:::     :::

มุมมองโค้ช : หลังเกม "ช้างศึกยู-23" พ่าย ออสซี่ 1-2

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
15,164
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากที่ทีมชาติไทยชุดยู-23 พลาดการคว้าแต้มในการลงทำศึกชิงแชมป์เอเชียด้วยการพ่ายออสเตรเลีย 1-2 แฟนบอลไทยวิจารณ์กันไปในหลายทิศทาง ทั้งที่ชมว่าสู้ได้ดีแล้ว และอาจวิจารณ์ว่ามาตรฐานในครึ่งหลังตกลงไปเพราะหมดเรี่ยวแรง บรรดาโค้ชและกูรูในวงการลูกหนังไทยคิดเห็นอย่างไรกับ "ช้างศึก" ชุดนี้ มาติดตามกัน


ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย

จริงๆ แล้วทีมไทยเราทำได้ดีมากๆ ในครึ่งแรกการเคลื่อนที่ การบีบคู่ต่อสู้ ต่อบอลตามช่องจนทำได้เหนือกว่าออสเตรเลียด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างไทยกับออสเตรเลีย คือเรื่องพละกำลังด้วยรูปร่างที่เขาใหญ่กว่าเราทำให้เมื่อเบียดกันไปเรื่อยๆ เราทนต่อแรงเสียดทานไม่ไหว ช่วงครึ่งหลังมันเป็นเรื่องความแตกต่างในเรื่องสภาพร่างกาย ไม่ได้เป็นเพราะแท็กติกเลย 

การที่ ศุภชัย กับ ศุภณัฏฐ์ เจ็บ ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะสองคนนี้สามารถเก็บบอลเพื่อทำเกมขึ้นไปข้างหน้าได้ จริงๆ แล้วตอนที่สองคนนี้ไม่อยู่ก็ยังมี อานนท์, สุภโชค หรือ ชินภัทร ที่ยังเป็นผู้นำทีมในการควบคุมสถานการณ์เพื่อจะเลือกวิธีเล่นในสถานการณ์ต่างๆ แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่หมดไป และเราไม่สามารถเอาบอลไปขึ้นเกมได้ ทำให้ยิ่งเหนื่อย

นัดสุดท้ายกับอิรัก ยังคาดเดาไม่ออกว่า นิชิโนะ จะสั่งให้ลูกทีมเล่นเพื่อชนะเลยหรือเปล่า ถึงแม้ อิรัก จะเล่นได้ดีในเกมกับ ออสเตรเลีย แต่ไม่ค่อยดีนักในเกมเจอ บาห์เรน แต่ฟุตบอลไม่ใช่บรรญัติไตรยางค์ว่าไทยชนะ บาห์เรน 5-0 แล้ว บาห์เรน เสมอ อิรัก จะหมายความว่าไทยจะเหนือกว่าอิรัก มันเป็นเรื่องของภูมิภาคด้วยที่เขาอยู่ในโซนเดียวกันรูปแบบการเล่นการรู้ทางกันก็มีส่วน 

แต่ในเกมที่ไทยจะเจอกับอิรักจะเป็นอีกแบบนึงเลย สำคัญตรงที่ต้องดูพรุ่งนี้ว่า ศุภชัย กับ ศุภณัฏฐ์ จะหายเจ็บทันหรือเปล่า ถ้ามีสองคนนี้เกมของไทยก็จะไหลลื่นขึ้น เป็นตัวแปรสำคัญมากๆ สำหรับเกมนี้เลย


วิทยา เลาหกุล อุปนายกฝ่ายพัฒนาเทคนิค สมาคมฟุตบอลฯ

ไทยเราเล่นฟุตบอลด้วยการปะทะมากเกินไป สถิติในการปะทะของไทยมากเกิน 40 ครั้ง ซึ่งถ้าเทียบกับทุกทีมในรายการนี้ ไทยมีการปะทะมากที่สุดแล้ว ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีมันแสดงให้เห็นว่าเราจ่ายบอลช้าเกินไปหรือเก็บบอลไว้กับตัวนานเกินไป ยกตัวอย่าง เวียดนาม มีการปะทะแค่ 10 กว่าครั้ง ทั้งๆ ที่ดูเหมือนเขาน่าจะเล่นสไตล์ปะทะมากกว่าเรา สิ่งที่ต้องแก้คือเรื่องการจัดการความคิดของนักบอลไทยเรา ต้องมีการคิดไว้ก่อนในแต่ละจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะในเกม

กับออสเตรเลีย เมื่อเราเสียเปรียบในเรื่องกายภาพแล้วไปปะทะกับเขาเยอะขนาดนี้ เราก็จะหมดแรงซะก่อน ในเรื่องของการแก้เกมครึ่งหลังโค้ชเขาใช้การสวิตช์บอลไปมา ไม่ปล่อยให้ถูกผู้เล่นไทยบีบพื้นที่ในแดนบน มันเป็นการตอบสนองที่ดีของผู้เล่นออสเตรเลียด้วย จะเห็นได้ว่าเกมแรกไทยเราทำได้ดีกว่านี้ มันเป็นเรื่องของสภาพจิตใจด้วย นักฟุตบอลวัยรุ่นในอายุประมาณนี้จะยังมีปัญหาเรื่องเพอร์ฟอร์แมนซ์ในการรักษาความสม่ำเสมอแต่ละเกม 

อย่าง อิรัก เกมแรกกับออสเตรเลีย เขาเล่นได้ดีมาก แต่กับ บาห์เรน เขาทำได้ไม่ดี ผมมองว่า อิรัก เขาก็ยังขาดความสเตเบิ้ลในบางจุด แต่ไทยเราเองแนวรับยังมีปัญหาค่อนข้างมาก ผมมองว่าเป็นบอลที่ออกได้ 3 หน้าเลยนะครับ ซึ่งนิชิโนะก็ต้องสั่งให้ทีมเล่นเพื่อชัยชนะก่อนอยู่แล้วถึงแม้จะเสมอได้ก็ตาม และนักเตะไทยเราก็ต้องกระตุ้นแรงจูงใจให้กลับมาเหมือนเกมแรกให้ได้ด้วย

ผมค่อนข้างกลัวอิรักนะครับ เพราะนัดที่แล้วเขาเล่นไม่ดี กลัวว่าเกมกับไทยเขาจะกลับมาเล่นดีเหมือนตอนเจอออสเตรเลีย แต่ผมก็ยังเชื่อว่าคู่นี้สูสีกันมาก อยู่ที่ว่าใครจะโดนก่อนเท่านั้น ถ้าเราไม่ไปโดนยิงเร็ว ผมว่าเราก็มีโอกาสผ่านเข้ารอบได้ครับ


โชคทวี พรหมรัตน์ เฮดโค้ชการท่าเรือ เอฟซี

แรงปะทะแรงเสียดทานของเด็กเรายังเป็นรองทีมชั้นนำของเอเชียอยู่ ออสเตรเลียเขาสูงใหญ่กว่าเราแรงปะทะเขาเหนือกว่าอยู่แล้ว ครึ่งหลังจะเห็นว่าโค้ชเขาแก้เกมมาไม่ให้เด็กไทยเราได้มีเวลาเก็บบอลเลย พอบอลมาถึงเขาจะวิ่งเข้าตัดทันทีไม่ให้มีโอกาสพลิกได้ เพราะครึ่งแรกเขาเห็นแล้วว่าของเรามีความคล่องตัวถ้าปล่อยให้เล่นง่ายจะอันตราย

การเสียศุภณัฏฐ์ กับ ศุภชัย ที่เจ็บไปก็มีผลอย่างมาก เพราะขาดคนเลี้ยงกินตัวไป โดยเฉพาะ ศุภชัย มีความสำคัญต่อเกมแดนบนของไทยมาก เขาสามารถพักบอลและดีเลย์จังหวะให้แถวสองขึ้นมาสนับสนุนได้ การเคลื่อนที่ของเขาดีและพอครึ่งหลังไม่มีปั๊บ เกมของไทยไม่มีตัวเก็บบอลข้างหน้าได้เลย

สิ่งที่ห่วงก็คือเห็นว่า กฤษดา น่าจะติดโทษแบนในเกมกับอิรัก ซึ่งกลางไทยคนอื่นๆ ไม่มีสไตล์ฮาร์ดแมนแบบนี้ อย่าง กานต์นรินทร์ อยู่กับผมก็จับขึ้นไปยืนกลางรุกเลยด้วยซ้ำ หรือ เบน เดวิส ที่เข้ามาใหม่ผมไม่รู้ว่าเขาเล่นตรงนี้ได้หรือเปล่านะเพราะได้ยินมาว่าเขาจะเล่นทางปีกมากกว่า อันนี้จะมีผลมากเพราะ อิรัก เขาต้องท้าชนในแดนกลางอยู่แล้ว ถ้าเราขาดตัวชนอย่าง กฤษดา ไปก็ลำบากเหมือนกัน

แนวรับไทยทางขวา มีโชค เติมเกมรุกขึ้นสุดไปหน่อย แต่ตรงนี้ก็พูดไม่ได้ ตัวปีกก็ต้องมาช่วยกันช่วยซ้อนเขาอีกคนด้วย ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกโจมตีเหมือนอย่างเกมกับออสเตรเลีย

ผมเห็นอิรักนัดเสมอบาห์เรน เขาได้ 2 ประตูจากการครอสบอลเข้าไปทั้งหมด เราต้องป้องกันการขึ้นเกมริมเส้นเขาให้ดี เพราะเขาเล่นทางกราบได้น่ากลัว

ถึงไทยจะเสมอได้ แต่การเล่นเพื่อเสมอมันยาก ผมว่าสูสีนะ นัดที่เจอบาห์เรนเขาเล่นไม่ค่อยดี ก็กลัวจะมาดีนัดเจอไทยนี่แหละ แต่ยังไงก็ยังเชื่อว่าคู่นี้ออกได้ทุกหน้าครับ โดยเฉพาะถ้า ศุภชัย กับ ศุภณัฏฐ์ ลงได้ ผมว่าไทยเรามีโอกาสเลย


ชูศักดิ์ ศรีภูมิ เฮดโค้ชระยอง เอฟซี

แพ้เพราะแรงหมดครับ มันคือเหตุผลหลักเลย เราไม่ได้แพ้ด้วยเรื่องแท็คติกหรือความสามารถของผู้เล่น เรานำวิธีการเล่นแบบญี่ปุ่นมาใช้ซึ่งทำได้ดีมากๆ แต่นักเตะไทยเราไม่ได้มีพละกำลังมากเหมือนนักเตะญี่ปุ่น

แม้แต่ญี่ปุ่นก็เถอะ เขาก็เล่นวิธีการนี้ไม่ได้ทั้งเกม อาจจะแค่ประมาณ 70 นาทีเท่านั้น หรือแม้แต่ทีมไหนในโลกก็ตามไม่มีทีมไหนวิ่งเพรสได้ทั้งเกม ถ้าแข่งอาทิตย์ละครั้งก็อาจทำได้ทั้งเกม สิ่งที่นักเตะไทยเราต้องเรียนรู้ก็คือการแบ่งพละกำลังในระหว่างเกม คือเราไปทุ่มพลังเกือบทั้งหมดในครึ่งแรกแล้ว ความทนทานของร่างกายเราสู้ไซส์ฝรั่งอย่างออสเตรเลียไม่ไหว ไม่ใช่แค่คนสองคนนะที่หมด แต่หมดทุกคนเลย เพียงแต่ว่า 2-3 คนอาจจะโคม่ากว่าเพื่อนหน่อยเพราะเจอการปะทะหนักๆ เข้าไป ตัวสำรองที่ลงมา 2-3 ก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ เพราะอีก 8 คนหมดแรงไปแล้ว 

โอเคล่ะที่การเสีย ศุภชัย กับ ศุภณัฏฐ์ ไปก็มีผล แต่การที่ข้างหน้าเก็บบอลไม่ได้มันก็มีหลายสาเหตุ เช่นการเคลื่อนที่ไม่ดี หรือเพื่อนจ่ายบอลให้ไม่แม่น แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือช่วงพักครึ่ง โค้ชออสเตรเลียคงด่านักเตะล่ะว่าเอ็งขายาวกว่าตัวใหญ่กว่า ทำไมไม่ใช้ความได้เปรียบตรงนี้ ซึ่งถ้าเป็นผมก็ทำเหมือนกัน ครึ่งหลังออสเตรเลียจะเข้าสกัดถึงตัวเร็วกว่าเดิม ยืนชิดนักเตะไทยที่รับบอลมากขึ้น เขาไม่ปล่อยให้ข้างหน้าเราพลิกตัวได้ ไม่ให้มีเวลาคิด เพราะครึ่งแรกเขาเห็นแล้วว่าถ้าปล่อยให้เล่นง่ายเขาจะลำบาก เพราะในเรื่องเทคนิคนักเตะไทยเราไม่ได้เป็นรอง

เกมกับ อิรัก ผมมองว่าก็น่าจะคล้ายๆ กับเกมนี้ อยู่ที่การแบ่งแรงของเรา อิรักนัดเจอบาห์เรนเขาก็เล่นดีนะ ผมว่าเขาเล่นแบบมีจังหวะ ไม่เหมือนบาห์เรนที่ค่อนข้างใจร้อน พอโดนก็จะโหมบุกเอาคืนจนไลน์กองหลังดันสูงและโดนเราโต้กลับจนเสียประตูเพิ่ม

แต่ อิรัก เขารอจังหวะมากกว่า และเราเป็นรองเรื่องรูปร่างอยู่แล้ว ยิ่ง 2 ประตูที่เขายิงบาห์เรนได้ มาจากการครอสด้านข้างหมดเลย ที่เราเสียให้ออสเตรเลีย 2 ลูกก็เป็นการครอสด้านข้างเหมือนกัน เราต้องพยายามเล่นคอมแพ็คกันให้มากอย่าให้เขาโจมตีพื้นที่หลังแบ็คเราได้ง่าย

ผมมองว่าไทยกับอิรักเป็นเกมที่ออกได้ 3 หน้า ถ้าเราไม่เร่งโหมจนกลายเป็นใช้พลังหมดไปซะก่อนก็มีลุ้นเข้ารอบได้เหมือนกัน ตรงนี้ต้องจัดสรรพละกำลังกันให้ดี


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด