อาร์เซน่อล แพ้นัดเดียวในเกมเสียท่าคาบ้านต่อ เชลซี 1-2 ซึ่งเล่นกันได้ดีมากแล้วในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังแผ่วลงไป ขณะเดียวกัน เชลซี แก้เกมมาดีและยิงแซงชนะไปได้
อีก 4 นัดเป็นการชนะ 2 นัด และเสมอ 2 นัด รวมถึงนัดล่าสุดที่บุกเสมอ คริสตัล พาเลซ 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
การเล่นของ อาร์เซน่อล เป็นแบบแผนชัดเจนกว่าเดิม รูปแบบการเล่นยึดระบบ 4-2-3-1 นัดล่าสุดเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีเต็มที่จัด 11 ตัวจริง 2 นัดติดต่อกัน
อาร์เซน่อล ยังมีหลายจุดที่ต้องปรับแก้และใช้เวลาอีกพอสมควรหลังปล่อยให้ปัญหาหลายอย่างสะสมจนเรื้อรัง ว่ากันว่าหากคิดจะกลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์อีกครั้งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปีต่อจากนี้
ทว่าในแง่ของบรรยากาศในทีม หลายต่อหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต่างออกไปจากเดิมอย่างมาก
คนที่น่าจะเห็นความแตกต่างและสามารถเปรียบเทียบทีมในยุค เอเมรี่ และ อาร์เตต้า ได้มากที่สุดคงหนีไม่พ้น เมซุต โอซิล
โอซิล แทบไม่มีบทบาท หรือบางช่วงก็ไร้ตัวตนในยุค เอเมรี่ ที่ดร็อปเจ้าตัวออกจากทีมบ่อยครั้งจนก่อให้เกิดกระแสโจมตีอดีตกุนซือเซบีย่าอย่างหนักหน่วงว่าปฏิบัติกับลูกทีมไม่เป็นธรรมและอยู่เกินเลยกับเหตุผลในเรื่องฟุตบอล
แต่ดาวเตะวัย 31 ปี กลับมาเป็นตัวหลักในยุคของ อาร์เตต้า ที่ส่งลงตัวจริงตลอด 5 นัดที่ผ่านมาและทำผลงานได้น่าพอใจทีเดียวโดยเฉพาะ 3 นัดแรกที่ทำให้แฟนบอลหลายคนนึกถึง โอซิล คนเก่าอย่างมาก
โอซิล เปิดเผยว่าบรรยากาศในทีมอาร์เซน่อลตอนนี้กลับมามีความสุขกันมากและเชื่อมั่นว่า มิเกล อาร์เตต้า กุนซือคนใหม่กำลังนำทีมกลับมาเป็นทีมที่เคยยอดเยี่ยมในอดีต
โอซิล กล่าวว่าเริ่มเห็นทิศทางด้านบวกหลายอย่างของทีมที่เปลี่ยนไป "เป็นธรรมดาในการนำเรากลับไปเป็นอาร์เซน่อลอันยอดเยี่ยมในอดีต เป็นทีมที่ครองบอลได้ คอนโทรลเกมได้ และได้เล่นบอลตลอดเวลา"
"เหล่านี้คือสิ่งที่เขากำลังทำร่วมกับเราและคุณก็คงเห็นแล้ว่าทุกคนต่างมีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ สนุกสนานกับช่วงเวลาในตอนนี้"
"เราสนุกมากจริงๆ กับทุกอย่างในเวลานี้ คุณสามารถเห็นได้ถึงรูปแบบการเล่นในสนาม ทุกคนต่างรู้บทบาทหน้าที่ตัวเองในสนามและมีความสุขอย่างมาก"
เอเมรี่ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ ดร็อป โอซิล หลายครั้งในทำนองว่าแข้งเชื้อสายเติร์กไม่ทุ่มเทและทำงานหนักเพื่อทีมมากพอ อีกทั้งถูกจับตามองมานานว่ามีความสัมพันธ์ต่อกันที่ไม่ได้ราบรื่นนัก
ทว่า ความสัมพันธ์ของ โอซิล กับ อาร์เตต้า ดูดีกว่ามาก ทั้งคู่เคยเล่นด้วยกัน 3 ฤดูกาลระหว่างปี 2013 ถึง 2016 ก่อนที่ อาร์เตต้า จะแขวนสตั๊ดและไปทำงานที่ แมนฯ ซิตี้ ในตำแหน่งผู้ช่วยของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
"ผมแปลกใจเล็กน้อย (ที่อาร์เตต้าได้คุมอาร์เซน่อล) แต่ขณะเดียวกัน เวลาก็ผ่านไปเร็ว ผมยังจำตอนที่เขาออกไปทำงานโค้ชกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่แมนฯ ซิตี้ มันค่อนข้างชัดเจนว่าเขาจะต้องเป็นผู้จัดการทีมในเร็วๆ นี้"
โอซิล เคยเล่นร่วมกับ อาร์เตต้า 3 ฤดูกาล
"ผมมีความสุขมากที่เขาอยู่ที่นี่กับเราในตอนนี้เพราะนี่คือเวลาที่เหมาะสม เราทุกคนต่างมีความสุขที่เขามาอยู่ด้วยกัน"
โอซิล เล่าต่อว่า "เรามีความสัมพันธ์ปกติ เราเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมกัน เราเคารพซึ่งกันและกันอย่างมาก ตอนนั้นเขาคือกัปตันทีม ดังนั้นผู้เล่นก็เคารพเขาอยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็เพียงต่อยอดจากสิ่งเหล่านั้น"
ในหลายครั้งที่ โอซิล ลงเล่นในยุค เอเมรี่ เขามักถูกถ่างออกไปเล่นด้านข้างทำให้ไม่สามารถเล่นได้อย่างถนัดมากนักเพราะไม่ใช่ผู้เล่นที่มีความเร็วในการดวลกับฟูลแบ็ก อีกทั้งพื้นที่ในการเล่นยังจำกัด
ตัวเลขที่สะท้อนความแตกต่างได้ชัดเจนคือในเกมชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 โอซิล วิ่งเป็นระยะทางมากถึง 11.53 กิโลเมตร มากกว่านักเตะทุกคนในทีม และมากสุดของตัวเองในรอบ 2 ปี นอกจากนั้น โอซิล ยังทำสถิติแย่งบอลกลับคืนมาได้มากสุดที่ 10 ครั้งอีกด้วย
"ในฐานะเพลย์เมกเกอร์ ผมต้องการพื้นที่ในการเล่นอย่างมาก สไตล์การคุมทีมของเราทำให้ผมมีพื้นที่ที่ต้องการ และนี่สำคัญต่อความสำเร็จ" โอซิล กล่าวถึงการทำงานร่วมกับ อาร์เตต้า
"ผู้จัดการทีมแต่ละคนย่อมต่างกัน และผมก็เคยร่วมงานกับผู้จัดการทีมระดับโลกมาพอสมควรตลอดอาชีพที่ผ่านมา"
"มิเกล อาร์เตต้า ต่างจากคนอื่น เขาโฟกัสกับการเล่นมากและต้องการให้เราประสบความสำเร็จ ผมคิดว่าเขาคือตัวเลือกที่ใช่สำหรับสโมสร" โอซิล กล่าว
