:::     :::

ฮาวทูทิ้ง : ทิ้งซาอุฯไว้ที่รอบ 8 ทีม

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ท้องฟ้ากรุงโตเกียวยังห่างไกล แม้ไทยจะผ่านเข้ารอบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ กับศึกชิงแชมป์เอเชีย U-23

พูดแบบไม่กระแดะ หลายคน (อย่างน้อยก็ผู้เขียน) ยังคงจำความผิดหวังในซีเกมส์เดือนที่ผ่านมาได้ดี ทำให้การมาชิงแชมป์เอเชียหนนี้ แม้จะในฐานะ “เจ้าภาพ” ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าเหนือคู่แข่งแต่อย่างใด

กับระยะเวลาเลียแผลจากซีเกมส์ มาปีนกำแพงระดับเอเชีย กระชั้นชิดพอจะทำให้เราคิดว่า อากิระ นิชิโนะ ไม่น่าจะเปลี่ยนช้างศึกตัวนี้ให้ตกมันได้ ในใจตอนนั้นแค่ “ภาวนา” ว่า ขอน้องสู้ให้เต็มที่ ไม่ต้องเสียดายอะไร ผลจะออกมาเช่นไรก็ให้มันเป็นไป

ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง

ใช่ … ผู้เขียนคิดเช่นนี้ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มคิกออฟ

อย่าคิดฝันไปไกลถึงโอลิมปิก ขอแค่ชนะสวย ๆ สักนัดให้ชมเป็นบุญตาก่อน เพราะสิ่งหนึ่งที่เราน้อมรับโดยดุษฎีคือ บรรดาชาติที่ผ่านเข้ามา ล้วนเหนือกว่าเราทั้งสิ้น ขณะที่เราอาศัย “ใบบุญ” จากการเป็นเจ้าภาพผ่านเข้ารอบมา

แต่แล้วเฮดโค้ชที่สื่อบางคนตั้งฉายาให้ว่า “ซามูไรพลาสติก” กลับใช้เวทมนต์ตบหน้าผู้เขียน และแฟนบอลฉาดใหญ่

นอกจากการจัดตัวผู้เล่นที่ไม่เคยอ่านความคิดเซนเซย์ถูก ผลการแข่งขัน รูปแบบสไตล์การเล่น เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พลิกจาก “หน้ามือเป็นหลังตีน”

ถล่ม บาห์เรน ราบเป็นหน้ากอง แพ้ ออสเตรเลีย แบบสุดมันส์ ยันเสมอ อิรัก ได้รูปเกมไม่เป็นรอง เข้ารอบน็อกเอาต์เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์อย่างสง่า

ประตูรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่มีลูกศรบอกทางว่า “ไปโตเกียว” เรา เชื่อกันว่ามันยากจะเปิดมัน แต่ นิชิโนะ และนักเตะทุกคนช่วยกันแหวกออกได้สำเร็จ

ซึ่งคู่ต่อสู้ที่รออยู่หลังประตูคือ ซาอุดีอาระเบีย




จำความได้ผู้เขียนเริ่มรู้จัก ซาอุดีอาระเบีย เพราะเรื่อง “เพชร” (เอ่อ...ช่างมันเถอะ) ส่วนเรื่องของฟุตบอล ตั้งแต่เริ่มดูมา ยังไม่เคยเห็นทีมชาติไทยเอาชนะประเทศเศรษฐีน้ำมันได้สักครั้ง

แม้สถิติเดิมจะบันทึกไว้ว่า ทีมชาติไทย เคยยัดเยียดความปราชัยให้ซาอุฯ ในแมตช์ไม่เป็นทางการ ทว่านั่นก็เกิดขึ้นในสมัยที่ พ่อผู้เขียน เพิ่งถีบจักรยานส่งดอกไม้จีบแม่ใหม่ ๆ

ส่วนยุคปัจจุบัน ในวันที่ลืมตาอ้าปากรู้จักฟุตบอล คงมีเพียงผลเสมอเมื่อปี 2016 รายการเดียวกัน ที่พอหยิบยกมาคุยโวให้พอแป๋วใจบ้างประปรายในวงเหล้า

ที่เหลือ ช้างศึก ล้วนโดดนวดอยู่ร่ำไป

แต่การโคจรมาพบกันอีกครั้งหนนี้ ในมุมแฟนบอลไทยอาจดูต่างไปจากทุกครั้ง ผู้เขียนเชื่อว่า เวลานี้นี้เรามีควาญช้างสัญชาติซามูไร ที่เข้ามาช่วย “ยกระดับ” ให้ไทยแข็งแกร่งขึ้นจากเดิม

จากที่พูดประชดตัวเอง ทำปากไม่ตรงกับใจ “ผ่านมาถึงรอบนี้ก็กำไรชีวิตแล้ว” แต่ลึก ๆ เมื่อผ่านรอบแรกมาได้ เราทุกคนล้วนต่างอยากเห็นช้างศึกเชือกนี้ตะลุยสู่กรุงโตเกียวให้ได้สำเร็จ

ใช่ ซาอุดีอาระเบีย แกร่งประหนึ่ง “เพชร” มีความเข้าใจเกม ความสามารถเฉพาะตัว รูปแบบการเล่นที่ดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าประตูของพวกเขาจะ “ปิดตาย” จนเปิดไม่ได้

การลงเล่นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่คุ้นชิน มีผู้เล่นคนที่ 12 เปรียบเสมือน “ยาใจ” ให้วิ่งพล่านไม่หยุด จุดนี้คือข้อได้เปรียบสำหรับเรา

นอกจากนี้มีเฮดโค้ชยิ้มยากมือฉมัง คอยทำการบ้านหนัก จัดแจงแบบแผนประจันหน้าคู่แข่งด้วยอีก

เป็นเกมที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินถึงขั้นจะฝ่าไปไม่ได้

เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า หากปลายทางฝันของเราคือ โตเกียว มีหนทางเดียวคือ

ก้าวแรกต้องผลักประตูบานที่ 2 และเดินออกจากสนามในฐานะ “ผู้ชนะ” เกมต่อไปก่อนเท่านั้น


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด