:::     :::

ปลดแอก

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
6,970
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สถิติที่สวยหรูของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ มันสุดแสนจะเหลือเชื่อจริงๆ นะครับ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ในตัวเลขที่ว่ามานี่มันก็มีเลข "1" ที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขาให้แฟนๆ ลิเวอร์พูลระคายตาเล่นไปซะงั้น ซึ่งเจ้าของผลงานที่ทำให้สถิติของลิเวอร์พูลสะดุดแบบนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคู่รักคู่แค้นเก่าอย่างแมนฯยู นั่นเอง




แท็กติกของโซลชา VS ซุปเปอร์ทีมของคล็อปป์


           เกมนี้โชลชาจัดทัพได้น่าสนใจมากครับ เมื่อเขาจัดแนวรับถึง 5 คน โดยการเอาลุค ชอว์ที่เป็นแบ็คอาชีพ หุบเข้ามาเล่นเซนเตอร์ประสานงานกับแม็กไกว์และลินเดอร์เลิฟ ถ้าเป็นปกติอาจจะน่าหวั่นวิตกอยู่บ้างครับเพราะการเอาแบ็กมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบบนี้จะเสียเปรียบทางด้านสรีระถ้าต้องประกบกับกองหน้าตัวใหญ่ๆ แต่ในเมื่อกองหน้าลิเวอร์พูลมีแต่พวกตัวจี้ดๆ ทั้งนั้น ก็ถือว่าเป็นการจัดตัวที่น่าสนใจมากๆ ของโซลชา ส่วนวิงแบ็คเป็นเจ้าหนูเบรนดอน วิลเลี่ยมส์เกับอารอน วาน-บิสซาก้า เป็นวิงแบ็กซ้ายขวาเพื่อเน้นความเร็วมาปิดการโจมตีของแบ็กทั้งสองข้างของลิเวอร์พูล ใครเห็นแบบนี้ก็พอจะเดาออกครับว่าแมนฯยูนั้นมาเน้นรับแน่ๆ และเกมที่เน้นการตั้งรับและสวนกลับแบบนี้พวกเขาทำได้ดีสุดๆ เสียด้วย คิดๆ แล้วก็น่าเสียดายแทนพวกเขาเหมือนกันที่ไม่มีแรซฟอร์ดในเกมนี้ไม่อย่างนั้นเกมโต้กลับของพวกเขาน่าจะน่ากลัวกว่านี้แน่นอน

           ทางด้านทีมของคล็อปป์นั้นมาด้วยตัวผู้เล่นเดิมๆ แบบคาดเดาได้แทบจะทุกตำแหน่ง แต่ที่ต่างจากเดิมคือตอนนี้พวกเขากำลังมั่นใจสุดขีด จากแต่เดิมที่เล่นด้วยมาตรฐานที่สูงอยู่แล้วตั้งแต่ต้นฤดูกาล  แต่หลังจากที่พวกเขาไปคว้าแชมป์สโมสรโลกมาได้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเลเวลอัพตัวเองขึ้นไปอีกระดับนึง ทุกคนดูเหมือนมีออร่า และท๊อปฟอร์มกันแทบจะทุกตำแหน่ง เรื่องปัญหาแดนกลางที่แฟนๆ เป็นห่วงกันเมื่อเห็นฟาบินโญ่บาดเจ็บไปก็หายห่วงเพราะได้เฮนโด้ที่เรียกได้ว่าตอนนี้จุติร่างเทพ มาซัพพอร์ทในตำแหน่งนี้อย่างหายห่วงและในเกมรับที่ดูว่าจะมีปัญหาในตอนต้นฤดูกาล แต่ตอนนี้พวกเขาก็เข้าฟอร์มและเก็บคลีนชีตได้ติดๆ กันมา 6 นัดรวดเข้าไปแล้ว การเอาชนะแมนฯ ยูให้ได้นอกจากจะได้ 3 แต้มฉีกหนีคู่แข่งไป ก็จะเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาก้าวไปคว้าแชมป์ได้อย่างสมศักดิ์ศรีและไม่มีอะไรมาค้างคาใจยิ่งขึ้น




แผนเดิม แต่ผลไม่เหมือนเดิม


           แท็กติกของโซลชานั้นไม่แตกต่างอะไรกับนัดก่อนหน้านี้ที่พวกเขาพบกันในโอลด์แทรฟฟอร์ดครับ ที่เน้นรับและโต้กลับเร็วตามที่พวกเขาถนัด และเริ่มมาก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำได้ดีเสียด้วย พวกเขาเซตเกมและต่อบอลด้วยความมั่นใจ อาศัยความเร็วของผู้เล่นอย่างอองโตนี่ มาร์กซิยาลกับดาเนี่ยล เจมส์เข้าปั่นป่วน พวกเขาเล่นเหมือนเดิมกับเกมก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่าคู่แข่งของพวกเขานั้นยกระดับตัวเองได้จากนัดก่อนหน้านั้นได้เกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้ไปเสียแล้ว และทุกอย่างยิ่งมาพังทลายไปเสียหมดจากการที่พวกเขาเสียประตูให้เจ้าถิ่นจากลูกเตะมุมง่ายๆ จากการโขกสบายๆ ของฟาน ไดค์ที่ดูเหมือนสิ่งนี้จะเป็นจุดอ่อนของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัดในฤดูกาลนี้ จังหวะที่เสียประตูนี้ถือเป็นความผิดพลาดของพวกเขาอย่างชัดเจน ที่ปล่อยให้เป้าหมายหลักของลิเวอร์พูลขึ้นโหม่งง่ายๆ แบบนั้น จริงๆ แล้วคนที่ควรจะประกบฟาน ไดค์ควรจะเป็นแฮรี่ แม็กไกว แต่ในจังหวะนี้กลับเป็นวิลเลี่ยมเป็นคนประกบไปซะอย่างนั้น  แผนที่โชลชาวางไว้ทุกอย่าง พังทลายลงเพราะพวกเขามาผิดพลาดง่ายๆ ในจังหวะนี้นั่นเอง เมื่อได้ประตูขึ้นนำเกมนี้ก็กลายเป็นว่าลิเวอร์เป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบของเกมนี้ไปง่ายๆ และน่าจะทิ้งห่างไปได้หลายครั้งหลายหน เพียงแต่พวกเขาไม่คมพอและไม่ละเอียดในจังหวะสุดท้ายเท่านั้นเอง 




ไฟแล่บ!


           ลิเวอร์พูลหมายมั่นปั้นมือว่าจะเฆี่ยนเอาประตูที่ 2 ให้ได้เพื่อที่จะได้ประตูฉีกหนีห่างออกไป แชมป์โลกเร่งเกมของตัวเองถึงจุดสูงสุดและเพรสซิ่งอย่างหนักหน่วง บุกปูพรหมบุกถล่มผู้มาเยือนจนหลังพิงเชือกเกือบเอาตัวไม่รอดตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรกและต้นครึ่งหลัง  แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ประตูหนีห่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นจากการที่พวกเขาทิ้งโอกาสหลุดลอยไปเองจากมาเน่ และซาล่าห์ หรือความยอดเยี่ยมของเด เกอาที่เกมนี้เซฟเป็นพัลวัน จนทำให้พวกเขาต้องผ่อนเกมของตัวเองลงมาเพื่อที่จะเก็บแรงไว้บดบี้ในช่วงท้ายเกมบ้าง ซึ่งจากการเร่งสปีดเกมระดับนั้นก็ทำให้คล็อปป์ไม่มีทางเลือกตั้งถอด อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนที่ดูจะยังไม่ฟิตเต็มร้อยและดูเหมือนจะหมดแรงออกไปและส่งลัลลาน่าลงมาแทน  และจุดนี้แหละที่เป็นจุดเปลี่ยนอีกจุดหนึ่งของเกมนี้จนเกือบทำให้แมนยูกลับมาได้เลยทีเดียว
           พอลิเวอร์พูลผ่อนเกมลง และคนที่ลงมาใหม่อย่างลัลลาน่าดูเหมือนจะยังปรับตัวไม่ได้กับเกมหนักแบบนี้ทำให้เปิดโอกาสให้แมนฯ ยูกล้าเปิดเกมบุกกลับใส่ลิเวอร์พูลบ้าง และก็ทำได้ดีมากจนเกือบจะตีเสมอได้หลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจังหวะที่มาร์กซิยาลได้หลุดไปยิ่งในกรอบ 6 หลาจ่อๆ แต่เจ้าตัวดันกดเสียเต็มแรงจนทำให้บอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย และก็มีโอกาสยิงไกลมาทักทายอลิสซงอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ตอนนี้พ่อหมีอลิสซงนั้นท๊อปฟอร์มเหลือเกินและสามารถปัดป้องลูกยิงของผู้เล่นแมนฯ ยูไปได้หมดจดจริงๆ



กับดักของลิเวอร์พูล


           ไม่รู้ว่านี่คือการวางแผนของเจอร์เก้น คล็อปป์หรือเปล่าแต่พวกเขานั้นทำให้เห็นอยู่บ่อยครั้งจริงๆ ผมกำลังจะกล่าวถึงจังหวะที่ลิเวอร์พูลโต้กลับเร็วจากจังหวะเตะมุมของฝ่ายตรงข้ามนั่นแหละครับ จากการที่พวกเขามีแนวรุกที่เร็วสุดขีดและจังหวะเตะมุมนั้นคู่ต่อสู้จะขึ้นมากันเกือบหมดทำให้นี่เป็นโอกาสขั้นเลิศที่พวกเขาจะฉวยโอกาสแบบนี้สวนกลับโป้งเดียวพลิกจากเป็นฝ่ายตั้งรับกลับกลายเป็นเพิ่มสกอร์ให้ตัวเองได้อยู่หลายครั้งหลายหนเลย เกมนี้ก็เช่นกันครับจากที่ผู้เล่นแมนฯ ยูดาหน้าขึ้นมาบุกหมายมั่นปั้นมือว่าจะเอาประตูตีเสมอให้ได้ ในจังหวะเตะมุมก็ดันกันขึ้นมาแทบจะหมดแผงหลัง แต่พอพวกเขาทำไม่ได้และบอลไปอยู่ในมือของอลิสซง เขาก็ไม่เลือกที่จะถ่วงเวลาเก็บบอลไว้กับตัวแต่กลับฉวยโอกาสเตะบอลทิ้งไปที่ว่างให้ซาล่าห์ควบไปยิงประตูปิดฝากล่องอย่างเด็ดขาด เป็นการปิดฉากเกมนี้ไปได้อย่างสวยงามและสะใจแฟนๆ หงส์แดงสุดจริงๆ

    ซาล่าห์เองนั้นก็สะใจกับประตูนี้อย่างสุดๆ ถึงกับยอมถอดเสื้อฉลองประตูกันเลยทีเดียว เพราะประตูนี้เหมือนจะเป็นการปลดปล่อยสถิติที่ตามหลอกหลอนของเขาในเกมแดงเดือดให้หมดไปจากใจเขาเสียที และกับเแฟนๆ ก็เช่นกัน ชัยชนะในเกมที่พบกับคู่แข่งตลอดกาลแบบนี้ก็เหมือนเป็นการปลดแอกกับสถิติที่ทำให้พวกเขาหงุดหงิดให้หายไปจนได้ และนี่จะเป็นพลังเสริมให้พวกเขาก้าวไปสู่การปลดแอกพันธะ 30 ปีที่ยิ่งใหญ่ที่แฟนหงส์ทุกคนรอคอยไปได้เสียที  มานับถอยหลังไปพร้อมๆ กันนะครับ YNWA
  





ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด