"กำแพงมูนวอล์ค" และภารกิจWalk to the moonของแมกเลิฟ
คู่หูแนวรับ แฮรี่ แมกไกวร์ และ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟกล่าวว่า ความสัมพันธ์ในฐานะคู่หูตัวกลางของพวกเขาค่อยๆพัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพวกเขากำลังแฮปปี้กับการเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันพวกเขาทั้งสองคือหัวใจของแนวรับปีศาจแดง
จากการจับคู่ที่เข้าขากันเรื่อยๆ หลังจากที่ช่วยเซฟ7คลีนชีทให้กับทีมในเก้าเกมหลังสุด ซึ่งแม้ฟอร์มแมนยูจะห่วยและบู่เพียงใดในด้านการตั้งเกมรุก ขณะที่แฟนบอลด่าๆฟอร์มการเล่นของกองหลังมูนวอล์คคู่นี้นั้น เราอาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไปเพราะแฟนบอลหงุดหงิดกับฟอร์ม แต่จริงๆแล้วเราได้คลีนชีทรัวๆเช่นกัน นั่นแปลว่าแนวหลังก็ถือว่าไว้ใจได้พอสมควร ดังนั้นสกู๊ปนี้จึงได้ตัวทั้งสองคนมานั่งลงและพูดคุยถึงเรื่องราวในสนาม หลังการซ้อมในเซสชั่นที่เข้มข้นที่สเปนในสัปดาห์อันอบอุ่นที่ผ่านมา ณ แคมป์เก็บตัว
ทั้งคู่พอใจกับผลงานร่วมกันในสนามที่แสดงสัญญาณที่ดีของการจับคู่กันอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวด้านความเข้าขาในการเล่น ซึ่งจากการเล่นร่วมกันของพวกเขามันเริ่มที่จะพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"มันเยี่ยมนะ เรามีฤดูกาลการเล่นที่ดีมาด้วยกัน เมื่อมันมีการที่จำเป็นต้องมาจับคู่กันมันก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยในการจูนฟอร์มเล่นร่วมกัน ผมเรียนรู้วิธีการเล่นของเขา และเขาก็คอยเรียนรู้ผม ผมคิดว่าเราเข้ากันได้ดีขึ้นนะ"
แฮรี่ แมกไกวร์กล่าวเบื้องต้น
"พวกเราพยายามจะเก็บคลีนชีทให้ได้มากกว่าช่วงต้นฤดูกาล ตอนที่ปล่อยโอกาสหลุดมือไปมากมายนั่นเรายังไม่ค่อยจะเข้าขาเป็นทีมเดียวกันเลยด้วยซ้ำ พวกเราฟอร์มแย่และรับมือกับเซ็ตเพลย์ไม่ดีเท่าไหร่เวลาต้องป้องกันการบุกคู่ต่อสู้ และยังมีโดนลูกประเภทยิงไกลนอกกรอบที่ยิงโคตรดีอีกหลายลูก แต่เราก็ไม่ได้ทำให้ทีมต้องเจอกับเกมประเภทที่ว่า ดาวิดต้องเหนื่อยเซฟพัลวันทีนึง5-6ครั้งต่อเกม ยกเว้นอาจจะตอนนัดคาราบาวคัพเลกสองที่เจอแมนซิตี้ นัดนั้นดาวิดองค์ลงเลยล่ะ"
"มันเป็นความเข้าขากันที่ต้องค่อยๆสร้างขึ้นมา และผมคิดว่าพวกเราจะดีขึ้นกว่านี้อีก ซึ่งก็จะพยายามเก็บคลีนชีทให้มากกว่านี้ด้วยเหมือนในช่วงที่ผ่านมาที่เราทำได้"
วิคตอร์ ลินเดอเลิฟเห็นด้วยและกล่าวเสริมว่า
"มันเยี่ยมมากๆครับที่ได้เล่นกับแฮรี่ เขาเป็นนักเตะที่น่ามหัศจรรย์นะและดีใจที่ได้เป็นคู่หูกับเขา เราอยากชนะมากกว่านี้นะ และผมคิดว่า ทุกๆเกมที่เราได้เล่นด้วยกันเราค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ ก็หวังว่าเราจะยังคงพัฒนาต่อไปและช่วยทีมให้ได้คลีนชีทแบบนี้เพื่อได้ผลการแข่งที่ดีมากขึ้นไปอีก"
ในระหว่างบทสนทนาครั้งพิเศษนี้ แมกไกวร์และลินเดอเลิฟก็ได้เล่าให้ฟังถึงความสำคัญของการซ้อมในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของฤดูกาล 2019/20
"อากาศที่นี่ดีมากเลย เหมือนได้รางวัลหรือได้ของขวัญเสมอเวลาที่มีโอกาสได้มาที่ดีๆแบบนี้นะ มันดีเลยที่ได้มาอยู่รวมกันที่นี่และก็พยายามทำงานหนักในสนามซ้อมเพื่อที่จะสานสัมพันธ์ในทีม ช่วงที่ผ่านมาเราต้องลงเล่นเยอะมากๆ แทบจะหาไม่ได้เลยที่สัปดาห์ไหนเราไม่ต้องลงแข่ง หายากจริงๆ"
"ขนาดเตะเอฟเอคัพยังต้องรีเพลย์เลยแม่คุณเอ๊ย ดังนั้นมันจึงดีมากๆที่จะได้เวลาสักหนึ่งอาทิตย์ รึสัก10วันที่ควรค่าแก่การมาฝึกซ้อมเพิ่มเติมแบบนี้"
แฮรี่กล่าวเอาไว้แบบนี้ในขณะที่ลินเดอเลิฟก็แถมไว้ให้ด้วยว่า
"มันดีไปเลยที่ได้พักบ้างในสัปดาห์ที่แล้วเพื่อที่จะผ่อนคลาย ฟื้นฟูและก็ได้พักร่างกาย รวมถึงได้พักใจด้วย จริงๆรู้สึกเยี่ยมมากเลยที่ได้กลับมาที่นี่ อยู่ตรงนี้ที่Marbella ผมคิดว่าคนอื่นๆทุกคนก็น่าจะแฮปปี้เหมือนกัน"
และนี่คือบทสัมภาษณ์สั้นๆเกี่ยวกับความสัมพันธ์และฟอร์มการเล่นคู่กันของ แฮรี่ แมกไกวร์ และ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ซึ่งเราก็เห็นเป็นเช่นนั้นจริงๆดังที่ได้เกริ่นมาแล้วว่า เราอาจจะถูกบดบังไปด้วยผลการแข่งขันที่ย่ำแย่ที่ทีมไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ หรือบางทีก็แพ้คาบ้าน แต่ถ้าหากพิจารณาดูแต่เฉพาะพาร์ทเกมรับแล้ว ไอ้ที่เราเห็นทั้งคู่เหวอบ้าง พลาดบ้าง แต่"ภาพรวม" แฮรี่ แมกไกวร์ และ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ก็ช่วยกันทำงานเท่าที่จะทำได้ จนในที่สุดแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดสามารถเซฟคลีนชีทได้รัวๆในระยะหลังแบบที่เราไม่ทันรู้ตัว หรือคิดจะมองเลยด้วยซ้ำไป
ดังที่แมกไกวร์บอก ปัจจุบันนี้เราไม่จำเป็นต้องเห็นดาวิด กลายสภาพเป็นเป็นเดอะแบกแบบ "อิชากาวะ โกเอม่อน" ที่แบกลูกชายเหนือน้ำจนตัวตายอีกเลย เพราะงานของเดเคอาลดน้อยลงมาก ต่อเกมแทบจะมีจังหวะเซฟไม่กี่ครั้งหากไม่เจอคู่ต่อสู้ระดับแมนซิตี้จริงๆ จะมีช็อตโชว์ค่อนข้างน้อย ซึ่งสะท้อนการสกรีนงานจากแผงแนวรับได้เป็นอย่างดี
กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว เราไม่ได้บอกว่า คู่หู แมกไกวร์-ลินเดอเลิฟ คือคู่หูที่ยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบ พร้อม และเล่นได้อย่างแข็งแกร่งเพียงพอแล้วหรือไม่
คำตอบคือ "ไม่ใช่"
(ซึ่งผมเชื่อว่า แฟนผีภายนอกบางคน ยังไม่ทันอ่านบทความจบอย่างละเอียด มักจะเม้นตามsocialข้างนอกในเฟซบุคอย่างแน่นอนว่า บทความอวยไอ้สองคนนี้อีกแล้ว แต่พวกพี่แกก็อ่านหนังสือไม่เกิน7บรรทัดด้วยซ้ำ ผมเชื่อว่าคนพวกนั้นอ่านมาไม่ถึงบรรทัดนี้ที่ผมเขียนหรอก)
หากใครได้ดูการเล่นของแมนยูไนเต็ดทุกนัดโดยละเอียดแบบเราๆท่านๆที่กำลังอ่านอยู่ ซึ่งแน่นอนรวมถึงผมด้วยที่นั่งดูฟอร์มเจ้าพวกนี้ทุกนัด ผมก็บอกเลยว่า มันยังมีจุดอ่อนที่ต้องแก้และพัฒนากันอีกเพียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจกัน และการแบ่งหน้าที่ที่ยังจำเป็นต้องดีกว่านี้ในการสั่งการ และเลือกตัดสินใจว่า ใครจะเข้า ใครจะถอย
ทุกวันนี้สองคนนี้เป็นกองหลังสไตล์เดียวกันเป๊ะๆ ดังนั้นมันไม่แปลกเลยว่าทำไมจะไม่มีใครเป็นตัวStopperที่จะ "พุ่งเข้าหาบอล" ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะทั้งคู่จะใช้วิธีป้องกันในการ "ถอย" รักษาระยะและพื้นที่ เพื่อไม่ให้คู่แข่งหลุดเข้าไปในตำแหน่งสำคัญ ซึ่งวิธีการแบบนี้มันจึงมักจะไม่ได้เป็นการ "หยุด" คู่ต่อสู้ได้ในทันทีทันใด ซึ่งต่างจากกองหลังสายสต็อปเปอร์มากๆ
ชื่อก็บอกอยู่แล้ว CBที่เป็น Stopper มันคือตัวเข้าไป"หยุด" ส่วนทั้งคู่เป็นกองหลังสายดักทางแนว Ball-playing เน้นการเล่นกับบอล คุมบอล ไม่ว่าจะเป็นเกมรับหรือการตั้งเกมขึ้นไปรุกก็ตามที
ภาพที่เราเห็นจึงเป็น "กำแพงมูนวอล์ค" ถอยตามคู่ต่อสู้ที่จี้ใส่เข้ามาเรื่อยๆดังที่เป็นอยู่
ตรงจุดนี้ถามว่ามันเป็นความผิดใครไหม .. จริงๆผมควรพูดได้ว่าเป็นเพราะการที่ไม่มีกองหลังตัวที่สไตล์แตกต่างเอาไว้ใช้งานต่างหาก ซึ่งข้อนี้ไม่ว่ากันเพราะตัวเลือกเราไม่มีจริงๆ Stopperที่มีสองคนคือ ไบญี่ ยังไม่ฟิต ในขณะที่โจนส์ ไม่ดีพอจะเป็นตัวจริงอีกต่อไปแล้ว ต้องใช้ยามจำเป็นเท่านั้น ดังนั้นคนที่ฟอร์มดีสุดในทีมสองคน มันเป็นBall-playingทั้งคู่ การจะต้องเลือกสองคนนี้ลงสนามไปคู่กันก่อนถือว่า "เข้าใจและพอจะยอมรับได้"
เนื่องจากความavailableของนักเตะในทีมจริงๆ
หากในอนาคต เราจะได้ไบญี่ที่ฟิตสมบูรณ์กลับมา อาจจะรวมถึงตวนเซเบ้ด้วย เราน่าจะมีคอมโบคู่CBที่ดีและหลากหลายไว้ใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันมากกว่านี้ หากเกมที่เจอทีมบุกดีกว่า ครองบอลดีกว่า อาจจะเลือกคู่ตัวชน1ตัวรอง1ก็ได้ แต่ถ้าเป็นเกมที่เจอทีมรองบ่อน การใช้แมกเลิฟเป็นตัวตั้งเกม ครองบอลทั้งคู่ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
มันจึงเป็นข้อสรุปที่ว่า แมกไกวร์-ลินเดอเลิฟนั้น ยังเป็นคู่หูที่มีจุดอ่อนอยู่มาก ทั้งการเล่นของทั้งคู่เอง ความเข้าขา และในด้านของแทคติกการเล่นที่ สไตล์เหมือนกันเกินไปจนทำให้ภาคการป้องกันมีปัญหาบางจุด
แต่
บทความนี้เป็นการชี้ให้เห็นถึง ฟอร์มการเล่นที่เข้าขากันขึ้นเรื่อยๆ และทำผลงานเกมรับได้ดีจริงๆดังที่กล่าวเรื่องคลีนชีทเอาไว้แล้ว และทั้งคู่ก็ยังแฮปปี้ที่ได้ร่วมงานกัน และค่อยๆพัฒนาการเล่นคู่กันขึ้นเรื่อยๆ
ผมเชื่อว่าอย่างน้อยที่สุด เกมรับในฤดูกาลนี้ของเรามันก็เลยจุดที่น่าเป็นห่วงไปไกลแล้ว เมื่อมีคู่หูสองคนที่ฟอร์มดีที่สุดในpoolนักเตะCBขณะนี้ และยังมีตัวสอดแทรกอย่าง Aaron Wan-Bissaka ที่ช่วยเติมเต็มความเหนียวนี้อีก
ขอให้พัฒนาต่อไปในอนาคตแบบนี้ ผมเชื่อว่า "เวลา" จะทำให้คู่หูคู่นี้ดีขึ้นได้มากกว่านี้อีก ทั้งๆที่เป็นเพียงแค่ฤดูกาลแรก แต่สามารถสัมผัสได้ถึงความเหนียวแน่นในเกมรับที่ช่วยทีมได้แล้ว
ลองจับไอ้เลิฟมาเปลี่ยนทรงผม กร้อนหัวเกรียนซะหน่อย จะได้ดูดุดันๆ เผื่อจะหลอกให้คู่ต่อสู้รู้สึกตกใจในความเถื่อนได้บ้าง
สู้ต่อไป คู่กำแพงมูนวอล์ค เปลี่ยนคำครหาสบประมาท ให้กลายเป็นภารกิจพุ่งทะยานสู่ดวงจันทร์บนท้องฟ้าไกลให้ได้
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่..
Run through the sand dune,
Walk to the moon,
Shine like the sun,
..and it will be soon.
-ศาลาผี-