:::     :::

"ที่มาของชื่อAlex" และDNAทางจิตวิญญาณของป๋ากับไอร์แลนด์เหนือ

วันพุธที่ 01 มกราคม 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,764
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ทำไมเฟอร์กี้ถึงทุ่มเทอย่างมากในการสร้างความผูกพันพิเศษระหว่างแมนยูไนเต็ดกับไอร์แลนด์เหนือ นี่คือเรื่องราวถิ่นกำเนิดและความเกี่ยวข้องอันแน่นแฟ้นลึกซึ้งจากDNAของป๋า

เซอร์อเล็กซ์ฉลองวันเกิดปีที่78ในช่วงส่งท้ายปีใหม่ของปีนี้และในทุกๆปี ชายผู้ซึ่งเกิดในย่านGovan ในGlasgow เดือนธันวาคมปี1941 และต่อจากนี้คือคำบอกเล่าจาก John White ชายอีกคนผู้ได้ใกล้ชิดกับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน..

แฟนบอลทั่วโลกรู้กันดีว่าเขาคือผู้สร้างอาณาจักรที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับการได้ถึง38ถ้วยในเวลา 26ปีครึ่งของเขาที่คุมทีมฟุตบอลที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก แต่ว่าจะมีแฟนแมนยูสักเท่าไหร่กันที่ทราบว่าเขามีคอนเนคชั่นที่ใกล้ชิดกับไอร์แลนด์เหนือผ่านทางแม่ของเขาซึ่งเป็นคนที่นั่น และพ่อของเขาที่ลงเล่นให้กับGlentoran(สโมสรเก่าแก่ของไอร์แลนด์เหนือ) และนักเตะไอริชจำนวนมากที่ลงเล่นให้แมนยูภายใต้ยุคของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันผู้นี้

โดยนิสัยพื้นฐาน ผมรู้จักกับเซอร์อเล็กซ์เป็นอย่างดีและเขาก็เป็นแขกที่น่ารักมากเวลามาเยือนบ้านของผมที่Carryduffในหลายๆโอกาส วันนี้ผมจะอธิบายถึงไอริชคอนเนคชั่นของเขาและจะแบ่งปันเรื่องราวส่วนตัวหลายๆอย่างที่มีมีความสัมพันธ์กับผู้ชายที่ผมยังเรียกเขาว่า "บอส" อยู่จนถึงบัดนี้


เซอร์อเล็กซ์มีภาพที่คนเห็นต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นเผด็จการ อสูร คนก้าวร้าว พวกปากจัดด่าแหลก และชายผู้ซึ่งอาจจะว้ากแตกฉุนเฉียวใส่นักเตะและนักข่าวได้ตลอดเวลา แต่ว่าเรื่องพวกนี้คือส่วนใหญ่ๆเท่าที่คนทั่วไปนั้นรับรู้จากสื่อเท่านั้นและไม่ได้รู้จักเขาอย่างแท้จริง ซึ่งคนที่ว่าๆกันเหล่านี้นั้นเป็นคนเดียวกับคนที่ผมชื่นชมเขาอย่างสุดหัวใจ

ในปี1997 ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากๆเมื่อผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดผู้นี้ได้ร้องขอให้ผม และเพื่อนสนิทผมอย่าง John Dempsey ให้ไปที่มูลนิธิร่วมระดมทุนการกุศลแห่งไอร์แลนเหนือที่เขาเพิ่งตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงแม่ของเขา Elizabeth Ferguson (née Hardie)

จุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของกองทุน The Elizabeth Hardie Ferguson (1997-2013) ก็เพื่อที่จะรวมคนอายุน้อยๆทั่วUKเข้าด้วยกันผ่านกีฬา มอบโอกาสให้เด็ก คนชรา ผู้ด้อยโอกาสทั้งหมด จากสี่แผ่นดินสก็อตต์ อังกฤษ เวลส์ และไอริช ซึ่งแม้เซอร์อเล็กซ์อาจจะเกิดในสก็อตแลนด์ก็จริง แต่ว่าแม่ของเขามาจากไอร์แลนด์เหนือ และเป็นเพราะว่ารากฐานแม่เขานั้นเอง ป๋าจึงมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคนในท้องถิ่น ส่วนพ่อของเขา Alexander Beaton Ferguson ทำงานเป็นระยะเวลาสั้นๆในอู่ต่อเรือHarland & Wolff ในฐานะผู้ช่วยของคนทำแผ่นเหล็กต่อเรือ(เรียกว่าเพลทเตอร์) ซึ่งตอนที่อเล็กซานเดอร์อาศัยอยู่ในBelfast เขาได้ลงเล่นให้กับสโมสรอายุร้อยกว่าปีอย่าง Glentoran โดยการแอบใช้นามแฝงชื่อปลอมว่า "Alex Miller" เพราะว่าตัวเขาเองได้ไปเซ็นสัญญานักเตะเอาไว้อยู่แล้วกับสโมสรของสก็อตแลนด์ และที่นี่แหละที่เบลฟาสต์ ทำให้เขาได้พบกับภรรยาในอนาคตนั่นเอง

และชื่อของลูกชายเขา(หรือป๋าของพวกเรา)นั้น Alex มาจากชื่อสั้นๆทางพ่อ และนามแฝงเตะบอล "Alex Miller" ของพ่อเขานั่นเอง

เซอร์อเล็กซ์(เด็กคนที่สองทางขวามือ) ถ่ายรูปร่วมกับแม่ElizabethจากNI น้องชายMartin และคุณพ่อ Alexander Ferguson

ผมได้พบกับชายผู้แม้จะตวาดแต่ก็อบอุ่น ชื่นชอบอารมณ์ขันเป็นพิเศษ มีเสน่ห์ และติดดินคนนี้ ซึ่งทัศนคติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสายตาของผมนั้นคือ ความเอื้ออารีย์ของเขา คือไม่เกี่ยวกับว่าตัวผมนั้นจะต้องร่วมงานกับเขามากแค่ไหนบ้าง เขานั้นมักจะให้เวลากับแฟนๆเสมอและไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่เขาจะปฏิเสธการแจกลายเซ็นหรือถ่ายรูปคู่ สำหรับผมแล้ว กระแสดงออกแบบไม่เห็นแก่ตัวเองซึ่งมันโอบอ้อมอารี และบุคลิกความเมตตาใจดีส่วนตัวของเขาเหล่านี้ที่ผมเห็นนั้น มีเยอะเป็นกระบุงยังกะกองทัพโรมันเลยทีเดียว แต่ว่าน้อยคนเหลือเกินที่จะรู้เรื่องพวกนี้

ผมจำเรื่องราวได้มากมายเลยเกี่ยวกับการที่เขาให้ความสนใจกับผู้อื่นมากกว่าที่จะคอยห่วงแต่การคิดถึงตัวเอง ซึ่งรวมถึงการพูดคุยกับญาติครอบครัวของเหยื่อจากระเบิดOmagh ตอนที่เขาพาทีมทรีเบิลแชมป์ของเขาในปีนั้น พามาเยือนเล่นเกมกระชับมิตรกับทีม Omagh Town ในวันที่3 สิงหาคม ปี1999 เพื่อที่มุ่งหมายจะระดมทุนให้กับกองทุนจากเหตุการณ์ระเบิดคาร์บอมที่เมือง Omagh นั่นเอง

ป๋าได้พูดคุยกับ แคลร์ กัลลาเกอร์ หญิงสาวที่ตาบอดจากเหตุคาร์บอมป์ในOmagh ในช่วงก่อนเกมระดมทุนระหว่างแมนยูVโอมา

ในตอนที่ Alex Ferguson รับช่วงต่อจากRon Atkinson เป็นผู้จัดการทีมของ Manchester United อย่างสมบูรณ์ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 1986 เขามีนักเตะ4คนจากภาคเหนือและใต้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเด็กของป๋าเอง และคนพวกนี้ก็เป็นตำนานนักฟุตบอลของไอริชด้วย  สี่คนนั้นได้แก่ Kevin Moran, Norman Whiteside, Frank Stapleton และ Paul McGrath

เขามาถึงที่นี่โดยตระหนักถึงสายสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไอร์แลนด์กับยูไนเต็ด ในฐานะที่สโมสรมีนักเตะไอริชในทีมอยู่ทุกๆฤดูกาล นับตั้งแต่ย้อนไปครั้งแรกสุดของเรื่องนี้คือ นักเตะผู้มีบ้านเกิดอยู่Belfastอย่าง Walter McMillen ที่ได้ลงเปิดตัวเตะกับBrentfordในเกมเยือน ช่วงวันที่16กันยา ปี1933นั้น ขณะนั้นแมนยูไนเต็ดอยู่ในดิวิชั่นสอง นับมาจนถึงตอนที่ป๋าคุมปี86 ก็เป็นเวลา 53ปีพอดีที่เรามีนักเตะชาวไอริชอยู่ในทีมทุกซีซั่น

ป๋าเฟอร์กี้ดำรงสิ่งนี้ให้คงอยู่ต่อเป็นประวัติศาสตร์ ในช่วงที่เขากุมบังเหียนคุมทีมยุคนั้น และในเดือนตุลา1988 เขาซื้อดาวเตะไอริชคนแรกมาโดยการจ่ายเงินให้กับLuton Townเป็นราคา 650k ปอนด์ ให้กับดาวเตะจากเบลฟาสต์อีกคนอย่าง Mal Donaghy ซึ่งในปัจจุบันนี้เป็นโค้ชอยู่ที่Irish FA นอกจากนี้ป๋ายังเป็นคนให้โอกาสนักเตะจากดินแดนนี้เดบิวต์กับแมนยูไนเต็ดอีก ไม่ว่าจะเป็น Pat McGibbon, Keith Gillespie, Phil Mulryne, Roy Carroll, David Healy, และ Jonny Evans เซ็ตนี้มาจากไอร์แลนด์เหนือ  และยังมีกลุ่มของเซ็ต Denis Irwin, Roy Keane, John O'Shea พวกหลังๆก็มี Liam Miller, Darron Gibson และ Robbie Brady ซึ่งเป็นคนของสาธารณรัฐไอร์แลนด์


(1ใน4องค์ประกอบแผ่นดินของสหราชอาณาจักรมีเวลส์ สก็อตแลนด์ อังกฤษ และ ไอร์แลนด์เหนือ ส่วนสาธารณรัฐไอร์แลนด์ซึ่งอยู่ทางตะวันตกและใต้ของไอร์แลนด์เหนือนั้นไม่นับ เพราะได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี1922)

มันเป็นช่วงยุคของเซอร์อเล็กซ์คุมทีพอดีที่ สโมสรแมนยูไนเต็ดได้ส่งทีมไปยังไอร์แลนด์เหนือเป็นครั้งแรกยุคนี้เพื่อที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมลงแข่งในถ้วย "Milk Cup" ซึ่งเป็นถ้วยของเด็กๆนักฟุตบอล โดยส่งนักเตะจูเนียร์ชุดแรกไปลงทัวร์นาเมนต์นี้ในปี 1989 ซึ่งในรายการนี้นั้น เหล่านักเตะแมนยูจำนวนมากรวมถึงซุปเปอร์สตาร์ในอนาคตของทีมมากมายนั้นได้มาเตะรายการนี้กันหมดทุกคนแล้วไม่ว่าจะเป็น Ryan Giggs, Wes Brown, David Beckham, Nicky Butt, Gary Neville, Paul Scholes, Evans, Danny Welbeck, Jesse Lingard, Andreas Pereira (ลูกรักโอดินของเราได้ตำแหน่งPlayer of the tournament ในปี 2013) และรวมถึง Marcus Rashford ทั้งหมดนี้มีประสบการณ์ลงเตะบอลถ้วยครั้งแรกในชีวิตก็ในแถบชายฝั่งทางเหนือของไอร์แลนด์ในถ้วยMilk Cup นี่เอง ซึ่งBeckham, Butt, Neville และ Gillespie ก็ลงเล่นให้แมนยูไนเต็ดในปี1991ในชุด U-16 ที่ได้แชมป์ด้วย

ผมจำได้ดีถึงตอนที่นั่งอยู่ในที่ทำงานของเขาที่สนามฝึกซ้อม Carrington ในบ่ายวันนึงตอนที่ผมกำลังค้นคว้าหนังสือตัวเองอยู่ 'ปีศาจแห่งไอริช' เรื่องราวอย่างเป็นทางการของ Manchester Unitedและเหล่าไอริช  ผมถามป๋าว่า ทำไมสโมสรเราถึงได้ประสบความสำเร็จในการเฟ้นหานักเตะดาวรุ่งมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะเด็กๆอายุน้อยชาวไอริช


ป๋าบอกว่า "นับตั้งแต่สโมสรก่อตั้งในปี1878 ในนาม สโมสรรถไฟ Newton Heath Lancashire and Yorkshire นักเตะมากมายข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากไอริช เพื่อมาเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และพวกเขาจำนวนมหาศาลเหล่านั้นก็รับใช้สโมสรด้วยความโดดเด่น  สายสัมพันธ์พิเศษนี้นั้นมีอยู่จริงระหว่างไอริชกับแมนยูไนเต็ด พันธะที่แข็งแกร่งถูกสร้างขึ้นผ่านความผูกพันทางครอบครัวผ่านรุ่นสู่รุ่นของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และในหลายๆรูปแบบซึ่งเป็นพันธะสัมพันธ์ที่ค่อนข้างพิเศษไม่เหมือนใครอย่างมาก"

"เหล่าไอริชนั้นเป็น และจะเป็นสายโลหิตของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดตลอดไป และผมรู้สึกขอบคุณผู้คนเหล่านั้นมากๆสำหรับความจงรักภักดีที่จะมีตลอดกาล แบบรักไม่มีเปลี่ยนแปลงที่มีต่อผมและทีมของผม"

"แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเข้าใจดีถึงความเกี่ยวข้องกันในแบบครอบครัวระหว่างชาวไอริชกับสโมสร เป็นครั้งคราวผมมีนักเตะเด็กๆไอริชมาทดสอบฝีเท้า และพวกเขาเหล่านั้นจะคิดถึงบ้านและมีอาการโฮมซิคอย่างมากในช่วงแรกๆ แต่ว่าพวกผมและสต๊าฟฟ์เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีในสิ่งที่คนไอริชชอบ และเรารู้ว่าครอบครัว คือสิ่งสำคัญของชีวิตในไอร์แลนด์"

เซอร์อเล็กซ์ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยUlster

"ชาวไอริชนั้นมีความสุขกับการเป็นครอบครัวที่แน่นแฟ้น และเด็กๆมากมายก็โตมาด้วยการอยู่กับแม่ของเขาในฐานะที่เป็นผู้ปกครอง และพวกเราที่แมนยูไนเต็ดรู้เรื่องนี้ดี เหมือนกับเซอร์แม็ตต์ บัสบี้ที่ปฏิบัติให้กับจอร์จ เบสต์ ดังนั้นพวกเราใส่ใจความรู้สึกของเด็กๆและปล่อยให้พวกเขามีเวลาส่วนตัวที่จะตัดสินใจสิ่งที่เขาอยากจะทำในชีวิตเขา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจะสนับสนุนอย่างเต็มที่กับการตัดสินใจของเด็กๆเหล่านี้ตลอดไป"

ผมเชิญเซอร์อเล็กซ์มาที่บ้านครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมปี1997 ให้มาในสมาคมผู้สนับสนุนแมนยูไนเต็ดที่Carryduff ที่กำลังจัดระดมทุนให้กับหนึ่งในสมาชิกผู้ต้องใช้วีลแชร์ไฟฟ้าอันใหม่

ในเดือนกุมภาพันธ์ 1999 เขามาเยี่ยมที่Carryduffเป็นครั้งที่สอง และครั้งนั้นเขาก็มีทริปแรกที่ระดมเงินการกุศลของเขา สิ่งเดียวที่เขาเรียกร้องต้องการก็คือให้เราเอาเงินที่ได้จากเหตุการณ์อีเวนต์นี้นั้นไปช่วยกลุ่มชุมชน และนำเอาเหล่าเด็กๆนิกายโรมันคาธอลิก และโปรแตสแตนท์เข้ามาอยู่ร่วมกันผ่านกิจกรรมการกีฬา

ช่วงอาหารมื้อบ่าย Jonh Dempsey กับผมขับรถไปที่สนามบินเมืองBelfast ที่เซอร์อเล็กซ์บินมาลงพร้อมกับ Barry Moorhouse ผู้ซึ่งเป็นคนที่รับผิดชอบเกี่ยวกับ สมาคมผู้สนับสนุนทั้งหลายของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างเป็นทางการ (รวมที่Carryduff MUSC ของJohn Whiteด้วย) และอดีตนักเตะยูไนเต็ด Wilf McGuinness ที่ได้ไปเป็นพิธีกรที่อีเวนต์ครั้งนี้ด้วย

ทันทีที่เขาก้าวลงมาจากเครื่อง เซอร์อเล็กซ์ถามหาทางไปร้านเจ้ามือรับแทงม้าที่ใกล้ที่สุดทันที เขาพูดว่า มีอยู่ร้านนึงในหาดสั้นๆที่เบลฟาสต์ฝั่งตะวันออกที่ผมโตขึ้นมา ห่างออกไปแค่ห้านาทีเอง และป๋าพูดเอาไว้ประมาณว่า "พาผมไปหน่อย ม้าของผมตัวนึงที่ชื่อ Queensland Star จะวิ่งช่วงบ่ายนี้ที่ตลาดใหม่ ผมอยากลองเสี่ยงดูและตามการแข่ง"

เป็นที่รู้กันดีว่าป๋าคลั่งม้าขนาดไหน และนี่คือม้าในตำนาน Rock of Gibraltar

เป็นเพราะว่าผมขับไปในถิ่นเก่า ป๋าเลยไม่ได้ทักธงสามสีของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ที่ปลิวสะบัดอยู่และภาพจิตกรรมฝาผนังของพรรคนิยมสาธารณรัฐ(รีพับลิกัน) เขาก็พูดว่า "ไปทางนี้เฟ้ยไวท์ นายไม่รู้เหรอว่าฉันเคยลงเล่นให้เรนเจอร์ส นี่แกจะขับพาเราไปไหนเนี่ย"

ผมตอบว่า "คุณขอให้พาไปจองตั๋วไง..บอส ดังนั้นผมจะพาไปที่นั่นไง ไม่ต้องห่วงน่า ทุกคนเป็นแฟนแมนยูแบบบ้าเข้าเส้นทั้งนั้นแหละแถวนั้นน่ะ"

โมเมนต์นั้นมันเงียบสงัดจนบางทีคุณอาจจะได้ยินถึงขนาดเสียเข็มหล่นได้เลยตอนที่เหล่านักพนันได้พากันเห็นผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเดินเข้ามาในแวบแรก ผมจ้องดูที่พ่อของผมที่ตอนนั้นนั่งอยู่ตรงมุมศึกษาข้อมูล จากนั้นก็แนะนำเขาให้รู้จักกับเซอร์อเล็กซ์ที่เดินไปวางเดิมพันบนม้าของเขาที่เขาตั้งชื่อตามเรือที่พ่อของเขาเคยไปช่วยสร้างอยู่ที่อู่เรือThe Clyde

เวลานั้นที่นั่นคนเยอะมากๆแม้กระทั่งผู้หญิงก็มีเต็มไปหมดซึ่งปกติไม่แม้แต่จะย่างเข้ามาในสถานที่นี้ด้วยซ้ำ

มีผู้ชายคนนึงถามว่า "ตัวไหนม้าคุณน่ะ เฟอร์กี้?" เมื่อเซอร์อเล็กซ์บอกเขาไป ชายคนนั้นหยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตและก็ลงสลากเดิมพันไปที่ Queensland Star ม้าของป๋านั่นเอง

แต่อนิจจาม้าเข้าในลำดับที่สอง และทันทีที่การแข่งจบลง เซอร์อเล็กซ์ถูกคนรุมล้อมขอลายเซ็น แต่ทุกคนที่นั่นไม่รู้จะหาอะไรเพื่อมาให้ป๋าเซ็นเลยนอกจากสลิปพนัน ดังนั้นป๋าจึงเซ็นใส่ให้ในนั้นไปเป็นโหลๆเลย รวมถึงใบปะของพวกนักพนันที่เจ๊งเพราะแทง Queensland Star ด้วย

อีเวนต์ในเย็นวันนั้นประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงด้วยจำนวนเงินที่ระดมทุนได้อย่างมากมายอีกครั้ง เซอร์อเล็กซ์ถ่ายรูปและแจกลายเซ็นเป็นร้อยๆครั้งเลยทีเดียว

ภายหลังที่ผมได้เขียนถึงป๋าและขอให้พาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมาที่ิเบลฟาสต์เพื่อที่จะลงเล่นปะทะกับ XI ของไอริชลีกในเกมเกียรติยศเทสติโมเนียลแมตช์ของ Harry Gregg ป๋าตอบตกลงในทันทีและมันช่างเป็นคืนที่สุดยอดมากที่Windsor Park ในวันที่15 พฤษภาคม ปี2012

พูดจริงทำจริง ขนนักเตะชุดใหญ่ไปงานเกียรติยศของตำนานสโมสร

Gregg ชายหนุ่มจากเมืองPortstewart แน่นอนเขาคือหนึ่งในวีรบุรุษจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่มิวนิคในปี1958ที่คร่าชีวิตไป23คนรวมถึง 8นักเตะแมนยูไนเต็ดซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมกับGreggด้วย .. เหล่าบัสบี้ เบ๊บส์นั่นเอง  ซึ่งการที่Greggนั้นมีชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ของสโมสรเรา แต่กลับไม่เคยมีแมตช์เกียรติยศนั้นทำให้หลายๆคนตกใจ เซอร์อเล็กซ์รู้สึกติดอยู่ในใจว่าเขาจะต้องทำสิ่งนี้ให้มันถูกต้องโดยขนเอาทีมที่มีดาราเต็มๆไปด้วย ทีมที่ซึ่งผิดหวังจากการพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกในวินาทีสุดท้ายให้กับคู่อริอย่างซิตี้ในแมตช์สุดท้ายซีซั่น2012 เพื่อเป็นเกียรติให้กับตำนานของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ความกล้าหาญของGreggนั้นก็สมควรได้รับได้รับคำยกย่องอย่างมากจากเซอร์อเล็กซ์ในฐานะฮีโร่หนึ่งเดียวของเหตุการณ์นั้น (แฮรี่ เกร็กก์ โกลของแมนยูไนเต็ดเป็นคนที่ไปดึงเพื่อนนักเตะออกมาจากซากเครื่องบิน สามคนในนั้นคือ เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน/เดนนิส ไวโอเล็ท และ แจ็คกี้ บลันช์ฟลาวเวอร์) ทั้งความชื่นชมอย่างสูงที่เซอร์อเล็กซ์ยกย่องในช่วงที่อธิบายเรื่องราวของเกร็กก์ว่าเป็นเหมือน "สิ่งที่เหนือยิ่งกว่าความเป็นตำนาน"  แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเป็น "ฮีโร่ที่ต้องทนกล้ำกลืนที่สุด" คนหนึ่งด้วย

"อัศวินผู้พิทักษ์ปีศาจแดงตลอดกาล" ผู้รักษาประตูฮีโร่ที่ช่วยชีวิตเพื่อนออกจากซากเครื่องบิน Harry Gregg

บางทีรากฐานจากชนชั้นแรงงานขั้นผู้น้อยที่เซอร์อเล็กซ์เติบโตขึ้นมาจากย่านGovan ลูกชายของช่างต่อเรือที่ครั้งหนึ่งอู่เคยคึกคักมีสีสัน แต่ตอนนี้เงียบเหงาไปแล้วอย่างThe Clyde สิ่งนี้ทำให้เขากระหายความสำเร็จมากขึ้นไปเรื่อยๆอย่างไร้เงื่อนไข ซึ่งไม่ว่ามันจะเป็นยังไง เด็กหนุ่มจากGovanผู้นี้ไม่เคยเป็นวัวลืมตีนและละทิ้งรากเหง้าของเขาเอง

คำขวัญของพวกตระกูลเฟอร์กูสันในสก็อตแลนด์คือ'Dulcius ex asperis' หรือแปลเป็นไทยได้ว่า "ความสำเร็จที่ผ่านความยากลำบากมาก่อน มักจะหอมหวานเป็นพิเศษเสมอ"

เรื่องราวพ่อของเขา ป๋าเคยครั้งหนึ่งพูดว่า "The Clyde สร้างคน และคนๆนั้นก็สร้างฉันนี่แหละขึ้นมา"

เมื่อมองย้อนกลับไปตอนที่สัมภาษณ์ในออฟฟิศของเขาที่Carrington ผมสังเกตเห็นสัญลักษณ์ลายเซ็นบนกำแพงอยู่อันนึงที่อ่านแบบผ่านๆได้ว่า "AHCUMFIGOVIN" หรือ I come from Govan "ฉันมาจากGovan" นั่นเอง

ป๋ายังคงเป็นกลาสวีเจี้ยนที่ภาคภูมิใจและหลงใหลในถิ่นเกิดของตน โดยมีไอร์แลนด์เหนือสถิตย์อยู่ในDNA..

-ศาลาผี-

---ขอมอบบทความแปลนี้เป็นของขวัญวันเกิดแด่ Alexander Chapman Ferguson---


source : https://www.belfasttelegraph.co.uk/sport/football/premier-league/manchester-united/why-sir-alex-ferguson-devoted-so-much-towards-building-on-manchester-uniteds-special-bond-with-northern-ireland-38816749.html

https://tribuna.com/en/manutd/news/3536935/

https://www.thestatesman.com/sports/wishes-pour-sir-alex-ferguson-78th-birthday-1502839447.html

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด