:::     :::

11 การย้ายฟรีที่ดีที่สุด

วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2562 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
14,446
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การย้ายทีมเป็นส่วนหนึ่งของโลกฟุตบอล

นอกจากการย้ายทีมแบบมีค่าตัวแล้ว การย้ายทีมแบบไร้ค่าตัว บางครั้งก็สร้างจุดเปลี่ยน และยังส่งผลในแง่ดีมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งในแง่ของฟอร์มการเล่น หรือการต่อยอดในส่วนอื่น

ช่วงนี้ "โฟร์โฟร์ทู" สื่อฟุตบอลชื่อดัง ทำการจัดอันดับ 11 การย้ายตัวแบบไร้ค่าตัวที่แสนคุ้มค่ามาให้เราได้ดูกัน ส่วนจะเป็นใครบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย

โรแบร์โต้ บาจโจ้ (เอซี มิลาน ย้ายไปโบโลญญ่า, 1997)

หลังจากไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเอซี มิลาน, โบโลญญ่า จึงสวมบทมือไว ด้วยการคว้าตัวบาจโจ้ มาร่วมทีม จากสโมสรที่เป็นตัวเต็งในการตกชั้น พวกเขาสามารถจบอันดับ 8 ของตารางเป็นผลสำเร็จ ส่วนสำคัญเกิดจากผลงานของ "เปียทองคำ" ที่ยิงไปรวม 22 ประตู และ 6 แอสซิสต์ ส่งผลให้ติดทีมชาติอิตาลี ชุดลุยฟุตบอลโลก 1998 


สตีฟ แม็คมานามาน (ลิเวอร์พูล ย้ายไปเรอัล มาดริด, 1999)

ถือเป็นการย้ายทีมที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ที่แม็คมานามาน ตัดสินใจย้ายจากศึกพรีเมียร์ลีก ไปยังลาลีกา แม้ว่าเรอัล มาดริด จะเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ ทว่าแม็คก้า ก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จ ถือเป็นส่วนหนึ่งของ "ราชันชุดขาว" ในการคว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย รวมไปถึงยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 ครั้ง


แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ (โคเวนทรี ย้ายไปลิเวอร์พูล, 2000)

หลายคนถึงกับสงสัย ในการย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวของดาวเตะวัย 35 ปี อย่างไรก็ตาม เขากลายเป็นฟันเฟืองหลักในแดนกลางของผู้จัดการทีมอย่างเชราร์ อุลลิเย่ร์ พร้อมกับคว้า 3 แชมป์ ไม่ว่าจะเป็นเอฟเอ คัพ, ลีกคัพ และยูฟ่า คัพ ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ พร้อมกับประตูสำคัญใส่เอฟเวอร์ตัน, บาร์เซโลน่า และอลาเบส


โซล แคมป์เบลล์ (สเปอร์ส ย้ายไปอาร์เซน่อล, 2001)

ถือเป็นการย้ายทีมแบบฟรี ที่มาพร้อมกับความขัดแย้งอย่างดุเดือด เมื่อเด็กปั้นสเปอร์ส ย้ายไปประสบความสำเร็จกับคู่แค้นแห่งลอนดอนเหนืออย่างอาร์เซน่อล โดยตลอด 5 ปี เขาคว้าแชมป์รายการสำคัญกับ "เดอะ กันเนอร์ส" โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ อย่างละ 2 สมัย แถมยังยิงประตูในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ด้วย 

เจย์ เจย์ โอโคชา (เปแอสเช ย้ายไปโบลตัน, 2002) 

แซม อัลลาไดซ์ สร้างยอดทีมระดับย่อมๆขึ้นมา นอกจากโอโคชา เขายังดึงเฟร์นานโด เอียร์โร่, อิบัน คัมโป้ และยูริ จอร์เกฟฟ์ ในส่วนของโอโคชา ถือเป็นการย้ายทีมระดับคุณภาพของโบลตัน เลยทีเดียว เขายังมาพร้อมกับลีลาการเล่นที่ติดอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลหลายคน สามารถพาทีมจบระดับบนของตารางคะแนนได้ด้วย


เอสเตบัน กัมบิอัซโซ่ (เรอัล มาดริด ย้ายไปอินเตอร์ มิลาน, 2004)

ช่วงฤดูกาล 2003-04 เขาลงเล่นในลีกให้กับเรอัล มาดริด เพียงแค่ไม่กี่เกมเท่านั้น (เป็นตัวจริงในลีกแค่ 9 เกม) กระทั่งการย้ายไปร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดอีกครั้ง นอกจากการคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 5 สมัย เขายังมีความทรงจำที่ยอดเยี่ยม กับการคว้า 3 แชมป์อย่างกัลโช่ เซเรีย อา, โคปา อิตาเลีย และแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2009-10


ราอูล กอนซาเลซ (เรอัล มาดริด ย้ายไปชาลเก้, 2010)

ต้องตกเป็นตัวสำรองบ่อยครั้ง หลังการมาของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ จากนั้น ชาลเก้ ตัดสินใจดึงเขามาร่วมทีม ก่อนที่ทางราอูล จะตอบแทนด้วยการคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล นอกจากนี้ ยังเป็นส่วนสำคัญในการที่เคยพา "ราชันสีน้ำเงิน" จบอันดับ 3 ในศึกบุนเดสลีกา และทะลุเข้าไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ


อันเดรีย ปิร์โล่ (เอซี มิลาน ย้ายไปยูเวนตุส, 2011)

หลังจากเล่นกับ "ปีศาจแดงดำ" 10 ปีเต็ม เขาถูกมองว่าอายุเกินไปแล้ว ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุส แบบไร้ค่าตัว ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในวงการฟุตบอลลีกอิตาลี โดยปิร์โล่ เป็นกำลังสำคัญในการพาทัพ "เบียงโคเนรี่" ผงาดคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 4 สมัยติดต่อกัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นการผูกขาดแชมป์ลีกของยูเว่ จนถึงเวลานี้เลยทีเดียว 

มิโลสลาฟ โคลเซ่ (บาเยิร์น มิวนิค ย้ายไปลาซิโอ, 2011)

ย้ายมาร่วมทีมลาซิโอ ในช่วงเวลาที่หลายคนคิดว่าหมดยุคของเขาไปแล้ว แต่เขากลับยิงประตูอย่างต่อเนื่อง กระทั่งแขวนสตั๊ดในช่วงปี 2016 เขาทิ้งทวนด้วยการสร้างสถิติ กลายเป็นนักเตะที่ไม่ใช่ชาวอิตาเลี่ยน ที่สามารถยิงประตูได้มากสุดในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรลาซิโอ นี่คือเรื่องยืนยันถึงความคุ้มค่าได้เป็นอย่างดี


ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย้ายไปยูเวนตุส, 2012)

หากวัดกันในแง่ของเงินทอง นี่คือการย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวที่คุ้มค่าที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนัง หลังจากย้ายมาฟรี และก้าวมาเป็นนักเตะระดับโลก พร้อมได้แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 4 สมัยติดต่อกัน ยูเว่ ก็ส่งกลับให้กับ "ปีศาจแดง" ในราคาระดับโลกอย่าง 89 ล้านปอนด์ เรียกได้ว่า กินกำไรเนื้อๆเน้นๆเลยทีเดียว


โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ย้ายไปบาเยิร์น มิวนิค, 2014)

สร้างความเสียหายในการผลิตสกอร์ของดอร์ทมุนด์ เมื่อเขาต้องเสียกองหน้าเบอร์หนึ่งของทีมให้กับคู่ปรับร่วมลีก หลังจากใจแข็งไม่ยอมปล่อยแบบได้เงินในช่วงก่อนหน้านั้น ก่อนที่เลวานดอฟสกี้ จะยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ นอกจากการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 5 สมัยติดแล้ว เขายังยิงให้กับ "เสือใต้" 221 ประตู ก้าวไปเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลอันดับ 2 ของสโมสร เป็นรองแค่แกร์ด มุลเลอร์ เท่านั้น

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด