หลัง อากิระ นิชิโนะ ตัดสินใจหั่นชื่อ รัตนากร ใหม่คามิ มิดฟิลด์จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกจากทีมชุดสุดท้าย ทั้งที่ “เกมส์” ถูกคาดหวังว่าจะเป็นตัวหลักอันดับ 1 ในแผงมิดฟิลด์ด้วยซ้ำ
แต่เมื่อนั่นคือการ “เลือก” ของคนเป็นโค้ช เราคงต้องยอมรับในมุมมอง นิชิโนะ ทว่าถึงท้ายที่สุดหากผลงานไม่ได้ดังใจ เฮดโค้ชชาวอาทิตย์อุทัย ต้องน้อมรับเสียงวิจารณ์เช่นกัน
น่าสนใจอย่างยิ่งกับกรอบเวลาที่เอื้อให้อีกเพียง 1 สัปดาห์ ก่อนประเดิมสนามพบ บาห์เรน นิชิโนะ จะร่ายมนต์เปลี่ยนสถานะช้างศึก U-23 ให้กลมกล่อมกว่าเก่าได้อย่างไร เมื่อมองกลับไปก่อนหน้านี้ในศึกซีเกมส์ ทีมมีปัญหามากมายร้อยแปด
ยังไม่นับรวมแข้งหลักที่พากอดคอกันบาดเจ็บ จนถูกถอดออกไป ทำให้โค้ชต้องคัดสรรหานักเตะใหม่มาแทน
ท่ามกลางการตัดสินใจที่ทำแฟนบอล “เดาใจ” ไม่เคยถูก วันนี้ผู้เขียนขออนุญาตอ่านความคิด อากิระ นิชิโนะ อีกครั้ง ถึง 11 คนแรกของเขา จากแนวคิด (ที่เอาแต่ใจ) ของผู้เขียนเอง
ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี
ระบบการเล่น 4-2-3-1
ผู้รักษาประตู : กรพัฒน์ นารีจันทร์
เป็นตำแหน่งที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยอะไรมาก การที่ นนท์ ม่วงงาม ไม่สามารถลงเล่นรายการนี้ได้ ทำให้ตำแหน่งมือ 1 ไม่น่าจะหนีพ้น “เจ้าไอซ์” ที่ทั้งประสบการณ์ และมาตรฐานการเซฟถือว่าคงเส้นคงวา กว่าอีก 2 คนที่เหลืออย่างแน่นอนแบ็กขวา : พีฬาวัช อรรคธรรม
เจ้าเกมส์ เข้ามาติดทีมชุดซีเกมส์ในยุค นิชิโนะ เป็นคนสุดท้ายและทำผลงานได้อย่างดีในตำแหน่งนี้ เมื่อมองจากตัวเลือกที่มีหมอนี่น่าจะเหมาะสมกับแบบแผนมากที่สุด แม้เกมรุกจะไม่โดดเด่นมาก ทว่าสมดุลเกมรับเขาทำได้ดีเลยทีเดียวเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : ชินภัทร ลีเอาะ
ประสบการณ์จาก สิงห์ เชียงรายฯ และการเป็นแกนหลักทีมชาติมาตลอดในช่วงหลัง ทำให้ “บอม” เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในแผงหลังตามเดิม ด้วยความแกร่ง การเป็นผู้นำสูง ทำให้เจ้าตัวคือตัวยืนหนึ่งในปราการหลังตัวกลางอย่างไร้ข้อสงสัยเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : ศฤงคาร พรมสุภะ
เหน่ง อาจมีปัญหาบ้างในจังหวะถูกเพรสซิ่งไวจากคู่แข่ง รวมถึงในเรื่องของสมาธิ และการออกบอล แต่หากวัดผลงานในทีมชุดนี้ เจ้าตัวน่าจะเป็นคนที่เข้าขาและลงตัวกับการคู่ ชินภัทร มากสุดแล้วแบ็กซ้าย : สรวิทย์ พานทอง
การบาดเจ็บของ เควิน ดิรมรัมย์ และ จตุรพัช สัทธรรม ทำให้แบ็กซ้ายอาชีพเหลือแค่ ทิตาธรอักษรศรี รายเดียว แต่เมื่อมองไปที่รายชื่อ “โอ๊ต” ที่เล่นได้ทั้งกองกลาง และปีกซ้าย ก็สามารถเล่นแบ็กได้เช่นกัน การที่เขามีชื่ออยู่ในทีมชุดนี้ หมายความว่า นิชิโนะ มีโอกาสที่จะจับหมอนี่มายืนแนวรับฝั่งซ้ายที่ยังเป็นปัญหาได้เช่นกัน
มิดฟิลด์ตัวกลาง : กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์
แม้จะหลุดจากทีมชุดซีเกมส์ที่ผ่านมา ทว่า “ฟลุ๊ก” เป็นขาประจำในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ทีม U-19 กอปรกับยิ่งชื่อของ รัตนากร ใหม่คามิ หลุดไปด้วยแล้ว และ ยิ่งทำให้โอกาสการเป็นตัวจริงของเขามีมากในตำแหน่งนี้ ไม่แพ้ กฤษดา กาแมน เลยทีเดียวมิดฟิลด์ตัวกลาง : เบนจามิน เดวิส
มีโอกาสที่ เบน จะถูกส่งลงตัวจริงเช่นกัน เพราะทีมชุดนี้ยังขาดผู้เล่นหมายเลข 8 ที่เป็นตำแหน่งคอยสวิซต์บอล หรือเคลื่อนที่ยามไม่มีบอล เชื่อมเกมไปยังแนวรุก และเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวถนัด ซึ่งหาก นิชิโนะ เปิดเกมรุกแบบเต็มตัว น่าจะทำให้เขามีชื่อเป็น 11 คนแรกเช่นกันปีกขวา : อานนท์ อมรเลิศศักดิ์
นนท์ แสดงให้เห็นถึงคลาสบอลแล้วว่าสามารถเล่นร่วมกับเพื่อนในแนวรุกได้อย่างดี อีกทั้งยังมีความเร็ว ทีเด็ดจากลูกตั้งเตะ ที่น่าจะเพิ่มความหลากหลายในเกมรุกได้ ซึ่งทำให้เขาน่าจะเป็นตัวเลือกแรกทางกาบขวากองหน้าตัวต่ำ : สุภโชค สารชาติ
คงหาใครมาแย่งตำแหน่งนี้จากเจ้าตัวได้ยากในชั่วโมงนี้ หลังผลงานกับทีมทั้งชุดเล็ก และชุดใหญ่ที่เด่นจนฉายแสง จนดึงศักยภาพเจ้าตัวออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม นอกจากนี้เขายังสามารถสลับไปเล่นทั้งทางฝั่งขวาหรือซ้ายได้ทั้งหมดในแนวรุกด้วยปีกซ้าย : ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา
ผลงานในซีเกมส์ตอบทุกอย่างได้ดีชัดเจนว่า แบงก์ สมควรจะเป็น 11 คนแรกอย่างไร้ข้อสงสัย ไม่ว่าจะเป็นทักษะความสามารถ ความเร็ว รวมถึงจังหวะประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมจากสโมสรเดียวกัน ที่เล่นด้วยกันได้อย่างรู้ใจ สิ่งเหล่านี้คือจุดเด่นของเด็กหนุ่มวัย 17 ที่ฟอร์มกระแทกตา นิชิโนะ จนถูกดึงขึ้นไปเล่นชุดใหญ่มาแล้วกองหน้า : ศุภชัย ใจเด็ด
ผลงาน “อาร์ม” อาจยังไม่กลับมาเป็นคนเดิม แต่การใช้ประโยชน์จากกองหน้าตัวเป้าของเขาน่าจะทำได้ดีกว่าคนอื่น ทั้งการเคลื่อนที่ จังหวะเก็บบอลที่ถือว่าทำได้โอเค ส่วนสิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับ ศุภชัย เวลานี้อาจเหลือเพียง “ความเด็ดขาด” เท่านั้น
