:::     :::

ฟิล โจนส์ แข้งหน้าประวัติศาสตร์ของผีแดง

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2563 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
2,736
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟิล โจนส์ ไม่ใช่ เปาโล มัลดินี่...

    แต่เขาคือ ฟรังโก้ บาเรซี่ หรือกระทั่ง เฟร์นานโด เอียร์โร่ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ ฟาบิโอ คาเปลโล่ เคยชื่นชมดาวเตะผู้นี้อย่างมากในปี 2013

    การเปรียบเทียบเหล่านั้นเกิดขึ้นจากความเก่งกาจของ โจนส์ ซึ่งทำให้กุนซือชาวอิตาเลี่ยนกล่าวอ้างไว้ว่า "สิ่งที่ยอดเยี่ยมของเขา และทำให้เขาเป็นนักเตะแห่งอนาคตก็คือตอนเขาได้บอล เขาเล่นโดยไร้ความกลัว"

    "เขาจ่ายบอลได้ดี และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เยี่ยม เขามักเลือกหนทางที่ดีที่สุดได้เสมอ"

    แต่มองมาที่เวลานี้ โจนส์ บนวัย 27 ปีไม่ได้กลายเป็น 'นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด' ดังที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตั้งความหวังเอาไว้ หลังจากได้เห็นปราการหลังดาวรุ่งร่วมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อ 7 ปีก่อน

    ทว่า โจนส์ กลับกลายเป็น 'ตัวตลก' สำหรับทั้งแฟนผี และแฟนทีมอื่นไปซะแล้ว

    แข้งวัย 27 ปีไม่ได้ลงเล่นเลยแม้แต่เกมเดียวระหว่างที่ ยูไนเต็ด ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 2016 ขณะที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ใช้งานเขาเพียงแค่ 3 นัดในสมัยคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ในฤดูกาลถัดมา

    มันห่างไกลเหลือเกินจากคำคุยที่ว่าเขาจะกลายเป็นลมหายใจของผีแดงเหมือนเช่น ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์, ไรอัน กิ๊กส์ และ พอล สโคลส์ ซึ่ง โจนส์ นั้นถูกเยาะเย้ยทุกครั้งที่ลมหายใจของเขาอยู่ในสนาม

    บัญชีทวิตเตอร์ของ โจนส์ ไม่มีการเคลื่อนไหวมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ปี 2017 ซึ่งนั่นบ่งชี้ได้ว่าระดับการละเมิดที่เจ้าตัวได้รับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างฉุดไม่อยู่ทุกครั้งที่สวมเครื่องแบบ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่น

    อาชีพของ โจนส์ นั้นตีคู่มาพร้อมกับคำว่า 'บาดเจ็บ' มันแยกกันไม่ออกเลยนับตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน เมื่อกองหลังวัย 27 ปี ลงสนามทะลุหลัก 20 เกมต่อฤดูกาลไม่ถึงครึ่งจาก 9 ซีซั่นที่ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

    ฤดูกาลแรกของ โจนส์ ในสีเสื้อ ยูไนเต็ด ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ายอดเยี่ยมมากที่สุด และนั่นก็ไม่แปลกที่ เฟอร์กี้ ภูมิใจนักภูมิใจหนากับการที่ทีมของตัวเองเอาชนะคู่แข่งครึ่งทวีปยุโรปคว้าลายเซ็นของเขามาครอบครองในปี 2011

    ไล่เช็กประวัติการบาดเจ็บของ โจนส์ ได้ว่าเอ็นหลังหัวเข่า, เข่า, เท้า, ข้อเท้า, หน้าแข้ง, หัวไหล่, แผ่นหลัง และ หัว

    อะไรก๊านนน...นี่เอ็งกะไม่เหลือส่วนไหนไว้ให้สมบูรณ์แล้วรึไง!

    ปัญหาของเขามีตั้งแต่การถูกกระแทกอย่างรุนแรง และเคล็ดขัดยอกจนห้อเลือด แค่เพียงเคลื่อนที่, งอตัว หรือมีการปะทะ เท่านั้นก็สามารถทำให้ โจนส์ พุ่งชนอาการบาดเจ็บได้แล้ว

    ด้วยพรสวรรค์ และความสามารถที่เขามีในวัยเด็กกลายเป็นไม่ได้พัฒนาต่อไปไหนเลย เห็นได้ชัดว่าร่างกายของ โจนส์ ที่เปิดตัวครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกด้วยวัยเพียง 18 ปี ไม่สามารถต้านทานกับความรุนแรงของการเล่นฟุตบอลอาชีพได้

    เมื่อคุณเสียความเชื่อมั่นในร่างกายของคุณเอง คุณย่อมสูญเสียฝีเท้าของคุณตามไปด้วย

    ในตอนที่ย้ายค่ายจาก แบล็คเบิร์น สู่เมืองแมนเชสเตอร์ โจนส์ มีทั้ง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช คอยสั่งสอนวิชาการเรื่องเกมรับให้

    อีก 3 ปีต่อมา ทั้ง เฟอร์ดินานด์ และ วิดิช ต่างหมดวาระเก็บกระเป๋าเดินจากไป โจนส์, คริส สมอลลิ่ง และ จอนนี่ อีแวนส์ ได้รับการคาดหวังว่าจะเข้ามาทดแทนช่องว่างตรงนั้นได้

    แต่นั่นเป็นการร้องขอที่ยากลำบาก แต่มันก็ยิ่งยากขึ้นไปอีกด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าทั้ง โจนส์ และ สมอลลิ่ง ต่างก็ถูกโยกไปเล่นนอกตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟอยู่เรื่อยๆ เพื่อโอกาสลงสนามของพวกเขา

    ความเก่งกาจ และคำยกยอของทั้ง คาเปลโล่ และ เฟอร์กูสัน กลับเป็นสิ่งที่ตามมาหลอกหลอน โจนส์ แทน

    ทั้ง โจนส์ และ สมอลลิ่ง ไม่ได้ดีเพียงพอที่จะเติมเต็มช่องว่างในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของนายใหญ่แห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นับตั้งแต่ที่ เซอร์เฟอร์กี้ ประกาศวางมือไป

    ในแง่หนึ่ง ผีแดงที่มุ่งมั่น และยึดติดกับบรรดาเด็กๆ และไม่สนใจที่จะใช้เงินฟาดหัวเอาพวกแข้งต่างชาติเข้ามาถือเป็นเรื่องน่าชื่นชม แต่มันอาจกลายเป็นสร้างความกดดันให้พวกดาวรุ่งมากเกินไปรึเปล่า?

    อีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญในเส้นทางค้าแข้งของ โจนส์ ที่ไม่เคยพบเจอเลยก็คือ 'โชค'

    ลองมองไปที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สิ! ถ้าไม่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 มิดฟิลด์วัย 29 ปีก็จะได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกตอนจบซีซั่นนี้ เช่นเดียวกับที่เขาทำมาแล้วในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลที่แล้ว

    สิ่งนั้นจะทำให้ 'เฮนโด้' ก้าวขึ้นไปเทียบชั้นระดับตำนานเช่นเดียวกับ เคนนี่ ดัลกลิช และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เลยทีเดียว และเขาจะเขียนให้ตัวเองเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของ ลิเวอร์พูล

    ย้อนกลับไปในปี 2012 ขณะที่ โจนส์ เริ่มต้นซีซั่นด้วยความความสำเร็จอย่างสูงในพรีเมียร์ลีก หันมาที่ เฮนเดอร์สัน กำลังจะถูกใช้เพื่อเป็นตัวแถมในดีลของ คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ให้ย้ายจาก ฟูแล่ม มาหงส์แดง

    โชคยังเข้าข้าง 'เฮนโด้' ที่ครั้งนั้นการย้ายทีมไม่เกิดขึ้น และ เฮนเดอร์สัน ก็ได้รับอนุญาตให้อยู่เพื่อสู้ชิงตำแหน่งต่อ

    มองดูกราฟชีวิตของ เฮนเดอร์สัน มันก็สมควรแล้วกับทั้งหมดที่เขาได้รับในเวลานี้ แต่อาการบาดเจ็บได้ปฏิเสธ โจนส์ กับโอกาสขั้นพื้นฐานที่สอดคล้องกัน

    แต่มันก็ไม่ใช่ว่าถ้า โจนส์ เก่งเหมือนกับที่ใครบางคนตั้งความหวังไว้ในอดีต เขาจะก้าวมายิ่งใหญ่ในระดับเดียวกันกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้

    เสียงหัวเราะคงจะลดน้อยลงถ้าหาก โจนส์ เลือกย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แม้เขาจะอยู่ที่นี่นานพอที่จะมีเกมเทสติโมเนียนแมตช์เป็นของตัวเอง

    ถึง โจนส์ จะไม่ได้เป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตามที่ เซอร์เฟอร์กี้เคยบอกไว้

    แต่อย่างน้อย เขาก็เป็นผู้เล่นในหน้าประวัติศาสตร์ผีแดงที่แฟนบอลจะไม่มีทางลืมได้เลย เชื่อสิ!

    ฝีเท้าไม่มา แต่ 'หน้า' ต้องได้...

    พาสต้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด