ซึ่งแบรนแดน ร๊อดเจอร์สกับลูกทีมเองก็คาดหวังกับเกมนี้ไว้มากพอสมควรเหมือนกัน หลังจากที่พวกเขาพลาดท่าแพ้ให้กับแมนฯซิตี้ในนัดล่าสุดที่ผ่านมา ถ้าพวกเขายังอยากจะรักษาสถานะของทีมที่จะลุ้นแชมป์ต่อไป เกมนี้พวกเขาต้องเก็บ 3 แต้มจากจ่าฝูงอย่างลิเวอร์พูลให้ได้สถานเดียวเท่านั้น และถ้าพวกเขาทำสำเร็จนี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนให้การลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้จะกลับมาเปิดกว้างอีกครั้งหนึ่ง เราจึงจะเห็นได้ว่าฝั่งทางเลสเตอร์เองได้มีการปลุกใจและพูดถึงเกมนี้กันอยู่บ่อยๆ ทั้งตัวผู้จัดการทีมอย่างบีร็อดเอง และบรรดาลูกทีมต่างๆ เพื่อฮึดสู้กับจ่าฝูงที่แข็งแกร่งอย่างลิเวอร์พูล ที่ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเกมนี้พวกเขาน่าจะมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายแน่นอน เพราะว่าเพิ่งผ่านการเตะข้ามโลกไปคว้าแชมป์สโมสรโลกมาสดๆ ร้อนๆ เรียกได้ว่าไม่มีสถานการณ์ไหนที่จะเป็นใจไปกว่านี้อีกแล้ว ได้เล่นในบ้านกับคู่แข่งที่ดูจะไม่พร้อมแบบนี้ นี่คือ โอกาสทองที่พวกเขาต้องคว้ามันให้ได้
ความเขี้ยวของจ่าฝูง
แม้ว่าก่อนเกมจะปลุกใจกันแค่ไหน แต่สถานการณ์จริงที่เห็นดูจะต่างกับที่กองเชียร์และแช่งหลายๆ คนคาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องสภาพร่างกายที่หลายๆ คนมองว่านักเตะลิเวอร์พูลต้องมีอาการล้าหรือหมดแรงให้เห็นบ้าง แต่ในสนามลิเวอร์พูลยังเป็นลิเวอร์พูลที่แข็งแกร่งเหมือนเดิม พวกเขายังเพรสซิ่งและวิ่งกันคึกคักเหมือนไม่ได้เดินทางไกลมาค่อนโลกให้เห็นเลยแม้แต่นิด สภาพร่างกายที่แท้จริงของพวกเขาอาจจะดูอ่อนล้าจริง แต่ตอนนี้ความมั่นใจและกำลังใจของพวกเขากำลังพุ่งถึงขีดสุด ซึ่งมันทดแทนเรื่องสภาพร่างกายที่อ่อนล้าของพวกเขาได้เป็นอย่างดี ในเกมรับเจอร์เก้น คล็อปป์วางแผนมารับมือผู้เล่นของเลสเตอร์ได้อย่างอยู่หมัด เขาใช้ผู้เล่นที่มีความเร็วมาคอยดักและไล่ผู้เล่นเลสเตอร์จนทำอะไรไม่ถนัดตลอดทั้งเกม ส่วนในเกมรุก แม้พวกเขาต้องมาเจอกับทีมที่เกมรับดีที่สุดในลีกอย่างเลสเตอร์ แต่ลิเวอร์พูลก็ยังหาโอกาสยิงประตูได้อยู่เรื่อยๆ พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเจ้าบ้านอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในแดนกลางที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัวและกลมกล่อมเหลือเกิน เฮนโด้คอยบัญชาเกมรับ และวิ่งไล่ตัดบอลได้ตลอดทั้งเกม ไวนัลดุ้ม คอยเชื่อมเกมและพลิกบอลสวยๆ ให้เพื่อนได้เล่นง่ายๆ เสมอๆ และ นาบี เกอิต้า ที่ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าตัวจะเริ่มเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับคืนมาได้ทันเวลาสำคัญจริงๆ เขามีจังหวะการเล่นสวยๆ ให้เห็นแทบจะตลอดทั้งเกม และการเล่นของ 3 คนนี้แหละ ที่เป็นกุญแจสำคัญให้ลิเวอร์พูลข่มเจ้าบ้านได้ตลอดทั้งเกมอย่างที่เห็นในเกมนี้
เอ้าท์คลาส
เมื่อทุกอย่างอยู่ในมือของลิเวอร์พูลแบบนี้ ลิเวอร์พูลก็ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าการเล่นเกมของตัวเองไปเรื่อยๆ จนได้ประตูนำจากการครอสอันยอดเยี่ยมของเทรนท์ อาโนลด์ ให้ฟิร์มิโน่โหม่งเสียบเสาเข้าไป แต่พอหลังจากนั้นเลสเตอร์ก็มีทีท่าที่จะกลับมาสู่เกมได้เหมือนกันโดยเฉพาะหลังจากการแก้เกมของร๊อดเจอร์สในครึ่งหลังที่ไม่เน้นบอลยาวและเปลี่ยนไปเน้นเกมริมเส้นแทนและกดดันจนลิเวอร์พูลเป๋ๆ ไปเหมือนกัน แต่ทุกอย่างก็มาพังทลายลงเพราะความผิดพลาดของโซยุนชู ที่ดันไปเสียแฮนด์บอลจากจังหวะเตะมุม ซึ่งไม่ว่าจะมองมุมไหนก็พูดได้เต็มที่เลยว่านี่คือจุดโทษ 100% จริงๆ และยิ่งกรรมการเป็นไมเคิล โอลิเวอร์อีก ยิ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ต้องเป็นจุดโทษ 1000% แน่นอน (ฮา) และพอเสียประตูที่ 2 จากจุดโทษของมิลเนอร์ในจังหวะนี้ เลสเตอร์ก็ดูจะเสียสมาธิในเกมไปเลย พวกเขาโดนลิเวอร์พูลเล่นงานต่อเนื่องจนเสียประตูติดๆ กันจากฟิร์มิโน่ และ เทรนท์ อาโนลด์ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา จากเกมที่เคยคิดว่านี่อาจจะเป็นเกมที่สร้างความลำบากให้ลิเวอร์พูลที่สุดเกมหนึ่งกลับกลายเป็นว่า นี่เป็นเกมที่ง่ายที่สุดเกมหนึ่งในฤดูกาลนี้ไปเสียอย่างนั้น
นี่อาจจะเป็นกล่องของขวัญ ที่ดีที่สุดที่เหล่านักเตะและทีมงานของลิเวอร์พูลจะมอบให้กับแฟนบอลเลยก็ได้นะครับ หลังจากปล่อยให้แฟนบอลลุ้นกันใจหายใจคว่ำแทบจะทุกนัดตลอดตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา ชัยชนะที่สวยงามและยอดเยี่ยมกับทีมคู่แข่งที่แย่งแชมป์กันโดยตรงแบบนี้น่าจะเป็นของขวัญที่ดีเกินกว่าที่แฟนๆ จะคาดหมายไว้เสียอีก ตอนนี้แฟนๆ ได้ของขวัญวันคริสมาสต์แล้ว เหลือแต่เพียงของขวัญชิ้นใหญ่ตอนเดือนพฤษภาคมอีกอย่างแหละครับ ที่แฟนๆ อยากได้มากที่สุดและรอคอยมานานเหลือเกิน และหวังว่าการรอคอยมันจะสิ้นสุดลงในฤดูกาลนี้แหละ !
