:::     :::

มุมมองโค้ช : หลังเกม "ช้างศึกยู-23" ถล่มบาห์เรน 5-0

วันพฤหัสบดีที่ 09 มกราคม 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
30,531
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังการประเดิมศึกชิงแชมป์เอเชียแบบดรีมสตาร์ทของทีม "ช้างศึก-ยู23" ด้วยการไล่ถล่ม บาห์เรน ยับเยิน 5-0 ถือเป็นชัยชนะที่ช่วยเรียกกระแสศรัทธาและความมั่นใจกลับคืนมาได้อย่างล้นหลาม ลองไปดูความคิดเห็นของบรรดาโค้ชในวงการลูกหนังไทยกันหน่อยว่า พวกเขาคิดเห็นอย่างไรกับผลงานของเหล่า "ช้างศึก" ในเกมนี้


วิทยา เลาหกุล อุปนายกฝ่ายพัฒนาเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ

นักเตะไทยเล่นกันด้วยความมุ่งมั่น มีความกระหายสูงมากๆ ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่ต้องรักษาความสม่ำเสมอเอาไว้ การที่เราเป็นเจ้าภาพทำให้เด็กๆ มีความตั้งใจทุ่มเทมากขึ้น 

ถามว่าเซอร์ไพรส์มั้ยกับผลงานของไทย ผมคิดว่าการเจอทีมในตะวันออกกลางอย่างเช่น บาห์เรน หรือ ยูเออี ถ้าไม่นับพวก ซาอุฯ, กาตาร์ หากเราปรับไมนด์เซ็ตของตัวเองไม่ให้กลัวพวกเขา เราก็ชนะได้อยู่แล้วครับ เพราะพวกนี้เล่นบอลช้าไม่มีการเพรสซิ่งในแดนกลาง ทำให้ผู้เล่นของเรามีเวลาคิดเยอะ

ผมมองว่านักเตะของเราเล่นได้ท็อปฟอร์มทุกคน แต่ถ้าถามว่าชอบใครเป็นพิเศษก็คงเป็นกองกลาง (สรวิทย์ พานทอง) ตั้งแต่สมัยเล่นบอลนักเรียนเขาเล่นเป็นกองหน้าเป็นตัวรุกมาตลอด แต่เมื่อได้รับความไว้วางใจจากนิชิโนะ ให้เล่นกองกลาง เขาก็คว้าโอกาสนั้นไว้ได้ด้วยการแสดงคุณสมบัติที่ดีของกองกลางให้โค้ชได้เห็น อีกคนก็คือ "แบงค์" (ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา) เด็กคนนี้ครบเครื่องมากๆ ทั้งพาบอลไปเองหรือโฮลด์ทิ้ง การเคลื่อนที่, อารมณ์ร่วมและสมาธิในเกม แถมยังมีความเป็นผู้นำด้วย 

ไม่ง่ายเลยนะที่เด็กอายุแค่ 17 จะสามารถทำให้รุ่นพี่ยอมรับและจ่ายบอลให้ จนกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมแบบนี้ ผมเชื่อว่าอีกซัก 2 ปี เขาจะสามารถไปเล่นในยุโรปได้เลยด้วยซ้ำครับ

ตอนนี้ผมมั่นใจว่าเราน่าจะการันตีได้ซัก 4 แต้ม นัดเจอออสเตรเลีย ผมว่าเราไม่แพ้ แล้วค่อยไปลุ้นกันในนัดสุดท้ายกับอิรัก ว่าใครจะได้ผ่านเข้ารอบต่อไปกัน



สะสม พบประเสริฐ เฮดโค้ช ชลบุรี เอฟซี

ต้องชมก่อนเลยว่านักเตะไทยเราเล่นกันได้ดีทุกคน โดยเฉพาะแนวรุกที่มีการโจมตีในแนวลึกได้ดีมาก ตัวผู้เล่นกลุ่มที่มาจากบุรีรัมย์ 3-4 คน เล่นด้วยกันได้เข้าขารู้ใจ เล่นด้วยจินตนาการจนคู่ต่อสู้จับทางได้ยาก

สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์คือบาห์เรนมากกว่า เพราะเขาก็ไม่ได้มีวิธีการเล่น หรือการประสานงานภายในทีมที่ดีกว่าเราตรงไหนเลย เราเล่นง่ายขึ้นเพราะเขาไม่ค่อยเดินเข้าหาเราด้วย นัดนี้สถิติของเราทุกๆ อย่างออกมาค่อนข้างสูงด้วย ก็ต้องอยู่ที่ว่าจะรักษามาตรฐานไว้ได้แค่ไหน

ความแตกต่างระหว่างชุดซีเกมส์กับชุดนี้ ผมมองว่าเป็น 2 ผู้เล่นใหม่คือ มีโชค กับ สรวิทย์ ซึ่งมีความนิ่งมากกว่าชุดเก่า

คนที่ผมรู้สึกประทับใจฟอร์มการเล่นที่สุดก็คงเป็น ศุภณัฏฐ์ กับ สรวิทย์ สำหรับ ศุภณัฏฐ์ เขาโจมตีในแนวลึกได้เก่งมาก ขอให้รักษาฟอร์มได้ทั้งทัวร์นาเม้นท์ ไม่อยากให้พีคแค่เกมใดเกมหนึ่ง ส่วน สรวิทย์ เขาก็เคยเล่นตรงนี้มาก่อนแล้วนะ และนัดนี้ทำได้ดีมากเลยด้วย 

ต้องดูกันต่อไปว่านัดหน้าเจอ ออสเตรเลีย ที่มีสไตล์และวิธีการเล่นต่างไปจากนัดนี้ ว่าเราจะรักษามาตรฐานได้แค่ไหน เกมรุกผมไม่ห่วงนะ แต่เกมรับก็ยังเห็นว่ามีช่องโหว่ให้เขาโจมตีอยู่บ้าง


ชูศักดิ์ ศรีภูมิ เฮดโค้ช ระยอง เอฟซี

ผมค่อนข้างเซอร์ไพรส์มากเลยนะที่ "นิชิโนะ" ทำให้นักบอลไทยโจมตีแนวลึกได้ดีมากๆ เรียกได้ว่าถอดแบบจากญี่ปุ่นมาเลย สังเกตดูว่าเราจะไม่มีการครอสบอลเลย แต่จะใช้การทะลุช่อง จ่ายตัดหลัง และเลี้ยงจี้เข้ากรอบเขตโทษ ด้วยตัวรุก 4 คนที่มาจากอคาเดมี่บุรีรัมย์ ซึ่งพวกนี้มีความเข้าขารู้ใจ และคิดไปในรูปแบบเดียวกัน เวลาเสียบอลก็จะเพรสในแดนบนทำให้บาห์เรนเขาขึ้นบอลลำบาก หรือถ้ากองหลังคนไหนเขาเกิดหวงบอลขึ้นมาก็มีสิทธิ์ถูกตัดบอลไปได้ อันนี้เป็นแนวทางการเล่นที่โค้ชไทยก็ต้องลองศึกษานำมาปรับใช้ดูเหมือนกัน

ผมประทับใจกองกลางเบอร์ 16 ที่สุดเลย เพราะเขาเล่นได้เนี้ยบมากๆ คู่กลางของเราเล่นได้ดีทั้งสองคนทำให้แนวรุกก็เล่นง่าย เพราะไม่ต้องพะวงกับการลงมาช่วยเกมรับ แถมกองหลังแบ็คโฟร์เราก็สบายเพราะแดนกลางช่วยเก็บกินไปหมดแล้ว ผมไม่เคยเห็นบอลไทยในระดับทวีปที่ทำฟาวล์เยอะ 10 กว่าครั้งขนาดนี้ในเกมเดียว นี่คือเรื่องดีเลยนะ เพราะเป็นการฟาวล์ในพื้นที่ไม่อันตราย เพื่อหยุดเกมของคู่แข่ง หนักในเกมเข้าถึงบอล และมีใบเหลืองแค่ใบเดียว และการเปลี่ยนตัวของ นิชิโนะ ก็ถือว่าทำได้ดี แสดงให้เห็นว่าเรามีนักเตะในรุ่น 23 ปี ที่มีคุณภาพให้โค้ชได้เลือกใช้

ทิตาธร ช่วงซีเกมส์โดนวิจารณ์ไว้เยอะมาก แต่ผมมองว่าเขาตัวใหญ่ขึ้นนะ และเขาได้ผ่านประสบการณ์ล้ำค่าจากซีเกมส์มาแล้ว คือเด็กๆ อาจจะรู้สึกว่าโดนดูถูกไว้เยอะ บางคนอาจจะท้อแล้วก็กลับไปนั่งอยู่บ้าน แต่บางคนไม่ปล่อยให้ตัวเองจมและเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันเพื่อพิสูจน์ตัวเองขึ้นมา

เกมกับบาห์เรนเหมือนกับว่าเขามองว่าเหนือกว่าเรา การเพรสซิ่งของเขาเลยมีน้อยมาก นัดต่อไปเจอ ออสเตรเลีย ซึ่ง นิชิโนะ เป็นโค้ชที่เราเดาทางยากมาก แต่ผมก็เชื่อว่าเขาคงไม่เปลี่ยนตัวผู้เล่นเยอะ เพราะชุดนี้ทำงานร่วมกันได้ดีอยู่แล้ว ออสเตรเลียเขาเลี้ยงจี้ได้ดีกว่าบาห์เรน ถ้าเราปิดเกมรุกริมเส้นเขาได้ก็น่าจะมีลุ้นได้เหมือนกันครับ


โชคทวี พรหมรัตน์ เฮดโค้ชการท่าเรือ เอฟซี

ผมเห็นการเล่นของทีมชุดนี้แล้วแทบจะเหมือนกับทีมชุดใหญ่ตอนที่เล่นกับ ยูเออี เลยนะ ทั้งการเคลื่อนที่ การบีบไล่เพรสซิ่งคู่แข่ง ความเร็วในการโจมตี ทุกอย่างแทบเหมือนกับเป๊ะเลย ก็ต้องชื่นชมนักเตะและโค้ชด้วยที่ใช้เวลาเตรียมทีมที่ไม่นานเท่าไหร่ แต่สามารถจูนกันติดได้เร็วขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่ามีการสื่อสารกันภายในทีมที่ดีมาก 

เกมนี้ผมให้ทุกคนโดดเด่นด้วยกันหมด แม้กระทั่งผู้รักษาประตู (กรพัฒน์ นารีจันทร์) ก็ยอดเยี่ยมมากๆ ลูกที่เซฟจังหวะเตะมุม ถ้าหลุดเข้าไปสกอร์เป็น 2-1 เกมก็อาจเปลี่ยนเป็นอีกแบบ ผมประหลาดใจมากกว่าที่ บาห์เรน เขาเล่นได้ค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐาน ปกติเกมริมเส้นเขาจะน่ากลัวมาก แต่แบ็คซ้ายเขาช่วงท้ายเกมหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด และพอโค้ชเห็นก็ส่ง เจริญศักดิ์ วงษ์กร ลงไปปิดบัญชีทันที ครึ่งหลัง บาห์เรน เขาเปลี่ยนมาเล่นจ่ายบอลไดเร็กต์ โยนข้ามไลน์กองหลังของเราเพราะมองเห็นว่าคู่ ศฤงคาร กับ ชินภัทร ก็มีช่องโหว่อยู่เหมือนกัน

ถ้าเลือกคนที่เด่นที่สุด ก็คงต้องให้ ศุภณัฏฐ์ น่ะแหละ จริงๆ ก็แนวรุกทุกคนเลย มีความเข้าขาเข้าใจกัน และสามารถโจมตีด้วยความสามารถเฉพาะตัวได้ทุกคน ศุภชัย ใจเด็ด ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีมากนะ การเก็บบอล เชื่อมเกม หรือชิงจังหวะลูกกลางอากาศ รุ่นนี้หาใครเล่นได้เท่า ศุภชัย ไม่มีแล้ว เรื่องจบสกอร์ก็คงเป็นเรื่องโชคมากกว่า แต่ยังไงก็ต้องใช้งานเขาน่ะแหละ กองกลางก็ดีนะ สรวิทย์ เล่นกองกลางได้แน่นมากๆ เขาเล่นเข้าขากับ กฤษดา กาแมน ทำให้นึกถึงคู่ ตังค์-เต้ (สารัช อยู่เย็น - พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล) เลย

เกมกับออสเตรเลีย ผมมองว่าตอนนี้ ออสเตรเลีย เขาคงมาดูฟอร์มแล้วก็ต้องวิตกกับเกมรุกของเราบ้างล่ะ ผมว่าในรายการนี้ ตัวรุกของเราไม่เป็นรองใครเลยนะ ออสเตรเลีย เขาจะเล่นด้วยยากกว่าบาห์เรน ตรงที่เขามีความหลากหลายในการขึ้นเกม แต่เขาก็ไม่ค่อยเพรสซิ่งเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าเด็กเราเจอบอลสไตล์แบบนี้สู้ได้ และมีโอกาสลุ้นคว้าแต้มได้เหมือนกัน


ธร สอระภูมิ เฮดโค้ช อัสสัมชัญ ธนบุรี

รู้สึกเซอร์ไพรส์มากๆ เลยล่ะ ด้วยระยะเวลาเตรียมทีมที่ค่อนข้างน้อย ไม่คิดว่าเด็กๆ จะสามารถทำตามและเข้าใจแท็กติกที่ นิชิโนะ สอนให้ได้เร็วขนาดนี้ เกมรุกเล่นกันได้รวดเร็ว และมีความเข้าใจกันดีมากแตกต่างจากตอนซีเกมส์เยอะ ตอนนั้นอย่างต่างคนต่างเล่น แต่ตอนนี้แต่ละคนรู้หน้าที่ของตัวเองว่าใครรับบอลแล้วคนอื่นๆ ต้องทำอะไรต่อไป 

แดนกลาง "เจ้ายิ้ม" (โอ๊ต สรวิทย์ พานทอง) น้องมันน่าจะถูกใจที่ได้กลับไปเล่นตำแหน่งที่ตัวเองชอบ เพราะตอนสมัยเล่นบอลโรงเรียนให้อัสสัมชัญ ธนบุรี เขาก็เล่นกองกลางมาก่อน แต่อาจจะเป็นลักษณะตัวรุกหรือตัวฟรีมากกว่า ถือว่าเขาทำหน้าที่ได้ดีมากเลยนะ ทั้งการช่วยตัดเกม สอดซ้อนกับเพื่อนร่วมทีม เวลาแบ็กซ้ายเติมก็มาคอยช่วยซัพพอร์ท ส่วน "เจ้าแระห์" กฤษดา กาแมน ก็เป็นตัวช่วยไล่ชนให้ก่อนด้วย พวกตัวรุกเลยเล่นง่ายเลย ส่วนกองหลังก็งานเบาลงเหมือนกัน จะเห็นว่าทั้ง ศฤงคาร หรือ ชินภัทร สามารถรออ่านจังหวะได้ เพราะกองกลางเก็บกินไปหมด ไม่มีการเข้าพรวด

ถ้าให้เลือกแมนออฟเดอะแมตช์ ผมก็คงเลือก "เจ้ายิ้ม" เนี่ยแหละ เพราะได้เห็นสถิติหลังเกม เขาทำได้มาตรฐานสูงในทุกๆ สถิติเลย และผมเชื่อว่า นิชิโนะ ก็คงต้องยึดคู่กลาง 2 คนนี้ไว้ก่อนในเกมต่อๆ ไป แต่ก็ไม่แน่นะ เพราะคนอื่นๆ ก็มีความโดดเด่นต่างกันออกไป อย่าง "ยิม" (วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ) มีเทคนิค, ทักษะการเอาตัวรอด และจ่ายบอลทีเด็ดทีขาดดีกว่าเพื่อน แต่เรื่องเกมรับและการเคลื่อนที่ก็ยังเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ว่าจะช่วยทีมได้แค่ไหน 

เกมกับ ออสเตรเลีย ผมว่าเรามีโอกาสเลยนะ ตอนนี้เกมรุกของเราผมมองว่าในกลุ่มนี้เราไม่เป็นรองใครเลย อยู่ที่เกมรับน่ะแหละว่าจะรับมือกับลูกครอสด้านข้างได้หรือเปล่า ถ้าทำได้โอกาสคว้าชัยชนะก็มีเหมือนกัน



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด