ไก่ในมือของมูริญโญ่
สถานการณ์ของสเปอร์สในตอนนี้นั้น ดูเสียเปรียบทีมจ่าฝูงอย่างลิเวอร์พูลทุกประตูจริงๆ ครับ พวกเขาขาดตัวจริงเพียบ ทั้งดาวยิงอย่าง แฮรี่ เคน ผู้รักษาประตูตัวจริงอย่างฮูโก้ ยอริส ห้องเครื่องอย่างซิสโซโก้ แค่นี้ก็ย่ำแย่แล้ว แต่สถาการณ์ในทีมของเขายิ่งวิกฤติหนักเมื่อเกมรับของพวกเขามีปัญหาอย่างมาก พวกเขาเสียประตูอย่างต่อเนื่องมาทุกนัด ทั้งๆ ที่ก็เป็นตัวหลักจากฤดูกาลก่อนทั้งนั้น แต่ดูเหมือนว่าทุกๆ คนจะพร้อมใจกันฟอร์มตกกันไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แยน แฟทองเก้น ที่ดูเหมือนจะออกทะเลไปไกลกว่าเขาเพื่อน แต่ทั้งๆ ที่ปัญหาเยอะขนาดนี้ แต่มูริญโญ่จัดทีมออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อจริงๆ ครับ เกมนี้เขาส่ง ซน ฮึง มิน เป็นหน้าเป้า โดยมี เดเล่ อัลลี่ และลูคัส มูร่า ยืนหน้าต่ำ ขณะที่เขาส่งู ยาเฟต ทันกันก้า มาประเดินสนามอย่างเซอร์ไพรซ์ เพื่อที่จะปิดเกมรุกริมเส้นของลิเวอร์พูลโดยเฉพาะ จากรายชื่อดูเหมือนว่าสเปอร์สจะดูเสียเปรียบเยอะ แต่ด้วยแท็กติกของมูริญโญ่ที่ใส่ลงไปทำให้เกมนี้สูสีขึ้นเยอะจริงๆ
ต้องบอกว่าแผนของน้ามูนั้นดำเนินไปได้ตามแผนเขาเป็นอย่างดี แม้เกมส่วนใหญ่จะเป็นของทีมจ่าฝูงแทบจะทั้งหมด แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่มูริญโญ่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ในเกมรับไอ้หนูทันกันก้า ใช้ความใหญ่และความเร็วจัดการกับมาเน่ได้อย่างอยู่หมัด มาเน่นั้นแทบจะเอาชนะในการดวล 1 ต่อ 1 กับไอ้หนูคนนี้แทบไม่ได้เลย และในแดนกลางหรือแดนหน้า ก็ใช่วิทีไล่กดดันผู้เล่นที่ดูเหมือนจะไม่คล่องตัวและก่อความผิดพลาดอยู่บ่อยๆ อย่าง เฮนโด้ หรือ โจ โกเมส และมันก็ได้ผลเป็นอย่างมาก ทั้งคู่พลาดให้กับฝั่งสเปอร์สอยู่บ่อยครั้งแต่ยังโชคดีที่พวกเขายังรอดพ้นต่อการเสียประตูไปได้ ดูจากสถารการณ์แบบนี้ต้องชื่นชมมูริญโญ่จริงๆ ที่เขาทำไก่พิการสู้กับลิเวอร์พูลได้ถึงขนาดนี้
แค่แท็กติกไม่พอ
แต่ถึงแม้แท็กติกของมูริญโญ่จะดีเลิศขนาดไหน แต่อย่างที่ทุกๆ คนเห็นกันครับ ว่าผู้เล่นของทั้งสองทีมนั้นค่อนข้างต่างกันอยู่พอสมควรเลยทีเดียว และยิ่งกับลิเวอร์พูลในชั่วโมงนี้ที่กำลังมั่นใจสุดขีดนั้นยิ่งทำให้แท็กติกที่ดูจะเข้าท่าของมูริญโญ่ก็ต้านไม่ไหวเหมือนกัน ตอนนี้เกมรุกของพวกเขาหลากหลายและมาจากทุกทิศทุกทางจริงๆ เกมรุกจากแบ็กทั้งสองข้างที่เกมนี้ดูเหมือนจะถูกปิดผนึกไว้ ก็ทำให้ลิเวอร์พูลดูจะอึดอัดอยู่บ้าง แต่นั่นก็ทำให้เกมรุกตรงกลางของพวกเขาดูจะมีพื้นที่และมีอิสระขึ้นมามากพอสมควร เกมนี้ฟิร์มีโน่ดูมีอิสระขึ้นมากและสามารถเชื่อมเกมและสร้างสรรค์เกมได้อยู่ตลอดเกม และสุดท้ายพวกเขาก็ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ขลุกขลิกหน้าประตูของสเปอร์สและได้เฮนโด้ชิงจังหวะโหม่งบอลมาให้ซาล่าห์แปะบอลมาให้ฟิร์มีโน่พลิกบอลหลบทันกันก้า แล้วกดเต็มข้อเข้าประตูไปอย่างเด็ดขาด เกมรับของสเปอร์นั้นไม่ได้พลาดอะไร แต่ลิเวอร์พูลในตอนนี้นั้นหาช่องทางการเจาะประตูคู่แข่งได้ยอดเยี่ยมจริงๆ พอลิเวอร์พูลได้ประตูขึ้นนำและรูปเกมก็ดูเป็นของพวกเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ ก็ดูเหมือนว่าเกมนี้จะไม่ยากอะไรแล้วสำหรับพวกเขา แต่ยังไงก็ต้องไม่ลืมอยู่ดีครับว่าโค้ชของคู่แข่งของพวกเขาชื่อว่า “โชเซ่ มูริญโญ่”
อลิสซง กำแพงเหล็ก
เมื่อโดนทำประตูนำไปมูริญโญ่ก็แก้เกมทันทีครับ เขาส่งตัวสำรองอย่าง โจวานนี่ โล เซลโซ่ กับ เอริก ลาเมล่า ลงมาเสริมเกมรุกเพื่อสร้างสรรค์และเอาชนะในแดนกลางของลิเวอร์พูลให้ได้ ซึ่งจากเกมช่วงหลังๆ ก็ดูจะได้ผลเหมือนกัน รูปเกมกลับไปเป็นชองสเปอร์สอยู่พักใหญ่ๆ เหมือนกัน สเปอร์สสร้างโอกาสการยิงได้อย่างต่อเนือง จากทั้งซง ฮึง มิน , ลูคัส มูร่า , เอริก ลาเมล่า ดาหน้าสลับกันมายิงอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งหมดที่ว่ามา ไม่สามารถเอาชนะอลิสซง เบ็คเกอร์ได้แม้แต่ครั้งเดียว จริงอยู่ที่ลูกยิงของสเปอร์สดูจะไม่อันตรายเท่าที่ควร แต่ยังไงก็ต้องชมอลิสซงอยู่ดี เพราะเขารับลูกยิงเหล่านั้นได้อย่างติดมือไม่มีกระฉอกออกแม้แต่ลูกเดียว และนั่นทำให้ปิดโอกาสให้ผู้เล่นสเปอร์สที่เข้ามารอมาเข้าซ้ำได้ทุกจังหวะไปเลย นอกจากนั้นเขายังสวมบทบาทเป็นสวีปเปอร์ตัวสุดท้ายคอยตัดบอลสวยๆ ให้เห็นอยู่หลายครั้ง ในตอนแรกแฟนๆ อาจจะมีคำถามต่อเขาตอนที่เขากลับมาจากอาการบาดเจ็บแรกๆ เพราะช่วงนั้นเขาเสียประตูอย่างต่อเนื่อง แต่กับตอนนี้ที่ทีมรับดูจะมีความนิ่งมากยิ่งขึ้น และจากร่างกายที่เข้าที่เข้าทางและฟิตขึ้น ทำให้เขาผลงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และตอนนี้ก็อยู่ในช่วงท๊อปฟอร์มเช่นกันเมื่อเขาเก็บคลีนชีตได้มา 6 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว และนั่นทำให้ลิเวอร์พูลรอดพ้นจากการเสียประตูและเอาตัวรอดไปได้ในนัดนี้อีกครั้ง
เกมนี้ผู้ชนะเป็นลิเวอร์พูลก็จริงๆ แต่นั่นก็ทำให้เห็นว่ามูริญโญ่นั้นเก่งและน่ากลัวกับเกมที่มีความหมายแบบนี้มากแค่ไหน เพียงแต่ครั้งนี้อาวุธในมือของทั้งคู่นั้นมีความต่างกันมากเกินไปหน่อย เจอกันครั้งหน้าสเปอร์สจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของคล็อปป์อย่างแน่นอน แต่ยังไง.... ปีนี้ขอพี่หงส์ก่อนแล้วกันนะน้องไก่ ฮรี่ๆ
