ฤดูกาลที่แล้วคือครั้งแรกที่ สเปอร์ส จบอันดับเหนือ อาร์เซน่อลในยุค อาร์แซน เวนเกอร์ และเริ่มต้นฤดูกาลนี้ได้แข็งแกร่งมากกว่า แถมยังผ่านเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ ลีก ตั้งแต่นัดที่ 4 ทั้งที่อยู่ร่วมกลุ่มกับ เรอัล มาดริด 

แต่นอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์หนล่าสุดต้องยอมรับว่า ทีมปืนใหญ่เก็บรายละเอียดได้ดีกว่าและคู่ควรกับการเป็นผู้ชนะ

เวนเกอร์ ไม่ทำในสิ่งที่เคยขัดใจแฟนบอลอย่างการดร็อป อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ เป็นสำรองเหมือนเกมใหญ่ก่อนหน้านี้ทั้งวันที่เจอลิเวอร์พูล และแมนฯ ซิตี้ 

หัวหอกทีมชาติฝรั่งเศสลงตัว0ริงเป็นสามประสานในแนวรุกร่วมกับ เมซุต โอซิล และ อเล็กซิส ซานเชซ ขณะที่หลังบ้านมีเซอร์ไพรส์ได้ ชโคดราน มุสตาฟี่ หายเจ็บกลับมายืนร่วมกับ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ และ นาโช่ มอนเรอัล

จังหวะโขกประตูชอง ชโคดราน มุสตาฟี่ ที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า

นี่คือชุดที่ดีที่สุดที่อาร์เซน่อลสามารถจัดได้ในฤดูกาลนี้ (ไม่นับ ซานติ กาซอร์ล่า ที่เจ็บยาว)

เมื่อได้ทีมที่ลงตัว อาร์เซน่อลจึงเล่นได้เต็มศักยภาพมากกว่า สเปอร์ส ที่ไม่มี โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ซึ่งเสียหายและทำให้เกมรับมีช่องว่าง 

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ต้องถอย เอริค ดายเออร์ ลงไปยืนเป็นเซนเตอร์ตัวสุดท้าย ขนาบข้างด้วย แยน แฟร์ต็องเก้น และ ดาวินซอน ซานเชซ

ตรงกลางที่เคยแน่นปึ้กจึง "หลวม" ลงกว่าที่เคยเพราะ วิคเตอร์ วานยาม่า ยังไม่หายเจ็บกลับมาทำให้ มูสซ่า เดมเบเล่ ต้องจับคู่กับ มุสซ่า ซิสโซโก้ ขณะที่ แฮร์รี่ วิงค์ส เป็นสำรอง

จุดสำคัญตรงกลางที่สเปอร์สมักทำได้ดีกว่าอาร์เซน่อล และไม่แพ้ในลีกเลยนับตั้งแต่ได้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2014 จึงไม่ได้เหนือกว่าเมื่อวัดกับ อารอน แรมซี่ย์ และ กรานิต ชาคา ทั้งที่คู่ดูโอปืนโตก็ไม่ใช่พาร์ตเนอร์แถวหน้าของลีก 

หลายครั้งที่อาร์เซน่อลเริ่มต้นได้ดี แต่สุดท้ายลงเหวเพราะความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แต่เกมนี้ ลูกทีมของ เวนเกอร์ ทำได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบเกม และทำผลงานได้ดีกันทุกคน มุ่งมั่น และตั้งใจ ไม่มีใครเป็นจุดอ่อน

ปืนใหญ่ ยืนตำแหน่งกันได้ค่อนข้างแน่น ไล่เพรสซิ่งตั้งแต่แดนบน ขยับเข้าบีบและประชิดตัวเพื่อลดทางเลือกในการจ่ายบอลของสเปอร์สให้น้อยลง ทำให้แนวรุกที่อันตรายอย่าง แฮร์รี่ เคน, คริสเตียน เอริคเซ่น และ เดเล่ อัลลี่ ไม่ได้แผลงฤทธิ์เท่าที่ควร

อเล็กซิส ซานเชซ ซัดมุมแคบแสกหน้า อูโก้ โยริส เป็นประตูปิดท้าย 2-0

เคน มีสถิติที่ดีมากในการเจออาร์เซน่อลเมื่อยิงได้ตลอด 5 ครั้งหลังสุด (รวม 6 ประตู) แต่ด้วยสภาพที่ไม่เต็มร้อย จึงไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงของ มุสตาฟี่ และ กอสซิแอลนี่ สุดท้ายเล่นไม่ครบ 90 นาที 

ขณะที่ เอริคเซ่น เป็นอีกคนที่ เวนเกอร์ ระวังสุดๆ เพราะอยู่ในช่วงพีกหลังเพิ่งกดแฮตทริกพาเดนมาร์กคว้าตั๋วฟุตบอลโลก แต่เกมนี้จอมทัพโคนม รวมถึง อัลลี่ สร้างโอกาสได้น้อยมาก

การครอสบอลจากด้านข้างซึ่งเคยเป็นจุดแข็งอีกจุดทัพไก่ก่อนหน้านี้ ทำได้หวาดเสียวไม่กี่ครั้ง ฝั่งขวาที่รับผิดชอบโดย คีแรน ทริปเปียร์ ก็โดน เซอัด โคลาซินัช ปิดช่อง ขณะที่ฝั่งซ้ายก็แทบไม่เติมขึ้นมาเปิดแบบได้-เสีย

อาร์เซน่อล ฉกฉวยประโยชน์ในวันที่สเปอร์สไม่มี อัลเดอร์ไวเรลด์ เพราะพื้นที่ว่างระหว่าง เบน เดวิส กับ แยน แฟร์ต็องเก้น เปิดโล่งตลอด 

เจ้าถิ่นแทงบอลทะลุช่องตรงนี้ได้บ่อยครั้ง ก่อนหน้าที่ ลากาแซตต์ จะสอดไปรับบอลและเปิดให้ อเล็กซิส ซานเชซ จับทะลักแต่ตามไปซัดเสยตาข่าย ก็ส่งสัญญาณเตือนไปแล้วครั้งหนึ่งที่ เอคตอร์ เบเยริน เปิดเข้าจุดโฟกัส แต่ ลากาแซตต์ เข้าช้าไปนิดเดียว

เกมรับฝั่งซ้ายของสเปอร์สมีปัญหาชัดเจน การไม่มี โทบี้ ส่งผลเยอะมากเพราะขาดตัวที่คอยสั่งการ เอริค ดายเออร์ ทำหน้าที่ตรงนี้ไม่ชัวร์เท่าที่ควร 

การกลับมาของ ชโคดราน มุสตาฟี่ ช่วยหยุดเกมรุกสเปอร์สได้ถูกที่ถูกเวลา

ใน 2-3 จังหวะที่อาร์เซน่อลได้หลุด กัปตันทีมชาติอังกฤษคนล่าสุดต้องเป็นคนสั่ง แฟร์ต็องเก้น กับ เดวิส ใกล้กันกว่านี้ 

อาร์เซน่อล เป็นบอลเคาะตามช่อง  ในวันที่เล่นได้ดี การเจาะตามพื้นไม่แพ้ใครเหมือนกัน เมื่อสเปอร์สยืนตำแหน่งกันหลวมก็เลยเปิดโอกาสให้ลูกทีมของ เวนเกอร์ ได้เล่นอย่างที่ตัวเองถนัด 

เช่นเดียวกับการยืนตำแหน่งของ 3 เซนเตอร์ไก่ที่ขยับขึ้นสูงเกินไป เบเยริน, ลากาแซตต์ และ อเล็กซิส จึงได้ใช้ความเร็ววิ่งสอดขึ้นไปรับบอลบ่อยครั้ง เมื่ออาร์เซน่อลได้โอกาสเรื่อยๆ สุดท้ายก็เข้าจุดสลบของสเปอร์ส  

ส่วนลูกโขกปัญหาของ มุสตาฟี่ มี 2 จุดที่สเปอร์สโวยได้ตั้งแต่ไม่ควรเสียฟรีคิกเพราะ ดาวินซอน ซานเชซ ไม่ได้ไปดึงเสื้อ อเล็กซิส ซานเชซ อย่างที่ ไมค์ ดีน เป่าฟาวล์ ขณะที่จังหวะโขกของ มุสตาฟี่ ก็ล้ำหน้าชัดเจน

จังหวะแบบนี้เกิดขึ้นได้ในทุกเกม ขึ้นอยู่กับว่าผู้ตัดสินและผู้ช่วย "แม่น" แค่ไหนในการทำหน้าที่ 

หาก "พลาด" ก็ต้องมีฝ่ายที่ได้ประโยชน์ และอีกฝ่ายเสียประโยชน์

จังหวะฟาวล์ที่กลายเป็นฟรีคิกและประตูนำของอาร์เซน่อล 

เกมเจอแมนฯ ซิตี้ อาร์เซน่อลก็เสียประโยชน์ไแล้วเพราะลูกยิง 3-1 ของเรือใบที่ ดาบิด ซิลบา สอดไปรับบอลก่อนเปิดให้ กาเบรียล เชซุส ยิง ก็ "ล้ำหน้า" จากที่ปืนใหญ่มีโอกาสจะกลับมาได้หลัง ลากาแซตต์ ตีไข่แตก เลยกลายเป็นแทบหมดหวัง

เมื่อการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินเป็นใจ (บ้าง) รวมกับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม อาร์เซน่อลเลยได้ชัยชนะที่สำคัญอีกนัด และทำสถิติชนะเกมลีกในบ้าน 11 นัดติด ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ขณะที่สถิติสูงสุดคือ 13 นัดติดในยุคท้ายๆ ของการใช้ไฮบิวรี่

เวนเกอร์ พาทีมสอบผ่านได้ในเกมนี้ซึ่งอีกปัจจัยที่มีผลคือ เกมนี้เล่นเป็นคู่เร็วของวันเสาร์ตอนเที่ยงครึ่งตามเวลาท้องถิ่น ฝ่ายที่เสียเปรียบมากกว่าคือทีมเยือนที่ต้องรวมพลกันเร็วขึ้น และอย่าลืมว่าเกมนี้คือเกมแรกหลังพ้นช่วงเบรกทีมชาติ

สิ่งที่อาร์เซน่อลต้องทำให้ได้เพื่อเป้าหมายเบื้องต้นในการติดท็อปโฟร์ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าคือ ต้องสม่ำเสมอมากกว่านี้ 

เกมนี้เอาชนะสเปอร์สที่ยกระดับขึ้นมาได้น่ายกย่องตลอด 2-3 ฤดูกาลหลัง แต่นัดหน้าไม่ใช่หลุดดื้อๆ เจอทีมอย่างเบิร์นลี่ย์ หรือ วัตฟอร์ด เตะหน้าหงาย 

เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ชัยชนะในนอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ก็จะเปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง