเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ผมยังมีความคิดแบบเดิม ผมพยายามดูแลรักษาความฟิต และสภาพร่างกายให้ดีกว่าที่ผ่านมา"
พูดถึงการไล่ทำลายสถิติของคุณหน่อย คุณรู้ถึงมันหรือไม่ มีคนบอกคุณก่อน หรือหลังจบเกมหรือเปล่า ?
"เกือบทุกครั้ง ผมไม่รู้หรอกว่าตัวผมเองกำลังทำลายสถิติอะไรอยู่ เช่นเดียวกันกับที่ผมไม่รู้ว่า ตัวเองว่าใกล้จะทำลายสถิติบางอย่างแล้ว ผมไม่ได้มุ่งสมาธิกับเรื่องทำลายสถิติ โดยเฉพาะมันเป็นเรื่องรางวัลส่วนตัว ผมจะรู้มันก็ต่อเมื่อผมเปิดไปเจอข้อมูลที่คนอื่นเขียนถึง หรือไม่ก็มีคนเดินมาบอกผม แน่นอนว่า ผมมักไม่ได้ไถ่ถามถึง หรือให้ความสนใจกับมันมากเท่าไหร่"
ผู้คนมากมายต่างพูดกันว่า ศึกพรีเมียร์ลีก เป็นลีกที่ไม่เหมือนใคร สำหรับคุณที่รู้จักลาลีกา เป็นอย่างดี คุณคิดว่า ทำไมลาลีกา ถึงมีความพิเศษ ?
"ผมคิดว่าทั้งสองลีก ถือเป็นลีกที่มีการแข่งขันสูงมาก ผู้เล่นมีคุณภาพคับแก้ว เมื่อผมเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับบาร์เซโลน่า ความหวังที่ผมมีเสมอมา นั่นคือการลงเล่นในลาลีกา นี่คือการแข่งขันที่ดึงดูดผมเสมอมา ผมติดตามการแข่งขันลาลีกา"
"ตั้งแต่ที่ผมย้ายมาอาศัยที่ประเทศสเปน นี่คือลีกที่ทุกทีมสามารถเอาชนะคุณได้หมด หากคุณไม่มีความมุ่งมั่น หรือทำไม่ได้ตามมาตรฐานของตัวเอง แน่นอนว่า เอลกลาซิโก้ เป็นหนึ่งในเกมที่แสนพิเศษที่สุดของโลกใบนี้ อย่างไรก็ตาม ผมก็ชอบพรีเมียร์ลีกผมว่านี่เป็นลีกที่น่าตื่นเต้น และมีนักเตะคุณภาพดีเช่นเดียวกัน"
การเป็นนักฟุตบอล คือการทำอะไรตามชีวิตประจำวัน วันหนึ่ง เมื่อคุณไม่ได้เป็นนักเตะบาร์เซโลน่า อีกต่อไป และไม่ต้องตื่นมาฝึกซ้อมฟุตบอลอีกแล้ว คุณจะรู้สึกอย่างไร ?
"ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่รู้เลยล่ะ เพราะผมชอบที่จะอยู่กับปัจจุบัน และเพียงแค่สนุกกับมันเท่านั้นเอง ผมหวังว่าตัวเองจะสามารถโชว์ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม ซี่งผมอยู่ในสภาพที่ดีจริงๆ ทั้งในแง่ของร่างกาย และจิตใจ"
แฟนบอลมักอยากรู้ว่า บาร์เซโลน่า ที่ไม่มีคุณจะเป็นอย่างไร ส่วนตัวคุณคิดว่า สโมสรจะเป็นอย่างไรในฤดูกาลแรกที่ไม่มีคุณ ทั้งในแง่ของนักเตะคนอื่นในทีม และบรรดาแฟนบอล ?
"บาร์เซโลน่า คือสโมสรที่มีผู้เล่นระดับโลกเสมอ ซึ่งพวกเขาก็ลงเอยด้วยการแขวนสตั๊ด หรือย้ายไปเล่นให้กับทีมอื่น สโมสรคือสิ่งที่อยู่เหนือทุกอย่าง และเหนือทุกคน มันเป็นแบบนั้นเสมอมา นี่คือสิ่งที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง รวมถึงตอนที่ผมย้ายออกไปจากที่นี่ด้วย มันเกิดขึ้นทั้งกับ ปูโยล, ชาบี, อิเนียสต้า, โรนัลดินโญ่, มาสเคราโน่, บัลเดส และดานี่ อัลเวส เมื่อผมออกจากสโมสรไปแล้ว ก็จะมีคนเก่งๆเข้ามาแทนที่ สโมสรจะเดินหน้าต่อไป ร่วมกันขับเคลื่อนเป็นหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ สำหรับผม บาร์ซ่า คือทีมที่ยอดเยี่ยมสุดในโลก"
คุณตื่นเต้นกับการแขวนสตั๊ดหรือไม่ ?
"ตอนนี้ ผมมีครอบครัว และมีลูกอีก 3 คนด้วยกัน สิ่งที่ดีเกี่ยวกับมันคือ ผมคงมีเวลาทำสิ่งต่างๆร่วมกับครอบครัวมากกว่าเดิม สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข นั่นคือการใช้เวลากับภรรยา และลูกชาย ผมสนุกกับช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน อยู่กับครอบครัว และผองเพื่อน ผมน่าจะมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น ผมไม่ต้องทำตามตารางที่เข้มงวด ในฐานะของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ข้อดีจากการเลิกเล่น ผมสามารถกินช็อคโกแลต หรืออาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้มากขึ้น"
หลังจากที่เลิกเล่นไปแล้ว คุณ และครอบครัวมีแผนการที่จะอาศัยอยู่ที่บาร์เซโลน่า ต่อไปหรือไม่ ?
"บาร์เซโลน่า คือสองอย่างในชีวิตผม นั่นคือการเป็นที่ทำงาน และเป็นบ้าน คุณไม่มีทางล่วงรู้หรอกว่า คุณจะไปอยู่ที่ไหนในแต่ละช่วงชีวิตของคุณเอง อย่างไรก็ตาม ผมมักพูดเสมอว่า ผมอยากอยู่บาร์เซโลน่า ตราบนานเท่านาน รวมไปถึงช่วงเวลาที่ผมไม่ได้เล่นฟุตบอลอีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้ การเดินทางไปประเทศอาร์เจนติน่า ก็มีส่วนที่ทำให้ผมกลับไปใช้เวลาส่วนใหญ่ที่นั่น เพื่อพบปะกับครอบครัว และเพื่อนฝูงด้วย"
คุณมองว่า 20 ปีข้างหน้า ฟุตบอลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ?
"สิ่งต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงไป สำหรับผม มองว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความฟิตของร่างกาย นักเตะแต่ละคนเริ่มมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่า การดูแลตัวเอง และออกกำลังกายของพวกเขา อยู่ในระดับที่สูงขึ้นมาก ขณะที่ในด้านของแท็คติกการเล่น ก็เดินทางเข้าสู่อะไรที่เป็นเชิงลึกมากขึ้น ทั้งสองอย่างที่ผมกล่าวมานั้น ผมมองว่า เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก ในการขับเคลื่อนสิ่งเหล่านั้น"
