แม้ความเข้มข้นจะลดน้อยถอยลงไปบ้างเมื่อสตาร์ทีมชาติโปรตุเกสตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งในอิตาลี ทำให้เราไม่ได้เห็นทั้งคู่เผชิญหน้ากันในสโมสรคู่ปรับอย่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด แต่ก็มีสิติใหม่เกิดให้เห็นอยู่ทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ

จากช่วงรุ่งเรื่องสุดขีดจนถึงปัจจุบัน ยังถูกยกให้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในดลกแม้วัยจะเลยเลข 3 กันมาแล้ว 

เมื่อเข้าสู้ทศวรรษใหม่ซึ่งอาจคงพูดได้ว่าทั้งคู่คงปิดฉากเส้นทางอาชีพไม่เกิน 10 ปีนี้ แต่ก็ยังมีสถิติอีกมากไม่น้อยเหมือนกันที่รอให้ทั้งคู่เขียนขึ้นมาใหม่และอาจจะเกิดขึ้นในปี 2020 นี้เลย

        

ถึงแม้ว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะคว้าโทรฟี่สโมสรถ้วยใหญ่ที่สุดของยุโรปมาแล้วถึง 5 สมัย แต่เขายังไม่ใช่คนที่ได้แชมป์รายการนี้มากที่สุดในโลก

เพราะสถิติคนที่ได้แชมป์มากที่สุดเป็นของ ฟรานซิสโก้ เกนโต ตำนานแข้งของ เรอัล มาดริด ในยุค 50-70 ที่แชมป์ไปทั้งสิ้น 6 สมัย

ซึ่งในฤดูกาลนี้สตาร์วัย 34 ปีก็มีโอกาสทำสถิติเทียบเท่ากับ ยูเวนตุส ต้นสังกัดที่ปัจจุบันอยู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยจะพบกับ โอลิมปิก ลียง จากฝรั่งเศส

ที่มีโอกาสเพราะด้วยศักยภาพของ "ม้าลาย" ดีพอที่จะเป็นแชมป์ เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย แถมพวกเขายังหมายมั่นปั้นมืออย่างเต็มที่กับการคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้นั่นเอง

ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมาของ ลิโอเนล เมสซี่ กับการค้าแข้งในถิ่นคัมป์ นูจนถึงปัจจุบัน เจ้าตัวพังตาข่ายไปแล้วถึง 618 ลูกจากการลงสนาม 705 

แน่นอนว่านี่คือตัวเลขที่คงยากที่ใครจะทำได้ง่ายๆกับฟุตบอลสมัยปัจจุบันที่เต็มไปด้วยแท็คติคและพละกำลัง

ทว่านั่นยังไม่ใช่ตัวเลขลูกที่สุดกับการยิงประตูมากที่สุดในการเล่นให้กับสโมสรเดียว เพราะสถิตินั้นเป็นของ เปเล่ ตำนานทีมชาติบราซิลที่ทำไว้สมัยค้าแข้งกับ ซานโตส ในบ้านเกิด

เปเล่ พังตาข่ายให้ต้นสังกัดตลอดเวลา 19 ปีที่ 643 ประตูจาก 656 เกม เท่ากับว่าตอนนี้ เมสซี่ ต้องการอีกเพียง 26 ประตูก็จะแซงขึ้นไป

26 ลูกอาจจะดูว่าเยอะเมื่อพูดถึงนักเตะทั่วไป แต่สำหรับ เมสซี่ แล้ว ในช่วงเวลาที่เหลืออีกราว 5 เดือน ถ้าไม่เจ็บซะก่อนยังไงคงไปถึงได้ไม่ยาก

ฟุตบอลยูโร 2020 อาจจะเป็นศึกชิงแชมป์ทวีปครั้งสุดท้ายของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพราะเมื่อเข้าสู่การแข่งขันเจ้าตัวจะมีอายุ 35 ปีแล้ว ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะบอกว่าพร้อมเล่นถึงอายุ 40 ซึ่งจะครอบคลุมถึงยูโร 2024 ด้วยก็ตาม

ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกสลงเล่นในศึกยูโรครั้งแรกในปี 2004 ซึ่งในปีหน้าจะถือเป็นครั้งที่ 5 กับรายการนี้ 

ปัจจุบัน โรนัลโด้ ยิงประตูในรอบสุดท้ายรายการนี้ไปแล้ว 9 ลูก มากที่สุดในประวัติศาสตร์เท่ากับ มิเชล พลาตินี่ ซึ่งโอกาสสูงเหลือเกินที่จะขึ้นแท่นแบบเดี่ยวๆ

ขอแค่อีกประตูเดียวเท่านั้น แม้ว่าจะอยู่ในกรุ๊ปมหาโหดที่มีทั้ง เยอรมัน และ ฝรั่งเศส บวกกับอีกทีมจากรอบเพลย์ออฟ แต่เชื่อเถอะว่าประตูเดียวคงไม่ยากเกินไป

        

อีกหนึ่งสถิติที่คู่นี้แข่งขันกันโดยตรงและไล่บี้กันมาตลอด ก็คือการทำแฮตทริคได้ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ปัจจุบันทั้งคู่สอยแฮตทริคไปแล้วคนละ 8 ครั้งในเวทีใหญ่ของยุโรป ซึ่งครั้งล่าสุดเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในซีซั่นนี้ ทั้งสองคนยังไม่เคยทำได

บาร์เซโลน่า เจอ นาโปลี, ยูเวนตุส เจอ ลียง ถึงแมเในรอบนี้อาจจะยากไปสักหน่อยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้

ยิ่งเมื่อทั้งคู่รู้อยู่แก่ใจว่าหากใครทำได้จะขึ้นเป็นผู้นำเดี่ยวแล้วด้วยคงเน้นกันหน่อยล่ะ

ปีแรกในอิตาลีต้องบอกว่าจำนวนประตูของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย เมื่อเทียบกับสมัยค้าแข้งในสเปนกับ เรอัล มาดริด 

แต่ถ้าพูดกันตามตรง 21 ประตูในปีแรกในกัลโช่ เซเรีย อา ถือว่ายอดเยี่ยมเลย น่าเสียดายที่ ฟาบิโอ กวายาเรลล่า ดันเข้าฝักสุดๆกดไป 26 ประตูนั่นแหละ

ในปีนี้ โรนัลโด้ ทำไปแล้ว 10 ประตู รั้งอยู่ในอันดับ 4 ตามหลังผู้นำอย่าง ชิโร่ อิมโมบิเล่ (17), โรเมลู ลูกากู (12) และ ชูเอา เปโดร (11) อยู่ ซึ่งถ้ามองที่ตำแหน่งท็อปก็ถือว่าตามพอสมควรเลย

กระนั้นด้วยความที่เป็น โรนัลโด้ ที่ดีเอ็นเอแห่งการเอาชนะล้นเหลือยังไงเจ้าตัวก็ต้องพยายามที่จะไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดให้ได้

        

แม้แต่ในปีที่เรียกได้ว่าไม่ใช่ปีที่ดีที่สุด ลิโอเนล เมสซี่ ยังคว้าบัลลง ดอร์สมัยที่ 6 มาครองได้

ถึงจะค้านสายตาไปบ้าง (ในมุมมองแฟนบอลบางคน) แต่ถึงกระนั้นมันก็ทำให้ ดาวยิงจากบาร์เซโลน่าขึ้นมาเป็นนักเตะที่ได้ลูกบอลทองคำมากที่สุดในโลกเหนือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปแล้ว

ปีนี้ยังคงเดินหน้าทำผลงานพร้อมทะลวงตาข่ายต่อเนื่องด้วยการซัดไปแล้ว 15 ประตู รวมถึง "เจ้าบุญทุ่ม" ยังอยู่ในการแข่งขันทุกรายการในขณะนี้

แถมกลางปีนี้ยังมีศึกโกปา อเมริกา ทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ที่อาร์เจนติน่าเป็นเจ้าภาพร่วม ซึ่งเจ้าตัวหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะคว้าโทรฟี่รายการเมเจอร์กับทีมชาติมาครองให้ได้

เรียกได้ว่าโอกาสให้ได้โชว์ฝีเท้าปีนี้ครบถ้วนทั้งสโมสรและทีมชาติ ถ้าผลงานออกมาดีบัลลง ดอร์สมัยที่ 7 ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม

        

นับเฉพาะในปี 2019 ที่ผ่านมา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สอยตาข่ายให้กับทีมชาติโปรตุเกสไปทั้งหมด 14 ประตู ซึ่งเกิดขึ้นในเกมยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก และในยูโร 2020 รอบคัดเลือก

จนถึงตอนนี้ยอดสะสมสำหรับการพังประตูในนามทีมชาตินั้น โรนัลโด้ ทำไปแล้วทั้งสิ้น 99 ประตู จากการลงรับใช้ชาติทั้งสิ้น 164 เกม

แต่นั่นทำให้แข้งวัย 34 ปีรั้งอยู่ในอันดับ 2 เท่านั้น เพราะอันดับ 1 นั้นเป็นของ อาลี ดาอี อดีตกองหน้าทีมชาติอิหร่านที่ทำเอาไว้ 109 ลูก

อีกแค่ 10 ประตูเท่านั้น ก็จะแซงซึ่งดูแล้วยังไงก็แซงแน่ล่ะ อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น ซึ่งมันก็สามารถเกิดขึ้นในในปีนี้ด้วยเช่นกัน

รองเท้าทองคำ หรือ ดาวซัลโวยุโรป หนึ่งในรางวัลสุดปรารถนาของเหล่าบรรดากองหน้าทั้งหลายที่หวังได้มันมาสักครั้งในชีวิต

ประตูที่ทำได้นับเฉพาะในลีกเท่านั้น ซึ่งตลอด 12 ปีหลัง ผู้ที่ได้รางวัลนี้ 11 ครั้งมาจากลา ลีกา สเปน ส่วนอีกหนึ่งครั้งมาจากพรีเมียร์ลีก ซึ่งก็คือ หลุยส์ ซัวเรซ ในปี 2013 ซึ่งปัจจุบันก็ไปเล่นในสเปนแล้ว

เจ้าของรางวัลนี้มากที่สุดก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ ทำคว้าไปแล้วถึง 6 ครั้ง เหนือกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ได้ไป 4 ครั้ง แถมสตาร์บาร์เซโลน่ายังได้รางวัลนี้มาแล้ว 3 ปีติดอีกด้วย

ปัจจุบัน เมสซี่ ทำไปแล้ว 13 ประตูในลา ลีกา, เมื่อเทียบกับคู่แข่งลีกอื่นอย่าง พรีเมียร์ลีก ตอนนี้เป็น เจมี่ วาร์ดี้ นำอยู่ที่สกอร์ 17 ลูกเช่นเดียวกับ กัลโช่ เซเรีย อา ที่ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ทำไป 17 ลูกเท่ากัน ส่วนในบุนเดสลีกา เยอรมัน เป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ นำอยู่ที่ 19 ประตู และ ลีก เอิง ฝรั่งเศส วิสซาม เบน เยดแดร์ ทำไปแล้ว 13 ประตู

6 ลูกที่ตามถือว่าไม่เยอะเลยสำหรับนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ รอให้ถึงสักเดือนเมษายนอะไรน่าจะชัดมากขึ้นและจะได้รู้ว่า เมสซี่ จะคว้ารางวัลนี้ได้เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันหรือไม่