ผ่านด่านหิน
เหมือนภาพสะท้อน
ทั้งสองทีมนั้นเล่นฟุตบอลในแนวทางที่คล้ายๆ กันครับ โดยเฉพาะในเกมรุก ลิเวอร์พูลมี 3 ประสาน ฟีร์มีโน่ - ซาล่าห์ - มาเน่ ที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วยุโรปมาแค่ไหน ทางด้านวูล์ฟแฮมป์ตันที่มี 3 ประสานอย่าง เปโดร เนโต้ - อดาม่า ตราโอเร่, ราอูล ฮิเมเนซ ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเจ้าอดาม่า ตราโอเร่ ที่ปีนี้ยกระดับตัวเองได้อย่างน่าทึ่งและกลายเป็นผู้เล่นริมเส้นที่น่ากลัวที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว นูโน่ ซานโต้ นั้นวางแผนและสร้างสไตล์การเล่นของวูล์ฟที่เน้นความเร็วและเล่นพาสซิ่งเกมได้อย่างมีชั้นเชิงและมีสไตล์เป็นของตัวเอง โดยแกนหลักเป็นนักเตะชาติเดียวกันอย่างโปรตุเกสที่เด่นในด้านเทคนิกและลีลาชั้นเชิงอันแพรวพราวมาผสมกับลูกหนักของผู้เล่นอังกฤษเข้าไป ทำให้วูล์ฟทีมนี่เป็นทีมที่ยอดเยี่ยมประจำปีนี้ทีมหนึ่งเลยทีเดียว และการปะทะกันของทั้งสองทีมที่เล่นคล้ายกันแบบนี้เกมจะออกหน้าไหนก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
ทีเด็ดลูกนิ่ง
วูล์ฟแฮมป์ตันเริ่มต้นได้อย่างวูบวาบน่ากลัว เป็นสัญญาณเตือนให้ทุกคนรู้ว่าเกมนี้เป็นเกมที่ยากสำหรับลิเวอร์พูลแน่นอน แต่ไม่ว่ายังไงลิเวอร์พูลก็ยังคงเป็นลิเวอร์พูลอยู่ดีครับ พวกเขาฉกฉวยเอาความได้เปรียบมาเป็นของตัวเองได้ก่อนจากลูกตั้งเตะที่กัปตันเฮนโด้โหม่งเข้าไปอย่างสุดเซอร์ไพรซ์ เจอร์เก้น คล็อปป์บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าปีนี้เขานั้นเน้นการเล่นลูกตั้งเตะมากขึ้น ซึ่งนี่คือประตูจากลูกเตะมุมลูกที่ 8 ในซีซั่นนี้แล้วครับ ถ้าเทียบกับปีก่อนๆ ต้องบอกว่าพวกเขาพัฒนาเรื่องนี้ได้อย่างมากจริงๆ และพอพวกเขาได้เปรียบเกมของวูล์ฟก็รวนไปพักใหญ่ๆ แต่ก็ไม่เด็ดขาดพอที่จะทำประตูทิ้งห่างออกไปทำให้วูล์ฟนั้นยังมีความหวังที่จะกลับมาตลอดเพราะตามหลังแค่ประตูเดียว
ซาล่าห์ น่าเขกกะโหลก
เกมนี้ถ้าจะหาคนที่น่าโดนตำหนิซักคน คงนี้ไม่พ้น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์นี่แหละครับ แม้เกมนี้เขาจะสร้างความปั่นป่วนให้กับแผงหลังของวูล์ฟได้ตลอดแต่หลายๆ จังหวะเขานั้นแสดงให้เห็นถึงความหวงบอลอย่างชัดเจน และเลือกที่จะยิงเองมากกว่าที่จะส่งให้เพื่อนที่ดูแล้วมีโอกาสมากกว่าเขาหลายจังหวะเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าไปตำหนิติเตียนซาล่าห์กันจนเกินไปนักเลยครับ ถ้ากองหลังเสี่ยงต่อการทำพลาดฉันใด กองหน้าก็มีสิทธิ์ตัดสินใจพลาดฉันนั้นเช่นกัน จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ซาล่าห์เล่นแบบไม่เห็นแก่ตัวมานานพักใหญ่ๆ แล้ว จนแฟนๆ มีบ่นๆ ว่าหลังๆ เขาเน้นส่งเกินไป แต่มาวันนี้เขาอาจจะได้รับมอบหมายว่าให้เน้นยิงหรือเปล่า (???) อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละครับ นี่ก็เป็นเพียงแค่เกมๆ นึงที่อาจจะเป็นวันที่แย่ๆ ของซาล่าห์เท่านั้นเอง ต่อไปหวังว่าเขาจะปรับปรุงและเลือกการเล่นให้ถูกต้องกับจังหวะแบบนี้ให้ดีขึ้น ซึ่งผมมั่นใจว่านักเตะระดับอย่างซาล่าห์ทำได้แน่นอน
วูล์ฟของจริง
จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ไม่นานลิเวอร์พูลเพิ่งจะเจอกับวูล์ฟมาและเบียดเอาชนะมาได้ครับ แต่เกมนั้นหลายๆ คนรวมหล่นความเห็นไว้ว่านั่นไม่ใช่วูล์ฟที่แท้จริงเพราะว่าตอนนั้นวูล์ฟต้องเล่นเกมติดๆ กันในรอบ 3 วันเลยต้องหมุนเวียนนักเตะจนแทบจะไม่เหลือตัวจริงเลย แต่นัดนี้วูล์ฟขนนักเตะตัวจริงมาเต็มสตรีมครับ และนั่นก็ทำให้รู้เลยว่าวันนั้นกับวันนี้นั้นมันแตกต่างกันมากจริงๆ ครึ่งหลัง นูโน่ ซานโต้แก้เกมโดยการเพลสซิ่งลิเวอร์พูลตรงกลางสนามรอคอยจังหวะที่นักเตะลิเวอร์พูลพลาดและสวนกลับเร็วทันที ... จนมาสัมฤทธิ์ผลตั้งแต่ต้นครึ่งหลังเลยเมื่อพวกเขาฉวยจังหวะที่แอนดี้ โรเบิร์ตสันเติมเกมขึ้นมาจนลงไม่ทันทำให้ตราโอเร่ได้หลุดไปโล่งและวางให้ราอูล ฮิมิเนสโหม่งเข้าไปอย่างสุดสวย และหลังจากนั้นโมเมนตั้มก็เหมือนกับว่าจะเทมาทางวูล์ฟไปเสียหมด พวกเขากดลิเวอร์พูลอยู่ข้างเดียวพักใหญ่ๆ เลย ซึ่งก็ทำให้ลิเวอร์พูลปั่นป่วนอยู่พักใหญ่ๆ แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังเก๋าพอที่จะเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่วิกฤติแบบนี้มาได้
ปีทองของลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูลในปีนี้นั้นหลายๆ อย่างดูเข้าทางพวกเขาไปหมดจริงๆ ครับ เล่นดีพวกเขาก็ชนะ เล่นไม่ดีก็ยังชนะได้เหมืิอนกัน ในเกมนี้ก็เช่นกัน ในทีแรกเหมือนว่าเกมนี้จะไม่เป็นใจกับพวกเขาเสียแล้ว เพราะต้องเสียมาเน่ไปในตอนครึ่งหลังแล้วให้มินามิโนะลงมาแทน ซึ่งเจ้าหนุ่มซามูไรเองก็ดูจะยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับลีกใหม่อยู่พอสมควร ส่วนตัวความหวังอย่างซาล่าห์ก็ดูเหมือนจะหน้ามืดบ้ายิงจนทิ้งโอกาสทองไปหลายต่อหลายครั้ง แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังมีดีตรงที่พวกเขามี “ทีเด็ดทีขาด” ในจังหวะตัดสินเกมเสมอๆ ครับ ในเกมนี้ก็เช่นกันเมื่อซาล่าห์เลี้ยงบอลจนตันและแปะบอลไปให้กับเฮนโด้ที่ก็ตาไวเหลือเกิน เห็นฟีร์มีโน่อยู่ในตำแหน่งทีดีก็จัดการเบิ้ลไปให้กองหน้าบราซิลทันที ซึ่งฟีร์มีโน่ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดลอด จัดการดึงหลบและซัดเสียบตาข่ายไปอย่างเด็ดขาด ทำให้ลิเวอร์พูลก็กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้ง แล้วพวกเขาก็ประคองตัวเองให้เก็บผลการแข่งขันได้อย่างยอดเยี่ยม
ต้องบอกว่าเกมนี้เป็นเกมที่ยากที่สุดเกมหนึ่งของลิเวอร์พูลจริงๆ และน่าจะเป็นเกมที่ลิเวอร์พูลเกือบที่จะพลาดท่าไปเสียแล้ว แต่สุดท้าย ทุกอย่างก็แค่เกือบ... อยู่ดีนั่นแหละครับ หรือจริงๆ แล้วทุกอย่างถูกกำหนดผลออกมาแล้ว ตั้งแต่โอริกี้มายืนข้างสนามก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ฮรี่ๆ