:::     :::

แมนยูจะหลุดพ้นความตกต่ำอย่างไร บทเรียนการสร้างทีมขึ้นใหม่ในยุค70s

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,309
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สตีฟ คอปเปลล์ย้ายจากทรานเมียร์สู่โอลด์แทรฟฟอร์ด มาช่วยกอบกู้สโมสรขณะที่ปีศาจแดงตกต่ำในดิวิชั่นสองนั้น พวกเขาอาจจะทำแบบนั้นได้อีกในยุคนี้

นี่คือเรื่องราวจากคำบอกกล่าวของMittenในคอลัมน์ส่วนตัวของเขา ที่จะมาบอกเล่าความเป็นมาในอดีต ของภาพซ้อนการดึงตัวปีกตัวจี๊ดผู้นี้มาจากทรานเมียร์ และมาคว้าแชมป์กับเราอย่างมากมาย โดย Andy Mitten

--------------------------------------------------------------------------------

ในยามที่พวกเขาเซ็นสัญญากับนักเตะตำแหน่งปีกอย่าง Steve Coppell มาจากTranmere Rovers แมนยูไนเต็ดขณะนั้นอยู่ในดิวิชั่นสองในปี1975 ซึ่งด้วยคนดูเฉลี่ย 48000 คนนั้น ทีมของทอมมี่ ดอคเคอร์ตี้(ผู้จัดการแมนยูไนเต็ด1972-1977)ยังคงเป็นทีมที่ได้รับการสนับสนุนจากแฟนบอลดีที่สุดในอังกฤษเหมือนเดิม ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นแฟนบอลประเภทที่โวยวายหนวกหูและหยาบคาย แต่แฟนบอลก็ไม่ลดลงไปแม้จะตกลงไปเล่นดิวิชั่นสอง


ทีมของแมนยูไนเต็ดนั้นจำเป็นต้องสร้างขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ตกต่ำลงไปไกลจากยุคที่ตำนานอย่าง แมตต์ บัสบี้ ก้าวลงจากตำแหน่งไปหลังจากที่คุมทีมมายาวนานถึง 1 ใน 4 ของศตวรรษ (24ปี)  แมนยูไนเต็ดอาจจะฟื้น กลับมาได้อีกครั้งหลังจากผ่านการเปลี่ยนมือจากผู้จัดการทีมหลายคนที่เข้ามาสืบทอดตำแหน่งกัน  ซึ่งในสถานการณ์ตอนนั้น ยิ่งคล้ายคลึงเหตุการณ์และตำแหน่งของทีมเราและคู่แข่งปัจจุบันค่อนข้างมากจนน่ากลัว ดังเช่นที่คำอธิบายของคอปเปลล์ พูดไว้เกี่ยวกับลิเวอร์พูลในยุคนั้นว่า

"พวกเขาดีเยี่ยมมากๆ แม้ว่ากับสไตล์ที่แตกต่างออกไป พวกเขาอาจจะใช้เวลาช่วง15นาทีแรกของเกม จ่ายบอลไปมา คืนหลังให้ผู้รักษาประตูก็ตาม ยังไงคุณก็ไม่สามารถหาทางไปสู้เค้าได้เลย"

ของจริง โปรดสังเกตถ้วยด้านล่างเพียบบบบ เราคือแชมป์1975-76

ผมชื่นชมคอปเปลล์เหมือนๆกับเด็กคนนึงที่ชื่นชมฮีโร่ อยากจะเป็นอย่างเขา อยากตัดผมทรงนี้ และก็ยิงประตูได้เยอะๆเหมือนที่สเก๊าเซอร์คนนี้ยิงได้ (Mittenพูดถึงเขา เพราะคอปเปลล์เป็นเด็กลิเวอร์พูลโดยกำเนิด -ผู้เขียน) 

ในความแข็งแกร่ง และแถมยังรวดเร็ว เขาลงเล่นในทุกๆสัปดาห์ และกับ 206เกมติดต่อกัน จากการลงสนามทั้งหมด 395นัดระหว่างปี 1975 ถึง 1983 สร้างสถิติต่างๆให้แมนยูจนแทบจะไร้เทียมทาน คอปเปลล์ในราคา4หมื่นปอนด์ในตอนนั้นถึงขนาดต้องต่อรองราคากันเลยแม้จะเป็นในยุคนั้น เพื่อดึงตัวมาเล่นให้เรา

ไม่คนเคยบอกว่า ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปเจอคนที่คุณมองเป็นฮีโร่เลย แต่คอปเปลล์นั้นควรค่าที่จะพบปะพูดคุยด้วยเพราะว่าเรื่องราวของเขามันแตกต่างออกไป

"ผมลงเรียนเต็มเวลาเป็นนักศึกษาเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล และก็เตะบอลพาร์ทไทม์ให้ทรานเมียร์"

สตีฟเล่าย้อนความให้ฟังอีกครั้ง

ขยัน มุ่งมั่น ใฝ่เรียนมากๆ

"ฟุตบอลเป็นเหมือนโบนัสแถมที่จริงๆผมจะไม่เล่นก็ได้ ซึ่งมี Mark Palios เป็นรุ่นพี่นักฟุตบอลที่ทรานเมียร์และผมมักขอคำปรึกษาจากเขาเสมอ"

Palios อดีตผู้บริหารของFA ซึ่งขณะนี้เป็นเจ้าของสโมสรทรานเมียร์นั้นคงจะแฮปปี้มากที่จะได้เงินสี่แสนปอนด์จากแมตช์FA Cup กับแมนยูไนเต็ดนัดที่ผ่านมา

มีผู้อำนวยการของลิเวอร์พูลบางคนได้เคยดูเขาเล่นมาก่อน แต่ว่าตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่ยูไนเต็ดเดินเกมเร็วเพื่อไปชิงตัวชายผู้นี้มา

"ช่วงกลางปีสองของผมตอนอยู่มหาวิทยาลัย ผมได้รับโทรศัพท์ว่า แมนยูอยากจะซื้อตัวผม และทรานเมียร์ก็ตกลงยินดีขายให้นั้น ผมรู้สึกเหมือนกับฝันไปเลย"

เป็นเบอร์7ที่เท่มากอีกคนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด Steve Coppell

คอปเปลล์จึงย้ายมาแมนเชสเตอร์  แต่ว่าตอนกลับไปเรียนต่อให้จบในลิเวอร์พูลนั้นเขาต้องซ้อมด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่ได้อยู่กับทีมในเซสชั่นกลางสัปดาห์ที่แมนเชสเตอร์

"ถ้าอาทิตย์ไหนแมนยูไม่มีเตะกลางสัปดาห์ ผมจะลงเล่นในเกมลีกระหว่างแผนกการเรียนในมหาวิทยาลัย"

คอปเปลล์หัวเราะเรื่องราวที่ว่า

"เราได้เข้าชิง ไปแพ้ทีมภูมิศาสตร์ 6-1 ไม่ใช่เกมที่ดีของผมเท่าไหร่!"

การลงเล่นให้กับยูไนเต็ดช่วงสุดสัปดาห์ และเตะกลางสัปดาห์ในมหาลัยตัวเองได้กลายเป็นเรื่องปกติของคอปเปลล์

ผมได้ถามนักเตะเป็นร้อยให้อธิบายให้ฟังว่า การลงเล่นที่โอลด์แทรฟฟอร์ดนั้นเป็นยังไง และคำอธิบายของคอปเปลล์กับการเดบิวต์เปิดตัวของเขานั้น เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่เยี่ยมที่สุด

"มันยิ่งกว่านิยายซะอีก"

มีความเคะ มีความแดเนียล เจมส์ยุค70s มากๆ ทั้งเรื่องราวความเป็นปีก ลุค หน้าตา แดนเจมส์มันคอปเปลล์ร่าง2020ชัดๆ

"และถึงแม้ว่าต่อมาจะได้แชมป์ แต่วันเปิดตัววันนั้นคือไฮไลต์ของชีวิตผมจริงๆในฐานะนักเตะแมนยู หัวใจผมแทบจะออกมาข้างนอก ไม่เคยเจอเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อนเลย  วันนั้นผมรู้สึกว่าผมไม่ได้กำลังวิ่ง แต่ผมล่องลอยอยู่เหนือสนามหญ้าในที่แห่งนั้น ไม่มีคำอะไรจะสามารถมาบรรยายได้จริงๆ มันเหมือนเราอยู่ในภวังค์ร่าเริงคล้ายคนกำลังเสพยา  ผมเคยมีประสบการณ์ผ่าตัดมาก่อนนะ วันนั้นมันก็คล้ายๆตอนที่รู้สึกสบายตัวยามโดนหมอฉีดยาชาแก้เจ็บปวด แต่ว่าความรู้สึกนั้นมันคูณไปร้อยเท่าแค่นั้นเอง"

ทีมปัจจุบันของแมนยูไนเต็ดนั้นต้องได้รับการผ่าตัดใหญ่ ต้องการนักเตะใหม่เพื่อเปลี่ยนโฉมหน้า ซึ่งแดน เจมส์น่าจะเป็นเคสที่ใกล้เคียงกับเรื่องของคอปเปลล์ที่สุดที่แมนยูไนเต็ดมีในตอนนี้ และพวกเขาอาจจะนำเข้านักเตะแบบนี้เข้ามาได้อีก

ชัยชนะ6-0ในFA Cupที่ผ่านมากับทรานเมียร์นั้นทำให้แฟนบอลยูไนเต็ดฮึกเหิมอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามมันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น บอลถ้วยนี้ยังคงสำคัญสำหรับสโมสรกับการเป็นหนึ่งในสามแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นใครจะแคร์ล่ะแม้มันจะเป็นรายการที่ไม่ได้ทำกำไรอะไรมากมายเหมือนการแข่งขันอื่นๆก็ตาม


แน่นอนว่าบางทีปีนี้ก็อาจจะเป็นโอกาสดีสำหรับการพยายามคว้าแชมป์ให้ได้ กับสถิติบอลถ้วยของยูไนเต็ดปีนี้คือ ลงเตะ13นัด ชนะ9 เสมอ2 แพ้2 (ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็นการแพ้Astanaแบบที่เราเข้ารอบไปแล้วจึงส่งเด็กไปเล่นด้วยซ้ำ) ผลงานของลีกเราเองดูกากไปเลยเมื่อเทียบกับperformanceในบอลถ้วย

หลายคนรอคอยและหวังให้ยูไนเต็ดถล่มแหลกในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้คาดหวังขนาดนั้น แทนที่จะเป็นแบบนั้น พวกเขาค่อยๆทรมานทรานเมียร์ทีละน้อย ไม่พยายามเสแสร้งแกล้งลืมเรื่องที่แพ้มาห้านัดแล้วในเดือนนี้ ฟอร์มการเล่นย่ำแย่จุดปะทุความเห็นแย้งกันของแฟนบอลเรื่องที่ว่า แมนยูทำผลงานได้ตกต่ำกว่าความคาดหวังของแฟนบอลในปีนี้ซะอีก ทั้งๆที่เป็นการคาดการณ์โดยอิงกับสภาพทีมแท้จริงมากๆแล้วก็ตามที

ความหงุดหงิดไม่พอใจยังคงพุ่งเป้าไปที่ตระกูลเกลเซอร์และก็ Ed Woodward เป็นหลัก และมันจะไม่มีทางหายไปอย่างแน่นอนไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน แฟนๆยังคงร้องเพลงชื่อของOle Gunnar Solskjaerเหมือนเดิม และแน่นอนว่าพวกเขามีทุนสำรองไว้พอที่จะคอยช่วยสนับสนุนชายผู้ซึ่งมีงานยากลำบากมากๆผู้นี้

ป้ายที่ตามไปทุกสนามจนชินตา

ความเห็นเริ่มเสียงแตก มีการด่ายูไนเต็ด ก็เหมือนที่เคยๆเป็นมา โลกออนไลน์เริ่มพูดคุยกันถึงความพยายามที่จะแสดงความต่อต้านด้วยการwalkoutประท้วงในเกมวันเสาร์นี้กับวูล์ฟ ท่ามกลางคอมเม้นที่แตกต่างกันเป็นพันๆในเน็ต แต่ส่วนใหญ่แล้วเห็นพ้องตรงกันว่า ตระกูลเกลเซอร์เข้ามาเทคโอเวอร์และได้ก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลนั้นไม่ควรจะเกิดขึ้นอย่างน่าอัปยศเช่นนี้

ไม่ว่าจะอะไรก็ตามที่แฟนบอลผู้ประท้วงจะทำนั้นถือเป็นปกติวิสัย ความธรรมดาธรรมชาติที่ว่านี้จากแฟนๆนั้นสามารถทำให้โอลด์แทรฟฟอร์ดกลายเป็นสถานที่พิเศษที่แฟนบอลจะตะโกนสั่งให้ทีมของเขาเดินหน้าบุกแหลก เพราะความรู้สึกเหล่านี้มันส่งออกมาจากหัวใจข้างใน แฟนบอลที่เดินทางไปเข้าชมนั้นอดทนมานานแล้ว หลังจากที่สนับสนุนแบบอดทนอดกลั้นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ได้มีการตะโกนไล่พวกเกลเซอร์ให้ได้ยินมาเรื่อยๆแล้วกับเกมในบ้านที่เจอกับนอริชและเบิร์นลีย์นัดที่ผ่านๆมา


แล้วยูไนเต็ดจะหนีให้พ้นจากปัญหาเรื่องนี้ยังไง?

บอกเลยว่ายากมากไม่มีทาง อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ทันทีเดี๋ยวนี้อย่างแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาขายสโมสรทิ้งเพราะประเด็นสำคัญคือ พวกเกลเซอร์จะยังไม่ไปไหนทั้งนั้น ทางเดียวที่จะปรับอารมณ์แฟนบอลได้ ก็มีเพียงแค่ว่าเรื่องที่ให้ทีมชนะ / และเซ็นสัญญานักเตะใหม่ๆมาเพื่อกระตุ้นบรรยากาศนั่นเอง

บรูโน่ มา!!!!

การผ่านซิตี้ไปเข้าชิงที่เวมบลีย์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างที่เห็นเมื่อวานก่อน นับตั้งแต่เสียแรชฟอร์ดยาวๆ เทียบกับเกมเยือนปารีสที่หนักหนายิ่งกว่าการข้ามภูเขานั้นคือแมตช์ที่ยูไนเต็ดข้ามไปได้ ต้องขอบคุณการคัมแบ็คอันเหลือเชื่อครั้งนั้นจริงๆ เสียงที่นั่นดังจนแทบจะหูหนวก

แฟนบอลของพวกสโมสรเล็กๆอย่างTranmereหรือMacclesfieldนั้นอาจจะยักคิ้วใส่เวลาได้ยินว่าแมนยูไนเต็ดมีปัญหาอะไรบ้าง เพราะทางแมคเคิลสฟิลด์ก็ดูเหมือนจะอยู่ในสภาวะวิกฤตเหมือนกับโบลตัน หรือ บิวรี่เช่นกัน ที่เจอปัญหายังต้องค้างค่าจ้างนักฟุตบอลอยู่เลย ซึ่งโดยเฉพาะMacclesfieldนั้นอยู่ใกล้ๆกับบริเวณที่นักเตะแมนยูแมนซิตี้หลายๆคนพักอาศัยกันในย่านที่ว่าในบริเวณโซนใต้ของเมืองแมนเชสเตอร์ก็ตาม

ในฐานะนักข่าวและแฟนฟุตบอล ผมเขียนทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับสโมสรเล็กๆ และจ่ายเงินเข้าไปนั่งดูพวกเขาลงเตะบ่อยๆ มันทำให้ผมเศร้ามากๆ ผมไปนั่งดูMacclesfieldเพื่อที่จะเขียนถึงพวกเขาในฤดูกาลที่แล้ว ..ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เคยพลาดเวลาที่แมนยูมีปัญหาสโมสรซึ่งข่าวมันจะใหญ่เป็นอันดับต้นๆเสมอ แต่กระนั้นพวกเขาเองก็ยังเจอปัญหาอื่นๆเกี่ยวพันกันไปด้วย

คู่สีแดงเขียวของโปรตุเกส กับแมนยูไนเต็ดvsสปอร์ติ้ง เข้ากันได้อย่างลงตัวสำหรับบรูโน่ แฟร์นันดส์

ตลาดซื้อขายนักเตะยังไม่ปิด ยูไนเต็ดยังคงต้องการตัวแบบBruno Fernandesเข้ามาอีก ซึ่งในเคสของบรูโน่นั้นเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงต้องการจะย้าย ซึ่งสุดท้ายแล้วเมื่อการประนีประนอมเกิดขึ้นในเรื่องของราคาค่าตัวนั้นดีลจึงสำเร็จในที่สุด คือสำหรับแฟร์นันดส์นั้น โค้ชทีมคู่แข่งตลอดกาลของสปอร์ติ้งอย่าง Benficaได้พูดถึงเขาเอาไว้ว่า "มิดฟิลด์box to box ที่ทั้งยิงทั้งแอสซิสต์กระจุยกระจาย" คนนี้นั้นจะเป็นขวัญใจคนใหม่อย่างแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย แต่ว่าเรื่องของอาการบาดเจ็บแมนยูก็น่าจะต้องยังหายืมตัวนักเตะคนอื่นๆด้วย ไม่ว่าใครจะเข้ามาก็แล้วแต่ ใครก็ได้นั้นถ้ามาจริงจะสามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ปัญหาบาดเจ็บได้ และยังช่วยแบ่งเบาความเหนื่อยล้าให้กับทีมได้ด้วย

สำหรับระยะยาวแล้วนั้น แมนยูไนเต็ดสามารถมองหานักเตะที่มีศักยภาพคล้ายๆเคสกรณีของคอปเปลล์ได้ นักเตะอย่าง Jude Bellingham ดาวรุ่งวัย16ของเบอร์มิ่งแฮมนั้นน่าจะเข้าแก๊ปกับแผนการของโซลชาที่ต้องการเด็กหนุ่มอายุน้อย มีสปีดความเร็วจัดจ้านน่าตื่นตาตื่นใจ และเล่นเกมcounter-attackให้กับทีมได้

คล้ายๆแมนยูยุคที่Dochertyคุมอยู่ในช่วงกลางยุค 70sนั่นเอง

-ศาลาผี-

Coppell & Docherty : Old Trafford mid-70s

source : https://www.fourfourtwo.com/features/man-utd-andy-mitten-column-how-do-manchester-united-get-out-slump-1970s-lessons-steve-coppell

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด