มาร์ติเนลลี่ เพิ่งทำประตูแห่งความทรงจำอีกลูกในเกมที่ช่วยให้ อาร์เซน่อล ไล่ตีเสมอ เชลซี 2-2 จากการโซโล่เดี่ยวพาบอลลุยตั้งแต่หน้าเขตโทษตัวเองไปจนถึงเขตโทษของอีกฝั่งรวมระยะทางเกือบ 70 หลา
ประตูนี้ไม่เพียงปลุกความหวังให้ อาร์เซน่อล ในเกมที่ยากลำบากจากการเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนและเสียจุดโทษตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่ยังเป็นประตูที่แสดงถึงศักยภาพอันไม่ธรรมดาของหัวหอกดาวรุ่งรายนี้
มาร์ติเนลลี่ กลายเป็นแข้งวัยรุ่นคนแรกของสโมสรที่ยิงถึงหลักสิบประตูนับตั้งแต่ นิโกล่าส์ อเนลก้า เคยทำได้ในฤดูกาล 1998/99 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายก่อนย้ายไป เรอัล มาดริด
ทั้งจำนวนประตูที่เป็นรองเพียง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ดาวซัลโวของทีมคนเดียว และประตูล่าสุดที่ต้องมีทั้งความฟิต ความเร็ว ความกล้าหาญ และความเยือกเย็นรวมเข้าด้วยกัน หลายคนจึงได้แต่แปลกใจว่า กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ มาจากไหนและอาร์เซน่อลไปเจอมาได้อย่างไร
ฟรานซิส คากิเกา
มาร์ติเนลลี่ คือหนึ่งใน 6 แข้งใหม่ของทีมในฤดูกาลนี้ร่วมกับ นิโกล่าส์ เปเป้, ดานี่ เซบายอส, คีแรน เทียร์นี่ย์, ดาวิด ลุยซ์ และ วิลเลี่ยม ซาลีบา ที่ปล่อยกลับให้ แซงต์-เอเตียน ยืมใช้งาน
ทว่าเป็นคนที่แฟนบอลไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมากนักเพราะเป็นดาวรุ่งอายุน้อย อีกทั้งในแดนหน้าก็มีตัวหลักอย่าง โอบาเมย็อง รวมถึง อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ อยู่แล้ว
เส้นทางอาชีพของ มาร์ติเนลลี่ ถือว่าก้าวกระโดดอย่างมากเพราะก่อนย้ายมาลุยพรีเมียร์ลีก หนุ่มน้อยคนนี้เป็นเพียงนักเตะในระดับดิวิชั่น 4 ของบราซิลกับทีม อีตัวโน่
อายุ 18 ปี มาเล่นในยุโรปครั้งแรกกับลีกที่หินโหดอย่างพรีเมียร์ลีก และอยู่ในทีมอาร์เซน่อลที่เต็มไปด้วยปัญหาทั้งในและนอกสนามจนส่งผลให้ออกสตาร์ทแย่สุดในรอบหลายสิบปี แต่สามารถยิงได้ถึง 10 ประตูจากทุกรายการ
นี่คือเรื่องที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง...
เอดู ในฐานะผู้อำนวยการฟุตบอล และเป็นบราซิเลียนด้วยกันคือคนแรกที่ได้เครดิตกับการดึงตัว กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ มาร่วมทีม แต่คนที่ค้นพบ "เพชร" เม็ดงามเม็ดนี้คือ "ฟรานซิส คากิเกา"
ฟรานซิส คากิเกา อาจเป็นชื่อโนเนมในหมู่แฟนบอลทั่วไป แต่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของ อาร์เซน่อล มาหลายปีตั้งแต่ยุคแรกของ อาร์แซน เวนเกอร์
คากิเกา เคยเป็นนักเตะเยาวชนของ อาร์เซน่อล ที่อยู่ในชุดแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ช่วงยุค 80 ก่อนย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า เบ ต่อด้วย ราซิ่ง ซานตานเดร์ และกลับมาอังกฤษอีกรอบร่วมทีม เซาธ์เอนด์ ยูไนเต็ด
เส้นทางอาชิพไม่มีอะไรน่าจดจำมากนัก แต่มีบทบาทสำคัญมากกว่าหลังผันตัวเองมาทำงานกับ อาร์เซน่อล ในช่วงเกือบยี่สิบที่ผ่านมา
ลากลุยเกือบ 70 หลาเข้าไปยิงประตูเชลซี
คากิเกา รับตำแหน่งแมวมองให้ทีมปืนใหญ่ ขณะที่แหล่งข่าวภายในสโมสรกล่าวว่า "ฟรานซิส มีอิทธิพลต่อทีมมากๆ เขามีคอนเนกชั่นมากมาย มองนักเตะได้เฉียบขาด เขาคือคนที่ดึงตัว ฟาเบรกาส, เบเยริน รวมถึง กาซอร์ล่า มาร่วมทีม"
"เขาคือคนที่ได้รับความเคารพนับถือจากคนอื่นอย่างมาก เขารู้จัก อาร์เซน่อล ดีกว่าใคร รู้จักระบบ และก็เป็นคนดีด้วย"
"คากิเกา ไปๆ มาๆ ระหว่างสเปนกับสหราชอาณาจักร เคยเป็นแมวมองที่มีอิทธิภาพในสเปนมาก และมีเครือข่ายในอเมริกาใต้ด้วย"
"อย่างใน อาร์เจนตินา และ บราซิล เขาก็มีสายป่านที่ไม่ธรรมดาและเดินทางไปที่นั่นค่อนข้างบ่อย เขามีคุณสมบัติยิ่งกว่าเหมาะสมในการได้ทำหน้าที่ต่อจาก สเวน มิสลินสตัท"
"การลงทุนนักเตะ การเสาะหานักเตะ และเครือข่ายที่มี คากิเกา คือสุดยอดเลย"
แหล่งข่าวภายในสโมสรเปิดเผยถึงความสำคัญของ ฟรานซิส คากิเกา ที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่ายสรรหาแทนที่ สเวน มิสลินสตัท ที่ย้ายกลับไปทำงานในเยอรมัน
ได้ถ่ายรูปกับ ป็อกบา ตอนมาฝึกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด
ในอดีตที่ผ่านมา คากิเกา มีส่วนอย่างมากในการช่วยให้ อาร์เซน่อล คว้านักเตะดีๆ มาร่วมทีมเพราะเป็นชี้เป้าให้กับทีมไม่ว่าจะเป็น โลร็องต์ เอตาเม่, เชส ฟาเบรกาส, เอคตอร์ เบเยริน และล่าสุด มาร์ติเนลลี่ นอกจากนี้ยังอยู่เบื้องหลังในดีลของ ซานติ กาซอร์ล่า และ อเล็กซิส ซานเชซ อีกด้วย
เขาเป็นคนที่แนะนำ ลิโอเนล เมสซี่ ตอนอายุ 15 ปีให้กับ อาร์เซน่อล และ อาร์แซน เวนเกอร์ ก็สนใจมากๆ ทว่าไม่สามารถดึงตัวมาจากลา มาเซีย ของ บาร์เซโลน่า ได้
กับผลงานชิ้นล่าสุดในรายของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่ราคาในท้องตลาดปัจจุบันพุ่งขึ้นไม่ต่ำกว่า 50 ล้านปอนด์ ฟรานซิส คากิเกา อาจไม่ได้ถูกพูดถึงมากนักด้วยความเข้าใจของหลายคนที่ให้เครดิต เอดู มากกว่า
แต่ คากิเกา คือคนที่ค้นพบ มาร์ติเนลลี่ และแจ้งเรื่องกับ เอดู และ ราอูล ซานเยฮี ให้ดึงตัวมาร่วมทีมให้ได้
มาร์ติเนลลี่ เกือบไม่ได้ลงเอยกับ อาร์เซน่อล เพราะเคยมาทดสอบฝีเท้าและฝึกซ้อมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด รวมถึง บาร์เซโลน่า ขณะที่ เรอัล มาดริด ก็จักเป็นอย่างดีเพราะให้ความสำคญกับดาวรุ่งบราซิลมากขึ้นในหลายปีหลังจนนำมาซึ่งการไล่เซ็นสัญญากับทั้ง วินิซิอุส, โรดริโก้ และล่าสุดในรายของ เรเนียร์ จากฟลาเมงโก้
แต่ 3 ยักษ์ใหญ่ดังกล่าวมองไม่เห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัว มาร์ติเนลลี่ และไม่ได้ดึงตัวไปร่วมทีม ต่างจาก คากิเกา ที่เดินทางไปดูการเล่นถึงบราซิล
คากิเกา เดินทางไปดู มาร์ติเนลลี่ ให้แน่ชัดอยู่หลายเดือนเช่นเดียวกับวิเคราะห์คุณภาพในการเล่นร่วมผ่านเทคโนโลยีต่างๆ ที่ตั้งอยู่ที่ลอนดอน โคลนี่
ทั้งหมดผ่านการประเมินทั้งด้วยข้อมูล สถิติแบบฟุตบอลยุคใหม่ และการเดินทางไปดูการเล่นจริงถึงของสนามหลายครั้งก่อนมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการด้วยค่าตัวเพียง 6 ล้านปอนด์
ในวันที่ มาร์ติเนลลี่ โซโล่เข้าไปยิงประตูเชลซี เชส ฟาเบรกาส ถึงกับทวีตชมว่า ฟรานซิส คากิเกา แถมคนทำประตูตีเสมอ 2-2 ก็เป็น เอคตอร์ เบเยริน อีกหนึ่งแข้งที่ คากิเกา ดึงมาร่วมอาร์เซน่อล
"ฟรานซิส คากิเกา ปล่อยของอีกแล้ว"
นั่นคือข้อความที่ 2 ในทวิตเตอร์ของ ฟาเบรกาส ที่ทำให้ทุกคนได้รู้มากขึ้นว่าคนนี้แหละที่ค้นพบเพชรเม็ดงาม
ทวิตเตอร์ของ ฟาเบรกาส
