:::     :::

หนีหนาว...ไปไหน?

วันเสาร์ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2563 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,348
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฤดูกาลแรกที่พรีเมียร์ลีกมี 'วินเทอร์เบรค' หรือ 'เบรคหนีหนาว' ช่วงเวลาราวๆ 2 สัปดาห์ บรรดา 20 สโมสรบริหารช่วงเวลาอันมีค่านี้กันอย่างไรบ้าง?

ประเด็น 'เบรคหนีหนาว' ของพรีเมียร์ลีกถูกพูดถึงกันมานานหลายปีแล้ว ก่อนได้บทสรุปร่วมกันระหว่าง สมาคมฟุตบอลอังกฤษ พรีเมียร์ลีก และฟุตบอลลีกอังกฤษ ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2018 ว่าจะมี 'วินเทอร์เบรค' ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ลูกหนังเมืองผู้ดีในฤดูกาล 2019-20

เอฟเอ มองว่าการได้พักในช่วงกลางฤดูกาล แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่น่าจะเป็นผลดีต่อนักเตะและสโมสร ส่งผลระยะยาวไปถึงทีมชาติ ที่ช่วงซัมเมอร์นี้มีศึกใหญ่ ยูโร 2020 รออยู่
แต่ที่แตกต่างจากชาวบ้านไปเล็กน้อยก็คือ 'วินเทอร์เบรค' ของพรีเมียร์ลีก ถูกวางคิวเอาไว้กลางเดือนกุมภาพันธ์ ไม่ใช่ช่วงคริสต์มาสหรือนิวเยียร์เหมือนลีกอื่นๆ
แมทช์วีคที่ 26 ถูกฉีกโปรแกรมออกเป็นสองสัปดาห์ ชุดแรก 8 ทีมจะลงเตะช่วงสุดสัปดาห์ที่ 8-9 กุมภาพันธ์ และชุดสองอีก 12 ทีม จะเล่นสุดสัปดาห์ที่ 14-17 กุมภาพันธ์
นั่นหมายความว่าจะมี 12 ทีมที่ได้พักร้อนก่อนอีก 8 ทีม
แม้ช่วงเวลา 'วินเทอร์เบรค' ถูกกำหนดเอาไว้ราวๆ 2 สัปดาห์ ทว่า แต่ละสโมสรอาจได้พักไม่เท่ากัน หนึ่งในประเด็นถกเถียงสำคัญคือเกมเอฟเอคัพ รอบ 4 นัดรีเพลย์ ที่่มาคั่นจังหวะ แต่ เอฟเอ ก็แจ้งให้ทุกสโมสรทราบถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นไปตั้งแต่แรกแล้ว
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, เซาธ์แฮมป์ตัน, นิวคาสเซิ่ล คือสามทีมที่ถูกบั่นทอนเวลา 'วินเทอร์เบรค' ขณะที่ ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นทีมเดียวที่ไม่สนใจคำครหา มอบหมายให้เฮดโค้ชทีมชุดยู-23 จัดการคุมทัพเด็กลงเล่น และยังผ่านเข้ารอบได้ด้วย
ทีมที่ได้พักช่วง 'วินเทอร์เบรค' ยาวนานกว่าใครเพื่อน ถึง 16 วัน มีด้วยกันสองทีมคือ เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะโปรแกรมถัดไปทั้งสองทีมจะพบกันที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเกมมันเดย์ไนท์ที่ 17 กุมภาพันธ์
ส่วนทีมที่ได้พักน้อยที่สุดคือ เซาธ์แฮมป์ตัน เพียง 10 วันเท่านั้น เหนื่อยล้าร่างกายเพราะต้องเล่นเกมรีเพลย์ เอฟเอคัพ รอบ 4 แถมยังต้องช้ำจิตใจ เพราะทีมตกรอบด้วยการแพ้ สเปอร์ส 2-3
จากบรรดา 20 สโมสร ผู้จัดการทีมแต่ละคน ตัดสินใจวางแผนใช้ 'วินเทอร์เบรค' แตกต่างกันออกไป อย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ ของ เอฟเวอร์ตัน, รอย ฮ็อดจ์สัน ของ คริสตัล พาเลซ, สตีฟ บรูซ ของ นิวคาสเซิ่ล, เอ็ดดี้ ฮาว ของ บอร์นมัธ, ชอน ไดช์ ของ เบิร์นลี่ย์, ดีน สมิธ ของ แอสตัน วิลล่า ฯลฯ เปิดทางให้ลูกทีมไปพักผ่อนกันตามสะดวก
ขณะที่ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ของ วูลฟ์แฮมป์ตัน พาลูกทีมไปเก็บตัวกันที่ มาร์เบย่า ประเทศสเปน, คริส ไวล์เดอร์ วางคิวยกพล เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไปเข้าแคมป์กันที่ ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น
ทีนี้มาดูบรรดา 6 ทีมใหญ่ หรือ 'บิ๊กซิกซ์' พรีเมียร์ลีกว่าวางแผนช่วงเวลา 'วินเทอร์เบรค' กันอย่างไรบ้าง?
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
(เกมถัดไป เหย้า เวสต์แฮม วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์)
เรือใบสีฟ้า กลายเป็นทีมเดียวในบรรดา 6 ทีมใหญ่ ที่จะลงเตะในช่วงสัปดาห์แรก และพัก 'วินเทอร์เบรค' ในช่วงสัปดาห์ที่สอง แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่ได้แพลนอะไรเอาไว้ เพียงแต่จะให้นักเตะได้พักผ่อนกับครอบครัวตามอัธยาศัยหลังจบเกมวันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ ก่อนจะกลับมาซ้อมตามปกติเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเกมเยือน เลสเตอร์ 22 ก.พ. โดยระหว่างนี้ไม่มีโปรแกรมชปล. รอบ 16 ทีมสุดท้ายมาคั่นกลาง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
(เกมถัดไป เยือน เชลซี วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์)
เดิมที โอเล่ กุนนาร์ โซลชา วางแผนนำลูกทีมไปเข้าแคมป์เก็บตัวสัมผัสความอบอุ่นกันที่ กาตาร์ แต่ก็ต้องยกเลิกแผนการดังกล่าว เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย มาร์เบย่า ประเทศสเปน จึงกลายเป็นตัวเลือกแทน โดยบรรดานักเตะผีแดงได้พักผ่อนตามอัธยาศัยตั้งแต่จบเกมเสมอ วูล์ฟส์ 0-0 เรื่อยมาจนชนอีกเสาร์ ถึงกลับมารวมพลกันไปเข้าแคมป์ แต่ระหว่างนี้ก็ได้เห็น เจสซี่ ลินการ์ด กับ ลุค ชอว์ ไปเข้าคอร์สฝึกซ้อมพิเศษอยู่ที่ ดูไบ ด้วย
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
(เกมถัดไป เยือน แอสตัน วิลล่า วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์)
เจอโปรแกรมเอฟเอคัพ รอบ 4 นัดแข่งใหม่กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ช่วงกลางสัปดาห์เข้าไป ทำให้ช่วงเวลา 'วินเทอร์เบรค' ถูกหั่นจาก 14 วันเหลือ 11 วัน โชเซ่ มูรินโญ่ จึงทำตัวขวางโลกอีกครั้ง ไม่สนใจเรื่องเบรคหนีหนงหนีหนาวเหมือนทีมอื่นๆ เพราะต้องการให้ลูกทีมมีสมาธิอย่างเต็มที่สำหรับเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรกที่จะเจอกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ถัดจากเกมเจอ แอสตัน วิลล่า
เชลซี
(เกมถัดไป เหย้า แมนฯ ยูไนเต็ด วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์)
แฟร้งค์ แลมพาร์ด ไม่ได้วางแผนนำลูกทีมไปเก็บตัวกันที่ไหน เพราะเปิดไฟเขียวให้นักเตะได้พักผ่อนไปเที่ยว กลับบ้านเกิด หรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ ก่อนกลับมามุ่งมั่นซ้อมกันต่อ เพราะมีศึกใหญ่ในรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ 3 นัดติดต่อกัน เจอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 17 กุมภาพันธ์, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 22 กุมภาพันธ์ และรอบ 16 ทีมสุดท้าย ชปล. เจอ บาเยิร์น มิวนิค 25 กุมภาพันธ์
อาร์เซน่อล
(เกมถัดไป เหย้า นิวคาสเซิ่ล วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์)
หลังจากปล่อยให้นักเตะหลบหน้าไปพักผ่อนส่วนตัวตั้งแต่จบเกมที่บุกเสมอ เบิร์นลี่ย์ 0-0 ก็ถึงเวลาที่ มิเกล อาร์เตต้า เฮดโค้ชหนุ่ม นำลูกทีมรวมตัวกันไปเข้าแคมป์ที่ ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หวังสร้างความสามัคคีในหมู่คณะกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด แม้ต้องแลกกับการเดินทางไกล แต่เมื่อดูโปรแกรมที่รออยู่ เป็นเกมเปิดบ้านเจอกับ นิวคาสเซิ่ล วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ ก็ถือว่าไม่ได้หนักหนาอะไรนัก
ลิเวอร์พูล
(เกมถัดไป เยือน นอริช วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์)
อย่างที่เกริ่นไป ลิเวอร์พูล เป็น 1 ใน 4 ทีมพรีเมียร์ลีกที่ต้องเล่นรีเพลย์ รอบ 4 เอฟเอคัพ ซึ่งจะทำให้ช่วงเวลา 'วินเทอร์เบรค' จะลดลงเหลือ 11 วัน แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น จึงมอบหมายให้ นีล คริทช์ลี่ย์ เฮดโค้ชทีมชุดยู-23 นำทัพดาวรุ่งลุยถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และปล่อยให้นักเตะในทีมชุดใหญ่แยกย้ายกันไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะไม่มีอะไรต้องกดดันกับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ เราจึงได้เห็น อาลีสซง กลับบ้านเกิด บราซิล, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โผล่ที่ มัลดีฟส์, โจ โกเมซ ไป แคลิฟอร์เนีย, อดัม ลัลลาน่า อยู่ใน ไมอามี่ เป็นต้น ยกเว้นเพียง เจมส์ มิลเนอร์ ที่ทำตัวเป็นรุ่นพี่แบบอย่าง ขออยู่ช่วยรุ่นน้องทำศึกเอฟเอคัพ แม้ไม่ต้องลงเล่น แต่ก็ส่งใจเชียร์ถึงขอบสนาม

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด