:::     :::

หมดจด

วันศุกร์ที่ 03 มกราคม 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
7,336
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มีการพูดกันเยอะนะครับ ว่าการจะดูแชมป์นั้นต้องดูหลังจากผ่านคริสมาสต์หรือปีใหม่ไปเสียก่อน


เพราะในตอนนั้นภาพต่างๆ จะชัดเจนขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมอย่างลิเวอร์พูลที่ในอดีตมักจะไม่คงเส้นคงวาเท่าไร กับการโชว์ฟอร์มหรูในช่วงต้นฤดูกาลนั้นหลายๆ คนก็เพ่งเล็งช่วงนี้ไว้ว่าลิเวอร์พูลจะผ่านพ้นไปได้หรือเปล่าเพราะพวกเขาต้องเจอกับโปรแกรมอันหนักหน่วงและถี่เหลือเกินในช่วงนี้ และถ้าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรก็น่าจะเป็นช่วงนี้แหละ

ยิ่งเตะยิ่งแกร่ง

          แต่กับสิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามไปซะงั้น จากที่แฟนบอลเพ่งเล็งว่าลิเวอร์พูลจะทำแต้มหลุดในช่วงนี้และทำให้ช่องว่างของคะแนนย่นระยะลงมากลับกลายเป็นว่าคู่แข่งของพวกเขาเองเสียอีกที่ทำแต้มหล่นกันไปคนละเล็กละน้อย เอาแค่เฉพาะช่วง 3 นัดอันตรายในช่วงบ๊อกซิ่งเดย์อย่างเดียวก็ไม่มีทีมไหนสามารถเก็บแต้มได้เต็ม 9 คะแนนเลยซักทีม แมนฯ ซิตี้ และเลสเตอร์ที่ดูจะเป็นคู่แข่งของพวกเขาโดยตรงก็เก็บได้แค่ 6 คะแนน จาก 9 คะแนนเต็ม แต่ทีมที่ทุกคนมองว่าอาจจะพลาดเพราะกรำศึกหนักอย่างลิเวอร์พูลกลับเดินหน้าเก็บแต้มได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยพวกเขาผ่านเกมหนักๆ อย่างการไปเยือนทีมที่ลุ้นแชมป์ด้วยกันโดยตรงอย่างเลสเตอร์ ซิตี้ และเจอทีมจอมเซอร์ไพรซ์อย่างวูลฟ์ แฮมตันฯ ก็ยังเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องและในเกมนี้พวกเขาก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะล้มเชฟฯ ยูฯ ลงได้เพื่อที่จะยืดระยะห่างของแต้มให้หนีห่างยิ่งขึ้นไปอีก




อัพเกรด


          ก่อนเกมดูเหมือนลิเวอร์พูลจะมีข่าวร้ายเล็กๆ เมื่อนาบี้ เกอิต้ามีอาการบาดเจ็บในการวอร์มอัพ ทำให้ต้องส่งท่านรองเจมส์ มิลเนอร์ลงมาเล่นแทน แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรเพราะท่านรองพร้อมแสตนด์บายตลอดเวลาอยู่แล้ว เชื่อว่าถ้าอลิสซงหรืออาเดรียนเจ็บมิลเนอร์ก็น่าจะสวมถุงมือไปเล่นแทนได้แน่นอน (ฮา) ในเกมนี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่คาดว่านี่จะเป็นเกมที่ลิเวอร์พูลต้องใช้ความอดทนกับแผนของเชฟฯ ยูฯที่มาเพื่อตั้งรับ100%อยู่แล้ว ถ้ายังจำกันได้เกมก่อนหน้านี้ในครึ่งฤดูกาลแรก กว่าลิเวอร์พูลจะเจาะตาข่ายพวกเขาได้ก็แทบกระอักเลือดเหมือนกัน แต่ก็มาได้ลูกเฮงจากการยิงของไวนัลดุ้มที่ดีน เฮนเดอร์สันรับแล้วปลิ้นเข้าประตูไป ในเกมนี้ก็เช่นกันพวกเขามาเน้นตั้งรับเต็มที่ แม้ไลน์รับของพวกเขาจะไม่ได้ต่ำมากนักแต่ก็วางกองหลังไว้ถึง 5 คนเพื่อป้องกันเกมการบุกของลิเวอร์พูลอย่างเต็มที่  แต่ตอนนี้ลิเวอร์พูลกำลังมั่นใจสุดขีดและมีอาวุธที่หลากหลายมากกว่าตอนเจอกันครั้งก่อนเยอะ โดยเฉพาะกับการตักบอลข้ามแนวรับให้กองหน้าหรือแบ็กที่ความเร็วจัดของตัวเองฉีกไปรับบอล ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในช่วงหลังนี้ ซึ่งมันก็ได้ผลเหมือนเกมก่อนหน้านี้เช่นกัน อาจจะดูว่าพวกเขาโชคร้ายนิดๆ ที่ตัวประกบของโรเบิร์ตสันเสียหลักล้มลงไป ทำให้โรเบิร์ตสันได้เปิดโล่งๆ ให้ซาล่าห์ชาร์จเข้าไปอย่างง่ายๆ ทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 และดูเหมือนว่าเมื่อลิเวอร์พูลได้ประตูขึ้นนำเกมจะเปิดหน้าแลกกันมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย



          เชฟฯ ยูฯ ยังคงเล่นอย่างมีวินัย และเล่นเกมของตัวเองต่อไป พวกเขายังพอใจกับสกอร์ที่ตามหลังอยู่แค่ 1-0 ยังเน้นเกมรับและรอโอกาสสวนกลับเหมือนเดิม ในเกมที่เจอแมนฯ ซิตี้พวกเขาก็เล่นแบบนี้และมันเกือบได้ผล แต่กับลิเวอร์พูลในตอนนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้พวกเขารู้ว่าเชฟฯ ยูฯจะมาไม้ไหนและคู่แข่งของเขารอจังหวะแบบไหนอยู่ หลังจากได้ประตูขึ้นนำแล้วลิเวอร์พูลก็ไม่ได้ผลีผลามบุกอะไรแต่อย่างใด พวกเขาครองเกมไว้ได้อยู่ข้างเดียวและแทบไม่เสียบอลให้กับคู่แข่งเลย แม้จะโดนเพรสซิ่งอย่างหนักแต่ว่าพวกเขาก็เอาตัวรอดไปได้ทุกจังหวะ และถึงพวกเขาจะเสียบอลแต่ก็สามารถตัดบอลกลับไปได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีอยู่ช่วงนึงเปอร์เซนต์การครองบอลของลิเวอร์พูลพุ่งขึ้นไปเกือบๆ 90% เลยทีเดียว และพอพวกเขาได้ประตูเพิ่มเป็น 2-0 จากการประสานงานของซาล่าห์ที่แทงทะลุช่องให้มาเน่ยิงเข้าไปติดในจังหวะแรกแต่ก็ซ้ำเข้าไปได้อย่างเด็ดขาด ทำให้เกมนี้เป็นของลิเวอร์พูลอย่างสมบูรณ์แบบไปเลยเพราะเชฟฯ ยูฯเองก็ดูจะถอดใจไปแล้วเหมือนกัน

เดินหน้าอย่างมั่นคง


          จากการที่ทุกคนคาดการณ์ว่าลิเวอร์พูลจะสะดุดในช่วงโปรแกรมชุกแบบนี้ ลิเวอร์พูลกลับแสดงความยอดเยี่ยมให้เห็นออกมายิ่งขึ้นไปอีกโดยการฉีกแต้มหนีทีมคู่แข่งไปอีกอย่างน้อยๆ ก็ 3 คะแนนล่ะครับ  ในทุกขุมกำลังตอนนี้ของพวกเขากำลังท๊อปฟอร์มและมั่นใจสุดขีด แนวรับที่เคยโดนวิจารณ์ว่าอ่อนลงช่วงนี้ก็เก็บคลีนชีตได้อย่างต่อเนื่อง แดนกลางตอนนี้ก็ลงตัวและมีมิติการเล่นที่หลากหลายเหลือเกิน ในขณะที่แดนหน้าที่อันตรายอยู่แล้วก็ยังรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างดี และในเกมนี้พวกเขาก็แสดงให้เห็นในเกมอีกครั้งว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาครอบครองทุกอย่างไว้ในมือและแทบจะไม่ปล่อยโอกาสให้คู่แข่งสร้างอันตรายได้เลย 


          และกับสถาการณ์การลุ้นแชมป์ก็เช่นเดียวกัน พวกเขายังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องและมั่นคง และไม่มีช่องว่างให้ทีมที่ตามมาสร้างความกดดันและอันตรายให้พวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ....







ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})