???

    กองหน้า เชลซี กลายเป็นที่สนใจของคอบอลแฟนตาซีในฤดูกาลนี้ ทั้งที่เริ่มต้นด้วยค่าตัวสุดถูก แต่ก็ยิงให้สิงห์บลูส์ไปแล้วถึง 11 ประตูในปัจจุบัน

    ฟอร์มของเขาได้รับการหนุนหลังอย่างดีจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ชื่นชอบในการให้โอกาสดาวรุ่งฝีเท้าเยี่ยม และเขาก็มีแนวโน้มที่จะเป็นหนึ่งในสตาร์ของทีมชาติอังกฤษชุดลุยยูโร 2020 ในช่วงซัมเมอร์เช่นเดียวกับเพื่อร่วมอะคาเดมี่อย่าง ฟิคาโย่ โทโมรี่ และ เมสัน เมาท์

    ในที่สุดดาวหนุ่มของ เชลซี ก็ประสบความสำเร็จภายใต้ผู้จัดการทีมที่รู้วิธีดึงศักยภาพสูงสุดจากพวกเขา

    แต่บางที มันก็ทำให้เราหวนนึกถึง โดมินิก โซลันกี้ ขึ้นมาเหมือนกัน...

    ปัจจุบัน โซลันกี้ วัย 22 ปีค้าแข้งที่ บอร์นมัธ แต่ก็ต้องดิ้นรนอย่างหนักกับโอกาสที่กว่าจะได้ลงสนาม และเฝ้ามองเพื่อนเก่าของเขาด้วยความอิจฉา และเสียใจ

    ย้อนกลับไปในสมัยชุบตัวกับอะคาเดมี่ที่ เชลซี ทั้ง โซลันกี้ และ อบราฮัม วัย 22 ปีเท่ากันกลายเป็นคู่พาร์ทเนอร์ล่าสังหารยิงรวมกันไป 41 ประตูให้กับทีมเยาวชนในฤดูกาล 2014-15 พร้อมช่วยให้สิงห์บลูส์น้อยเถลิงแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ และยูฟ่า ยูธ ลีก อีกด้วย

    ยิ่งกับ โซลันกี้ แล้ว เขาถูกมองว่าเป็นอัญมณีแสนล้ำค่าแซงหน้าดาวรุ่งทุกรายในรุ่นเดียวกัน และก็เป็นดาวเด่นให้กับทีมชาติอังกฤษชุดยู-20 ที่คว้าแชมป์โลกในปี 2017

    หลังจากทะลวงตาข่ายไป 4 เม็ดในทัวร์นาเมนต์ที่เกาหลีใต้ เขาก็ได้รับรางวัล 'โกลเด้น บอล' ประจำการแข่งขัน

    จะบอกว่านั่นเป็นรางวัลเดียวกันกับที่นักเตะอย่าง ลีโอเนล เมสซี่, เซร์คิโอ อเกวโร่ และ ปอล ป็อกบา เคยได้มาก่อน ดังนั้นความคาดหวังในตัวหนุ่มน้อยเมืองผู้ดีรายนี้จึงเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ

    หลังจากสร้างชื่อ และสถาปนาตัวเองเองกลายเป็นความหวังใหม่ แน่นอน โอกาสทะลุสู่ทีมชุดใหญ่ของ โซลันกี้ ย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วย แต่กับการที่มี ดีเอโก้ คอสต้า ขวางทางอยู่ทำให้เขาไม่มีโอกาสเลยในทีมชุดแรกที่เจ้าตัวโหยหา

    ดังนั้นเขาจึงเลือกเดิมพันครั้งใหญ่กับอาชีพของตัวเองที่ ลิเวอร์พูล ขณะที่หงส์แดงเองก็เอาชนะบรรดาคู่แข่งทั้งหลายในการคว้าลายเซ็นของเขาเอาไว้ได้

    แต่ก็อีกนั่นแหละ ด้วยการที่ ลิเวอร์พูล มีทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ขวางหน้าอยู่ในแผงแนวรุก ทำให้ โซลันกี้ ถูกทิ้งให้ต่อสู้กับพวกบรรดาเศษเหล็กในตอนนี้ร่วมกับ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ และ ดิว็อก โอริกี้ ในบทบาทกองหน้าสำรอง

    มันไม่ใช่โอกาสที่ตัวเขาเองคาดหวังเอาไว้ และถึงตรงนี้ โซลันกี้ ก็ยิงไปแล้ว 1 ประตูถ้วยจาก 47 นัดที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกให้กับทั้งหงส์แดง และ บอร์นมัธ

    ในขณะเดียวกัน เพื่อนเก่าของ โซลันกี้ ที่ เชลซี อย่าง อบราฮัม ก็ใช้เวลาในช่วงนั้นออกไปเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตในฐานะนักเตะ 'ยืมตัว'

    เขามีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมในแชมเปี้ยนชิพกับ บริสตอล ซิตี้ เมื่อยิงได้ถึง 23 ประตู แต่จากนั้นก็ต้องเจอซีซั่นที่น่าผิดหวังกับ สวอนซี หลังซัดไปเพียง 5 ตุงในพรีเมียร์ลีก ซึ่งสุดท้ายทัพหงส์ขาวก็ตกชั้นไปด้วยในปี 2017-18

    กระนั้น ดีกรีของเขาที่ชัดเจนสุดเกิดขึ้นในฤดูกาลก่อนกับ แอสตัน วิลล่า ซึ่ง อบราฮัม ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการทำได้ถึง 25 ประตู พร้อมช่วยให้สิงห์ผงาดชนะเพลย์ออฟเลื่อนชั้นมาอยู่ในลีกสูงสุดตามที่เห็นในปัจจุบัน

    ด้วยการถูกแบนห้ามซื้อแข้งใหม่ของ เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และดาวยิงอย่าง อัลบาโร่ โมราต้า และ กอนซาโล่ อีกวาอิน ก็โดนปล่อยออกไป ในที่สุดโอกาสจริงๆ จังๆ ของ แทมมี่ ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริจด์ ก็มาถึงซะที

    ในหลากหลายเส้นทาง โอกาสของ อบราฮัม นั้นเกิดขึ้นเพราะความอดทน และโชคดีของเขา

    มันคงเป็นคำถามอยู่เหมือนกันว่าเขาจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเหมือนทุกวันนี้รึเปล่าหากสิงห์บลูส์สามารถซื้อกองหน้ามาใหม่ในช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว

    ???

    แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะเวลานี้คำถามนั้นก็คงไม่ได้สำคัญเท่ากับผลงานที่ แทมมี่ แสดงให้เห็นตลอดครึ่งซีซั่นแรก

    ถึงตรงนี้ อบราฮัม ได้คว้าโอกาสกับสโมสรในวัยเด็กของเขาได้สำเร็จ

    ส่วน โซลันกี้ สิ่งดีที่สุดที่ตัวเขาสามารถหวังได้ในตอนนี้กับ บอร์นมัธ ก็คือโอกาสลงสนามนั่นเอง

    พาสต้า