:::     :::

"โคม่าไม่หาหมอ" ชีวิตจึงต้องต่อด้วยการบุกถ้ำเสียวล่าเขี้ยวหมาป่า

วันจันทร์ที่ 06 มกราคม 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,326
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แมนยูในปัจจุบันก็เหมือนคนป่วยที่ยังไม่ยอมพาไปหาหมอเพื่อรับการรักษาซะที(ซื้อตัว)ทั้งๆที่อยุ่ในภาวะวิกฤต หรือว่าเราต้องหันไปหาของขลังคุณไสยที่ถ้ำหมาป่าถึงจะช่วยได้

นับตั้งแต่มหากาพย์ขายฝันระหว่างดีลการซื้อกองหน้าเด็กระเบิดยืดแล้วยึดอย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์ ได้ล่มไปอย่างไม่เป็นท่าจนกลายเป็นตำนานแมนยูไปอีกคนนึงแล้วนั้น ต้องยอมรับว่าหลังจากความฝันนี้ดับไป แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็ดู "เคว้งคว้าง" เหมือนกับไม่มีเป้าหมายสำรองใดๆทั้งสิ้นเมื่อทำการเช็คข่าวต่างๆที่ออกมาหลังจากนั้น ต้นสังกัดไร้การเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิงเมื่อยอมถอนสมอจากดีลของฮาลันด์ที่เป็นเพราะว่าไม่อยากจะจ่ายเงินส่วนเกินให้กับเอเย่นต์อย่างไรโอล่า และพ่อของเขา ซึ่งนักเตะรายนี้เป็นข่าวกับเราในฐานะเป้าหมายหลักที่มีลุ้นสูงอยู่นานมาก เพื่อจะเสริมทัพในจุดอ่อนที่ยังขาดอยู่ของทีม

แต่เมื่อเราไม่สามารถคว้าตัวหน้าเป้าที่ต้องการมาได้แล้วนั้น ยูไนเต็ดทำท่าเหมือนกับคนที่ต้องกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งก็คือ "ไม่มีข่าวอะไรให้ลุ้นเลย" ทั้งๆที่ทีมเรานั้นอยู่ในภาวะวิกฤตที่ต้องเสริมทีมโดยด่วน เพราะนักเตะตัวหลักๆเจ็บและถูกหามออกจากสนามไปคนแล้วคนเล่า ไม่ว่าจะเป็นป็อกบาที่ทำเหมือนจะกลับมากลับเจ็บไปนาน สุดท้ายด้วยเกมการเมืองหรือความห่วยแตกของเหตุผลประการใดก็ไม่ทราบได้ สุดท้ายต้องกลับไปผ่าตัดอีก ส่วนแม็คโทมิเนย์ที่เล่นบอลอย่างดุเดือดทุ่มเทมาตลอดซีซั่นก็ไม่อาจจะยืนระยะและทานเกมหนักๆต่อเนื่องไหว ในที่สุดก็เจ็บยาวไปอีกสองเดือนอย่างที่เห็น

ภาพที่แฟนแมนยูไม่อยากเห็น แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะจำเป็นต้องทนใช้ทุกนัด และสุดท้ายก็กรำศึกต่อไม่ไหว

สภาวะตอนนี้นอกจากตำแหน่งที่ขาดๆอย่าง กลางรุก ปีกขวา หน้าเป้าแล้วนั้น มิดฟิลด์กลางสนามแท้ๆของเราก็เหลือเพียงแค่สองคนไม่มีตัวเปลี่ยน นั่นก็คือ เฟร็ด กับ มาติช ที่ฟอร์มโรยราไปแล้ว  แถมลูกกรอกตัวจิ๋วอีกสองรายอย่าง การ์เนอร์ กับ เลวิทท์ ก็ดันเจ็บไปซะด้วยจนไม่มีชื่อในม้านั่งสำรอง

ภาวะอันตรายระดับRed Codeเช่นนี้แล้ว บอร์ดบริหารของแมนยูกลับยังนิ่งเฉย ไม่มีการเดินเกมที่สำคัญๆเร่งด่วนใดๆทั้งสิ้น มีแต่คำพูดจากปากผู้จัดการทีมหุ่นเชิดให้กับบอร์ดเท่านั้นว่า "เราจะพิจารณานักเตะที่เหมาะสมเท่านั้น" ตามคำพูดเดิมๆที่ได้ยินมาจนเบื่อ กับลมปากที่ทำได้เพียงแค่เออออขุนพลอยพยักไปกับเบื้องบนเท่านั้นของโซลชา

ดังนั้นสภาพตอนนี้ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเข้าขั้นย่ำแย่สุดๆ เมื่อทีมอยู่ในสภาพโคม่าเหมือนคนป่วยหนัก แต่กลับไม่ยอมไปหาหมอแล้วรับยารักษา หรือtreatด้วยวิธีการต่างๆเพื่อให้อาการมันดีขึ้น ซึ่งก็แทนด้วยการที่ถึงเวลาตลาดเปิดเดือนมกราคมแล้ว และมีโอกาสแก้ปัญหาเร่งด่วนด้วยการนำเข้านักเตะมาช่วยแก้สถานการณ์และลงเล่นให้ทีม  แต่จนถึงตอนนี้ ข่าวที่มีทั้งหมดซึ่งเกี่ยวกับแมนยูไนเต็ดและนักเตะใหม่นั้น มาแบบกระเซ็นกระสาย มาแบบเยี่ยวปริบทีละหยดสองหยด แถมกระจายไปเล่นคนนู้นที คนนี้ทีแบบสนุกมือนักข่าวที่เขียนกันมาแบบจริงมั่ง เทียนมั่งเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นกรีลิช จิมิเนซ บรูโน่ ลองสต๊าฟฟ์ ฮาเวิร์ตซ์ หรือแม้กระทั่งข่าวเงิน45ล้าน+ลินการ์ดที่จะเอาไปซื้อแมดดิสันก็ตามที (เขียนมาได้ไงข่าวแบบนี้ โคตรไม่เมคเซนส์ หรือถ้าเป็นเรื่องจริง นั่นแปลว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นโง่เง่ามากที่จะหวังดีลทุเรศๆแบบนี้ด้วยการเอานักเตะขยะไปแลกตัวท็อปของสโมสรเขา มันคงจะสำเร็จหรอก)

สรุปไม่มีดีลไหนที่มีน้ำหนัก หรือข่าวแรงๆเลยว่าจะได้ตัวอะไรมาเข้าทีมสักคน

คำถาม : เราเป็นกองเชียร์ คนดูบอลที่อยู่ภายนอก จะรู้แผนงานเบื้องหลังเขาได้ยังไง มันต้องใช้เวลา ต้องค่อยๆพิจารณาถึงจะซื้อนักเตะเข้ามาสักคนนึงที่ต้องเสียเงินค่าตัว ค่าเหนื่อย และอีกมากมายดังนั้นมันไม่ได้ง่ายๆที่จะ นึกอยากได้ใครก็ซื้อเข้ามาเลยแบบนั้นหรือ

คำตอบ : อ้าว ไม่ใช่ว่าพวกเอ็ง(ทีมซื้อขาย+บอร์ดบริหารอนุมัติงบ) มีหน้าที่ที่จะต้อง "เตรียมการกันเอาไว้ก่อน" อยู่แล้วตั้งนานไม่ใช่เหรอ ว่าจะต้องซื้อขายตำแหน่งไหน มีใครบ้างที่น่าสนใจและอยู่ในข่ายดึงมาเสริมทีม  ทุกอย่างมันต้องเตรียมการเอาไว้นานแล้ว ซึ่งทีมอื่นๆเขาก็มีกัน ทั้งบอร์ดเบื้องบนที่มีวิสัยทัศน์ และDOFที่ควบคุมทิศทางการซื้อขายอย่างถูกต้องและเข้าเป้า ทีมอื่นเขาอยากได้ใครก็แปปเดียวเปิดตัว ชูเสื้อ แล้วก็ลงเล่นกันเลยทั้งนั้น ขนาดลิเวอร์พูลที่ทีมสมบูรณ์แล้ว เขายังเสริมนักเตะตัวใหม่ๆเข้ามาแล้วเลยตั้งแต่ก่อนถึงมกราคมอีก   แต่แมนยูไนเต็ดจนถึงตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้

นั่นแปลว่า บอร์ดและทีมซื้อขายทำงานเบื้องหลังเพื่อเตรียมการซื้อนักเตะนั้น มันไม่มีประสิทธิภาพในด้านการวางแผนงานเลยชัดๆ

ดังนั้นจะเห็นได้เลยว่าตอนนี้ก็ดังที่เปรียบเปรยเอาไว้บนหัวบทความ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเหมือนกับคนป่วยที่เข้าขั้นโคม่า แต่กลับไม่ยอมไปหาหมอ ยังคงฝืนใช้ชีวิตแบบป่วยๆใกล้ตายแบบนั้นต่อไป ในบ้านของตัวเองที่มีแต่ญาติรายล้อมและพากันหลอกคนป่วยด้วยคำพูดสวยงามเหมือนอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ไปวันๆ ในขณะที่เจ้าบ้าน(บอร์ด) ก็ดูดายไม่พาไปโรงบาล เพราะไม่ใช่อาการป่วยของตัวเอง

และแถมงก กลัวเปลืองเงินค่ารักษาที่ต้องจ่ายให้โรงพยาบาลซะยังงั้น ทั้งๆที่ก็พอมีเงิน

เจ้าบ้านที่ไม่ยอมเจียดเงินรักษาคนป่วยในบ้านที่กำลังจะตาย นั่นแปลว่ามันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ต่อให้ตายคาบ้านไป เขาก็ยังคงยืนอยู่บนหอคอยงาช้างอยู่ดี เพราะยังคงสถานะ"เจ้าของบ้าน"อยู่ และไม่ต้องไปเสียเงินค่ารักษา แค่ดึงจากบัญชีนิดหน่อยมาเป็นค่าทำศพแค่นั้น

และนี่แหละคือสภาพของเราในตอนนี้

โฉมหน้าเจ้าของบ้านและพ่อบ้านที่ไม่เคยสนใจใยดีอาการลูกบ้านที่กำลังจะตายเลย เพียงเพราะไม่อยากเสียค่ารักษาแพงๆ

ดังนั้น ในฐานะแฟนบอลที่เชียร์สโมสรที่มีบอร์ดเฮงซวยแบบนี้จึงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากทำใจ และก็ได้แต่คาดหวังว่า จะมีการเคลื่อนไหวที่จริงจังโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะมีมาได้ อาจจะไม่ต้องถึงกับไปซื้อตัวแบกมาเข้าทีมหรอก แต่ไอ้ประเภท "ซื้อๆใครก็ได้เพื่อลดกระแสต่อต้าน"  มันก็ไม่สมควรเช่นกันเพราะมีแต่จะเสียเงินเปล่าประโยชน์ ดังเช่นเคสของฌอน ลองสต๊าฟฟ์ ที่ไม่ได้ดูจะมีความเก่งกาจอะไรเลย แต่ก็ยังจะมีข่าวกับมันรัวๆอยู่ได้ ตัวแบบนี้ไม่ต้องซื้อมา  ดันการ์เนอร์ เลวิทท์ยังจะดีซะกว่า มีDNAสโมสรแถมฝีเท้าน่าปั้นด้วย

ดังนั้น ถ้าไม่ใช่นักเตะประเภท "เดอะแบก" (เพราะแพงเว่อร์และเขาไม่ขาย) หรือพวกตัวกากแบบ "ไผกะได้" มาเข้าทีม(ซื้อมาเป็นภาระเพิ่ม มี14อยู่ก็แย่มากแล้ว)  ดังนั้นที่จะนำเข้ามานั้นจึงควรเป็นนักเตะที่มีเกรดอยู่ประมาณนึง รู้ฝีมือฝีเท้ากันดีว่า นี่เป็นนักเตะที่เก่งและน่าสนใจ แต่ไม่ต้องถึงขนาดซุปตาร์คับฟ้าราคาสูงลิบ ไม่โดนสิ่งที่เป็นเปลือกทั้งหลายมาบดบัง เช่น ความโอเวอร์เรทเกินฝีเท้า เพราะกระแสยกยอเกินจริง หรือเป็นนักเตะระดับท็อปที่เป็นความหวังของทีมเค้า แต่เราจะไปเอาตัวมา แล้วคาดหวังว่าเขาจะต้องขายให้ และขายในราคาถูกๆ

ไม่ต้องถึงขนาดเทพแบกทีมมาจากไหนซึ่งดึงมายากกลางซีซั่น แถมราคากระอักเลือดที่จะโดนขูดรีดอีก  แต่ก็ต้องไม่ใช่นักเตะกากๆประเภท ซื้อๆเข้ามาเหอะใครก็ได้แบบนั้น  ดังนั้นการมองหาของดีจากทีมระดับรองๆลงไปที่ไม่ใช่พวกท็อป6ในลีกเรา  หรือทีมที่ไม่ใช่ทีมนำในลีกอื่นแต่ก็มีชื่อเสียงอยู่บ้างในระดับ tier1 ของลีกประเทศเค้า ถือเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง

และสเป็คที่กล่าวมาทั้งหมดนี้นั้น ก็ตรงพอดีเป๊ะกับนักเตะจากทีมของแสลงเราอย่างวูล์ฟ(ฮา) สองคนพอดีที่น่าสนใจ เพราะฝีเท้าดีจริง ดีจัดๆและชื่อเสียงไม่โอเวอร์เรทเกินตัว แถมยังพอมีลุ้นจะลากตัวมาเข้าทีมได้ด้วย

สองคนที่ว่านั่นคือ "กองหน้าหมาป่าเดียวดาย" Raul Jiminez และ "ห้องเครื่องปีศาจ" Ruben Neves นั่นเอง


คำถามคือ ทำไมต้องเป็นสองคนนี้จากวูล์ฟที่น่าสนใจ นั่นมีสาเหตุหลายประการมากๆที่เข้าแก๊ป

1.วูล์ฟแฮมพ์ตันไม่ได้ลุ้นแชมป์ และอันดับต่ำกว่าเรา

ข้อนี้โคตรรรรสำคัญข้อนึงเลยที่จะทำให้เราสามารถดึงเนเวสกับจิมิเนซมาได้ในปีใหม่นี้เลย สาเหตุเพราะวูล์ฟไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ทีมกำลังไปได้ดี และมีลุ้นถึงขนาดอันดับ1-3ได้อย่างสบายๆเพราะติดลมบนไปแล้ว ดังนั้นการที่เลสเตอร์จะปล่อยคีย์แมนพวกเขาออกมาในช่วงปีใหม่นี้ถือว่างี่เง่ามากหากจะทำ ซึ่งหากจะปล่อยเพื่อทำเงินจริงๆสเกลสโมสรระดับนี้ ถ้าเงินถึงก็พร้อมปล่อยอยู่แล้ว และเขาก็จะปั้นใหม่มาขายเราอีก(ฮา)

แต่มันไม่มีทางเป็นปีใหม่นี้แน่ๆ หากเป็นทีมลุ้นอันดับดีๆอย่างเลสเตอร์ในตอนนี้ ซึ่งดันซวยว่า เป้าหมายที่ทีมอยากได้อย่าง แมดดิสันนั้น ปีนี้ดันมาอยู่ในทีมที่มีลุ้นอย่างมาก จึงเป็นการยากที่จะไปกระชากตัวเขามาได้

กลับกัน วูล์ฟที่ตอนนี้สถานภาพย่ำแย่กว่าเราแล้วเพราะตกไปอันดับ7 ในขณะที่ยูไนเต็ดยังคงเกาะอย่างหน้าด้านได้ในอันดับที่5แม้จะแพ้ทีมอมบ๊วยมาไม่นานนัก(ฮา หัวเราะทั้งน้ำตา) ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าเป็นวูล์ฟ ผมว่าเรา"ซื้อได้แน่ๆ" และโชคดีที่พวกเขาไม่ได้มีลุ้นท็อปโฟร์ที่จะไปUCLในปีหน้าได้ ดังนั้นระดับความจำเป็นของสโมสรจึงอยู่ในสภาวะที่พอจะปล่อยตัวได้เหมือนกัน

2.ทีมขาดพอดีเป๊ะๆทั้งสองตัว

2.1 "ห้องเครื่องปีศาจ"


แน่นอนว่า คนแรกอย่าง รูเบน เนเวสนั้น เป็นมิดฟิลด์เชิงรับ ที่มีทักษะและเทคนิคสูงมากจนสามารถเติมเกมรุกให้ทีมได้มีประสิทธิภาพ ซึ่งในสภาวะที่มิดฟิลด์เจ็บระนาว และทีมปล่อยกองกลางออกไปหลายตัวแต่ไม่ซื้อกลับเข้ามาเลยนั้น ทำให้ทีมเราพิการมิดฟิลด์มาก ทั้งๆที่เมื่อก่อนแย่งกันลงแทบตาย ตอนนี้เหลือใช้งานจริงๆแค่เฟร็ด แม็ค เท่านั้นที่สามารถพึ่งพาใช้เป็นตัวหลักได้ ในขณะที่มาติชนั้นโรยรา และกำลังจะหมดสัญญาปลายฤดูกาลนี้แล้ว จึงเป็นแค่ตัวซัพพอร์ตระยะสุดท้ายให้ทีมเท่านั้น แถมฟอร์มก็ไม่ค่อยดีด้วย / การ์เนอร์ เลวิทท์ที่ยังเด็กเกินไป และผู้จัดการทีมก็ไม่เคยไว้ใจให้ลงสนามนัดสำคัญ

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่กำลังขาดกองกลางเช่นนี้ รูเบน เนเวส จึงมีความสำคัญระดับผู้พยุงชีวิตให้แมนยูได้เลยในตำแหน่งกองกลางของทีม

และท่าไม้ตายในการยิงไกลจากแถวสองที่ "คาดหวังประตูได้" จะเป็นอาวุธที่ดีมากๆหากมาเสริมทีมเรา เพราะมันเป็นมิติการเล่นที่ขาดพอดีสำหรับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คือถ้าไม่ใช่ป็อกบา นักเตะคนอื่นๆคาดหวังให้ยิงไกลแถวสองไม่ได้เลยแม้แต่ตัวเดียว .. รูเบน เนเวสนอกจากจะมาอุดพื้นที่กลางสนามให้แข็งแกร่งสมดุลขึ้นแล้วนั้น ยังจะทำให้เกมบุกของเรามีอาวุธของบอสร็อคแมนให้เลือกมาเปลี่ยนใช้มากกว่าเดิมอีกด้วย

ที่สำคัญ ตัวนี้อายุโคตรน้อยเพียงแค่22ปีเท่านั้น! หลายคนอาจจะไม่รู้เพราะหนวดเคราที่พาให้หน้าแก่ไปด้วย แต่จริงๆอายุเท่านี้ โคตรจะเข้าแก๊ปและเหมาะมาเข้าแก๊งค์พวกแรชฟอร์ดแม็คโทมิเนย์มากจริงๆ

2.2 "กองหน้าหมาป่าเดียวดาย"


ส่วนอีกคนหนึ่งอย่าง ราอูล จิมิเนซ หมอนี่เป็นstrikerขนานแท้ที่ทีมกำลังขาดเลย หลังจากที่พลาดตัวเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ไปแล้ว การหันมามองนักเตะในลีกเดียวกันเองก็ถือเป็นชอยส์ที่ดีในการเสริมทีมแบบที่ไม่ต้องปรับตัวมาก และน่าจะรู้สไตล์ของลีกเป็นอย่างดี ซึ่งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดขาดนักเตะกองหน้าเบอร์9แบบนี้อยู่พอดีเลย

ซึ่งจิมิเนซเป็นอีกตัวที่ผมเชื่อว่า แฟนผีหลายๆคนเคยเห็นฟอร์มของเขา และเป็นตัวที่น่าซื้อมากๆ สำหรับศูนย์หน้าทีมชาติเม็กซิโกวัย28ปีคนนี้ ซึ่งแม้จะมีอายุอยู่บ้าง แต่ผมเชื่อว่าไม่ใช่อุปสรรคมากนักเพราะอยู่ในช่วงพีคพอดี ซื้อปุ๊บใช้งานทันทีเหมาะกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในตอนนี้มาก และน่าจะใช้งานไปได้อีกระยะใหญ่ๆเลยใช่ว่าจะซื้อมาเก่งปีเดียวแบบมาติชซะที่ไหน(ผ่าง)

เรื่องการจบสกอร์ของจิมิเนซ โอเคเรายอมรับว่า เขาอาจจะไม่ใช่กองหน้าจอมถล่มประตูที่เข้ามาแล้วจะยิงกระจาย ข้อนี้ต้องเข้าใจกันหน่อยว่า เฮ้ย มันไม่ใช่ว่าซื้อเข้ามาแล้วจะทำได้เหมือนรุด ฟานเพอร์ซีย์อะไรพวกนั้นนะ ไม่มีทางเลยเพราะว่าเกรดกับชื่อชั้นมันต่างกันมากๆ


แต่ที่แน่ๆการมาของเขาจะทำให้แผนการเล่นทีม โดยเฉพาะเกมบุกนั้นทรงประสิทธิภาพแน่นอนถ้ามีตัวค้ำจริงๆในฐานะTarget man ยืนรอจบสกอร์อยู่หน้าปากประตูเป็นหลัก และให้Forwardหลายๆคนของทีมนั้นทำหน้าที่เป็นตัวรองคอยสอดไปหาจังหวะยิง และพาบอลเข้าบุกโจมตีกันได้อย่างอิสระกันมากขึ้นโดยที่พื้นที่ตรงกลางนั้น มีคนที่คอยรอจบสกอร์อยู่แล้ว

จิมิเนซจะทำให้ความสามารถในการเล่นเกมรุกเชิงซัพพอร์ตของ"แรชฟอร์ด" ที่ทีมเวิร์คดี ปั้นเพื่อนดีในจังหวะจ่ายบอลนั้น แรชจะยิ่งเก่งขึ้นกว่าเดิมอีกถ้ามีหน้าเป้าดีๆรอรับบอลจากเขา  หรือแม้กระทั่งลูกครอสสวยๆของแดเนียลเจมส์ก็ตามที หากจิมิเนซอยู่ รับรองว่าโขกกระจุยอย่างแน่นอน

"แรชแดนถูกใจสิ่งนี้" มีคนรอยิงซะทีโว้ย พวกตูไม่ถนัดยืนหน้าเป้าจ้าาาาา

3. ราคาไม่แพง ช่วงอายุที่เหมาะสม และไม่ต้องปรับตัวมาก

ข้อนี้ก็อย่างที่เกริ่นๆไปแล้ว นอกจากเรื่องของการเป็นตำแหน่งที่ขาด และซื้อมาจากทีมที่อยู่กลางๆตารางค่อนมาด้านบนนิดหน่อยอย่างวูล์ฟนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถกระชากตัวมาได้  ซึ่งนอกจากสองข้อที่ว่านี้แล้วนั้น ปัจจัยอื่นๆของทั้งเนเวส และจิมิเนซ โคตรจะเหมาะกับการซื้อตัวมาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ

3.1 ราคาค่าตัว

ก็อย่างที่เราทราบกันตามข่าว นักเตะเกรดอย่างสองคนนี้ที่ไม่ได้โด่งดังเป็น"นักเตะแมส" เหมือนอย่างแฮรี่แมกไกวร์นั้น ราคาโดยประมาณของเขาก็ควรจะอยู่ที่หลักราวๆสัก 50ล้านปอนด์ทั้งคู่ ซึ่งเป็นเรทธรรมดาของสมัยนี้อย่างซิตี้ที่ซื้อแบ็ค ก็แถวๆ50ล้านเช่นกัน และรวมถึงอารอน วานบิสซาก้าด้วยที่ช่วงอายุวัยรุ่นและเป็นตัวสำคัญของทีมรองๆลงไปอย่างพาเลซ ก็เรทราคานี้ ดังนั้นสำหรับ จิมิเนซที่ไม่ได้โด่งดังมากนัก และรูเบน เนเวสเองที่เป็นของดีราคาไม่แพง ค่าตัวทั้งคู่ควรจะอยู่ราวๆนี้คือ 50ล้าน ก็ค่อนข้างสมเหตุสมผลเป็นอย่างดี เมื่อมัดรวมเข้าด้วยกัน หากจะเสริมทีมทั้งคู่มาเลย หรือตัวใดตัวนึง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เราต้องนำไปเซ่นถ้ำหมาป่านั้น ก็น่าจะราวๆ100ล้านปอนด์

ซึ่งหากกล้าจ่ายค่าตัวแมกไกวร์คนเดียว80ล้านแล้วนั้น นักเตะดีๆสองคนนี้รวมกัน100ล้าน ก็ควรอย่างยิ่งที่จะถอนเงินมาจ่ายได้อย่างไม่ต้องกลัวเสียดายตังค์แต่อย่างใด

"ชายผู้มีค่าหัว80ล้าน ปะทะ นักดาบลึกลับจากเดรสโรซ่า" Jiminez VS Maguire

3.2 อายุ

เนเวส22ปี ที่หน้าดูเหมือนจะสัก25-26 แต่กลับเข้ากลุ่มกับเด็กๆทีมเราได้แน่ด้วยวัยแค่นี้ และกับจิมิเนซที่เริ่มเก๋าที่วัย28ปี ถือว่าเป็นอายุที่รับได้สำหรับกองหน้าขัดตาทัพที่นำเข้ามาเพื่อที่จะ "เพิ่มทางเลือก" และอัพเกรด "ศักยภาพของตัวเดิมที่มีอยู่" (อย่างแรช หมาก เจมส์ เมสัน)ให้เล่นได้สะดวกกว่าเดิม ถือว่าคุ้มค่าในแง่ของความเป็นจริงในตลาดนักเตะ เราไม่อาจจะจิ้มชี้เอานักเตะตรงสเป็คเป๊ะๆได้ตลอดเวลา  

ดีลของฮาลันด์คือตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าการพลาดเป้าหมาย จำเป็นต้องมีแผนสำรอง

ดังนั้นการลงทุนกับนักเตะสองคนนี้ ถือว่าคุ้มค่า และไม่มีอะไรเสี่ยงแต่อย่างใดทางด้านอายุและภาคของการใช้งานระยะยาว

3.3 การปรับตัว

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไร้ปัญหา ไม่ต้องมาโฮมซิค ไม่ต้องมาปรับสปีดการเล่นอะไรเลยเพราะอยู่กับทีมในลีกอย่างวูล์ฟอยู่แล้ว ที่สำคัญ เนเวสเล่นในอังกฤษปีนี้เป็นฤดูกาลที่3เข้าไปแล้ว ในขณะที่ จิมิเนซ อดีตกองหน้าแอตมาดริดที่ยิงกระจุยให้ทีมชาติเม็กซิโกนั้น ก็เล่นให้วูล์ฟเต็มๆปีที่แล้ว และฤดูกาลนี้ก็ยิงทำประตูให้ทีมได้เรื่อยๆ ดังนั้นสองคนนี้ถือเป็นไอเท็มที่กดใช้ได้ทันทีไม่มีคูลดาวน์


สรุปทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้นั้น คือการประมวลสถานการณ์ปัจจุบันที่ใกล้ที่สุดของแมนยูไนเต็ดที่น่าเป็นห่วงเหลือเกินว่า ข่าวเคลื่อนไหวในการซื้อขายนักเตะนั้นค่อนข้างเงียบสิ้นดี ทั้งๆที่ภาวะเร่งด่วนสุดๆของเราตอนนี้ปรอทใกล้จะแตก หนองจะทะลักออกมาจากฝีกันอยู่แล้ว นัดหน้าในวันพรุ่งต้องเจอกับแมนซิตี้อีกในยามที่กองกลางเจ็บหมดเหลือแค่เฟร็ด มาติช แถมตัวสำรองเมื่อหันไปดู ก็ยังมองเห็น "มัน" (ที่ใส่เบอร์14) เดินไปเดินมาอยู่แถวๆสนามซ้อม ซุ้มม้านั่งอยู่เป็นประจำไม่เคยหายไปไหน(สึส)

ในเมื่อตอนนี้แมนยูเป็นเหมือนคนป่วยแล้วพ่อแม่ไม่ยอมพาไปหาหมอไม่สนใจการแพทย์แผนปัจจุบันนั้น เราอาจจะจำเป็นต้องหันไปพึ่งพาสูตรของคุณตาคุณยาย เล่นของ ใช้มนต์ดำดูบ้างเผื่อจะหายป่วย ซึ่งมีข่าวลือลอยมาเข้าหูว่า ที่เชิงภูเขาท้ายหมู่บ้าน ที่ต้องใช้เวลาเดินผ่านดงป่าอันเป็นถิ่นของไอ้กุดไปหนึ่งวัน และข้ามบึงน้ำที่มีจระเข้ยักษ์และไดโนเสาร์หลงยุคไปอีกวันครึ่ง ตรงนั้นจะไปถึงพิกัดตำแหน่งที่มีถ้ำหมาป่าในตำนาน ซึ่งมีของขลังอยู่ในนั้น ลักษณะเป็นเขี้ยวหมาป่าคู่หนึ่ง คือเขี้ยวของจ่าฝูงที่ดูแลฝูงหมาป่าที่นั่น .. รพินทร์-กุนนาร์ ไพรวัลย์ และนายหญิงดาริน วู้ดเวิร์ด จงนำพาเอาคณะคาราวานเดินทางไปที่นั่นให้จงได้ เพื่อเอาของขลังสองชิ้นที่ว่า กลับมาบ้านเราเพื่อรักษาอาการป่วยให้หายขาดในตอนนี้ ..ขอไปบุกถ้ำเสียว ล่าเขี้ยวหมาป่ามาทำคุณไสยแทนแล้วกัน เผื่ออาการจะดีขึ้นบ้าง ..

เขี้ยวคู่ที่ว่า มีชื่อว่าเนเวส และจิมิเนสนั่นเอง

วิธีการนี้ใช้เงินไม่เยอะ สนนราคา "เขี้ยวหมาป่าคู่" มัดแพ็คมาด้วยกัน รวมค่าส่งแล้วนั้น น่าจะราวๆ100ล้านปอนด์ ซึ่งก็เป็นราคาที่ยอมรับได้ กับการได้นักเตะคุณภาพดีๆมาใช้งานได้จริงเช่นสองตัวนี้ถือว่าไม่แพงเลยสำหรับการเสริมทีมเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเช่นนี้

สนใจไหมล่ะ นายหญิงดาริน วู้ดเวิร์ดที่รักจ๋า..

-ศาลาผี-

รพินทร์เล่ : เขาจะรู้ไหมนะว่าเราสองคนแอบไปมีฉากมหัศจรรย์ด้วยกันหลังบอลจบ / นายหญิงเอ็ด : ไม่รู้หรอกจ้าที่รัก แหมๆ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด