:::     :::

ชปล. รูปแบบใหม่?

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2563 คอลัมน์ ฟุตบอลข้างถนน โดย โกสุ่ย
3,110
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผมไม่เคยหลั่งน้ำตา มีหลายช่วงเวลาที่ผมเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้มีเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง แต่ผมไม่เคยเสียน้ำตา ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ

นอกจากเกียรติยศที่จะถูกจารึกลงบนหน้าประวัติศาสตร์ 'เม็ดเงิน' ที่สโมสรจะได้รับจากการร่วมลงชิงชัยยังมากมายมหาศาล ซึ่งว่ากันว่าสามารถยกระดับของสโมสรให้ไปยังอีกระดับได้แบบสบายๆ

เราจึงได้เห็นการแย่งชิงพื้นที่เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการเข้าร่วมวงไพบูลย์ในรายการสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรป โดยเฉพาะบรรดาทีมหัวแถวที่พยายามรักษาสิทธิ์ของตนเองให้คงอยู่

ยิ่งบรรดา 5 ลีกใหญ่ยุโรปที่มีการแข่งขันสูง และสนุกสนานทุกครั้งสำหรับการแย่งที่ตั๋วไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะนั่นคือพื้นที่อันมีค่าไม่ว่าจะเป็นด้านรายได้ของสโมสร รวมไปถึงยังเป็นการสร้างโอกาสเพื่อดึงดูดในการดึงนักเตะรายใหม่มาร่วมทีม

มันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เวที แชมเปี้ยนส์ ลีก คือรายการที่บรรดาผู้ล่นทั่วโลกต่างต้องลงสนามเพื่อได้โอกาสโชว์ตัวให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็น และยังเป็นโอกาสในการแสดงผลงานให้ทุกๆคนได้รับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของตนเอง อีกทั้งยังเหมือนกับบันไดในการต่อยอดไปยังโอกาสที่ดีกว่า




ล่าสุดไปเห็นข่าวที่สร้างความฮือฮาไม่น้อยกับแนวคิดเรื่องการปรับรูปแบบใหม่ของรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งมาจากบอร์ดบริหารหัวก้าวหน้าที่นำโดย อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานคนปัจจุบัน ผู้ซึ่งจุดประกายแนวคิดแบบใหม่มาสู่วงการฟุตบอลยุโรป

ก่อนจะไปเข้ารายละเอียดที่ว่ามา ขอย้อนกลับไปยังรูปแบบตั้งแต่สมัยยังเป็น ยูโรเปี้ยน คัพ ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1955 กันก่อน

นับตั้งแต่ ยูฟ่า มีแผนจัดการแข่งขันระหว่างสโมสรระดับทวีป พวกเขาได้ตกลงนำทีมแชมป์ที่คว้าแชมป์ในยุโรปมาชิงชัยในศึก ยูโรเปี้ยน คัพ 

วันเวลาดำเนินไปด้วยรูปแบบแพ้คัดออก (ระบบเหย้าเยือนยกเว้นนัดชิงชนะเลิศ) ซึ่งมีหลายว่ากันว่าคือรูปแบบที่ดีอย่างมากเพราะมันเป็นการนำทีมที่ดีที่สุดหรือก็คือบรรดาแชมป์ให้มาแก่งแย่งความสำเร็จ

กระนั้นเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งต่างๆผันเปลี่ยนตามไปด้วย การเปลี่ยนแปลงแรกคือในฤดูกาล 1991/92 หลังจากยูฟ่าปรับเปลี่ยนระบบในรอบที่ 3 ด้วยการใช้ระบบแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ๆ ละ 4 ทีม ซึ่งแชมป์กลุ่มจะได้สิทธิ์เข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศ




หลังจากนั้นเมื่อเห็นว่าระบบใหม่ได้รับการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะเรื่องของรายได้ที่เพิ่มขึ้น ยูฟ่า ก็จัดการเปลี่ยนชื่อจากเดิม ยูโรเปี้ยน คัพ ที่ใช้มา 37 ปี ให้กลายมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างที่รู้จักกันในปัจจุบัน

ระบบคล้ายๆ ในฤดูกาลก่อนหน้านี้ แต่มีเพิ่มเติมในส่วนของรอบคัดเลือกที่ให้โอกาสชาติเล็กๆ อาทิ หมู่เกาะแฟโร และ อิสราเอล มีโอกาสลงสนาม และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ยูฟ่า พยายามคิดระบบใหม่ๆขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นการเล่นรอบคัดเลือกแบบเดิมก่อนจะใช้ระบบแบ่งกลุ่ม 8 ทีม เพื่อหาทีมอันดับ 1 และ 2 เข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ

หรือจะเป็นการเล่นแบบระบบรอบคัดเลือก และนำไปรวมกับทีมที่เข้ารอบสุดท้ายให้ได้ 16 ทีมก่อนจะแบ่งออกเป็นกลุ่ม 4 กลุ่มในปี 1994/95 หลายอย่างพัฒนาต่อไปเรื่อย โดยทาง ยูฟ่า หวังที่จะเห็นการแข่งขันที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละทีมและในเรื่องของการตลาด

เราจึงได้เห็นถึงการเพิ่มจำนวนสโมสรเข้าไปในรายการจาก 4 กลุ่มกลายเป็น 6 กลุ่ม เพื่อหวังว่าความนิยมจะแพร่กระจายออกไปตามทีมที่ได้สิทธิ์ดังกล่าว จนท้ายที่สุดในปี 2000 เราจึงได้เห็นระบบแบ่งกลุ่ม 8 กลุ่มอย่างในปัจจุบัน แต่ที่แตกต่างกันในตอนนั้นคือ ยูฟ่า ได้วางระบบรอบแบ่งกลุ่มอีกครั้ง โดยจะมี 4 กลุ่ม ๆ ละ 4 ทีม ซึ่งจะเอาแชมป์และรองแชมป์เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย

แน่นอนว่ามีเสียงวิจารณ์จากหลายสโมสรว่าเป็นเพิ่มโปรแกรมให้กับทีมที่ต้องลุดไปถึงรอบดังกล่าว แต่ทาง ยูฟ่า ก็ยังมุ่มเน้นในการเพิ่มตัวเลขทางการตลาดโดยหวังว่าจะเป็นหารดึงดูดสปอนเซอร์ให้เข้ามาลงทุนมากกว่าที่ผ่านมา




แต่มันก็อยู่ได้เพียง 4 ฤดูกาล ก่อนที่จะปรับมาเล่นในระบบอย่างที่รู้จักกันในปัจจุบัน นั่นคือเริ่มจากรอบคัดเลือกมาสู่รอบแบ่งกลุ่ม และนำเอาแชมป์กับรองแชมป์ไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบแพ้คัดออก (เหย้า-เยือน)

นั่นคือระบบที่มาจนถึงตอนนี้และเป็นที่คุ้นชินกับเหล่าแฟนบอลในยุคปัจจุบัน

ทว่า การเปลี่ยนแปลงก็กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อทางคณะกรรมการอาวุโสของ ยูฟ่า รวมไปถึงสมาคมฟุตบอลยุโรป (เอซีเอ) ได้เสนอแนวคิดในการปรับปรุงรูปแบบในเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง

เรื่องดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะในอังกฤษที่ (อาจจะ) ได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ 

ตามรายงานระบุว่า อีซีเอ หวังที่จะเสนอในการเพิ่มทีมเข้าไปอีกจากเดิมที่มี 32 ทีมในรอบสุดท้าย กระนั้นในการประชุมยังถกเถียงกันอยู่ว่าการเพิ่มจำนวนนี้จะออกมาในรูแบบใด 

โดยตอนนี้มี 2 แนวทางคือการเพิ่มจำนวนทีมให้เป็น 6 ทีมจากทั้งหมด 8 กลุ่ม หรือว่าจะเป็น 6 ทีมจากจำนวน 6 กลุ่ม 

นอกจากนั้นยังมีการเสนอนำเอาระบบรอบแบ่งกลุ่มแบบพิเศษด้วยการนำ 8 ทีมที่เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศมาจับสลากแยกเป็น 2 กลุ่ม และนำแชมป์กับรองแชมป์กลุ่มเข้ารอบตัดเชือก (ทั้งนี้ 4 ทีมสุดท้ายจะได้สิทธิ์เขาร่วม ชปล. ในซีซั่นถัดไปทันที)

นั่นคือแนวคิดที่ถูกนำเสนอขึ้นมาในที่ประชุม และหวังว่าจะได้รับการอนุมัติก่อนฤดูกาล 2024/25 และมันสร้างความฮือฮาไม่น้อยโดยเฉพาะในอังกฤษที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างแน่นอน




ผลกระทบที่ว่าคือรายการ คาราบาว คัพ ที่อาจจะไม่มีบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ลงชิงชัยในฤดูกาลนั้น เพราะหากระบบที่เสนอไปผ่านการเห็นชอบ เท่ากับว่า 4 ทีมที่ต้องเล่นรอบแบ่งกลุ่มจะมีโปรแกรมเพิ่มจากเดิม 4 นัด ซึ่งนั่นส่งผลโดยตรงกับช่วงเวลาที่ต้องชนกับระหว่าง แชมเปี้ยนส์ ลีก และ คาราบาว คัพ

ตรงนี้สื่อเองก็เชื่อว่าบรรดาสโมสรน่าจะพร้อมถอนตัวจากบอลถ้วยระดับรองของเมืองผู้ดี เพราะหากเทียบกับรายได้ที่จะรับจากเวทียุโรป มันน่าดึงดูดและมากกว่าอย่างแน่นอน

สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบที่ชัดเจนของลีกอังกฤษที่มีรายการลงสนามมากกว่าชาวบ้าน ต่างจากลีกอื่นๆที่มีบอลถ้วยให้ลงชิงชัยแค่รายการเดียว (ฝรั่งเศส ได้มีมติยุบรายการ เฟร้นช์ ลีก คัพ ตั้งแต่ฤดูกาลต่อไป เนื่องจากเหตุผลเรื่องรายได้ และอยากลดปริมาณการลงสนามของบรรดาสโมสรในลีก เอิง และ ลีก เดอซ์)

แน่นอนว่าแนวคิดดังกล่าวทำเอา อีเอฟแอล และบรรดาสปอนเซอร์ไม่พอใจแน่นอน เพราะเอาแค่ปัจจุบันจำนวนผู้ชมที่เข้าสนามแต่ละเกมก็น้อยนิดมาก ซึ่งรวมไปถึงบรรดาทีมใหญ่ๆที่มักจะเจอปัญหาการขายตั๋วไม่หมด และหากรูปแบบใหม่ถูกอนุมัติ เชื่อว่าบรรดาสโมสรที่ได้สิทธิ์ไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็พร้อมถอนตัวเพื่อให้ได้เล่นในบอลยุโรปอย่างเต็มกำลัง

ต้องตามกันดูต่อไปว่าแนวคิดที่ถูกเสนอมานี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งตามรายงานแว่วข่าวมาว่ามีโอกาสสูงที่ทาง ยูฟ่า จะอนุมัติให้ผ่าน เพราะอย่างที่เรียนไปว่าบรรดาบอร์ดบริหารชุดนี้มีความคิดหัวก้าวหน้าและพร้อมพัฒนาองค์กร แม้ว่าบางสิ่งจะขัดใจบรรดาพวกอนุรักษ์นิยม อยู่พอสมควร

ถือเป็นการเปลี่ยนที่กำลังจะเกิดขึ้น และเชื่อว่าหลังจากนี้ยังคงจะมีอีกหลายแนวคิดที่จะตามมาอีกแน่นอน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด