:::     :::

ต้องแบบนี้

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 คอลัมน์ โรงเตี๊ยมลูกหนัง โดย ทอมมี่ ท่ามะกา
2,166
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังพักเบรกหนีหนาวไป 2 สัปดาห์ อาร์เซน่อล กลับมาเก็บชัยชนะได้สวยงามในเกมเปิดรังไล่ขย่ม นิวคาสเซิ่ล 4-0

เป็นการกลับมาชนะอีกครั้งหลังเสมอในลีกตลอด 4 นัดหลังสุดจนกลายเป็นทีมที่เสมอมากสุดในลีก 13 นัดเข้าให้แล้ว 

"เราบอกก่อนเกมว่าเราต้องการเปลี่ยนผลเสมอให้เป็นชัยชนะ และฟอร์มการเล่นในบ้านก็สำคัญอย่างยิ่งหากเราต้องการทำในสิ่งพิเศษให้ได้ในฤดูกาลนี้"

มิเกล อาร์เตต้า บอกลูกทีมเอาไว้แบบนี้ก่อนเกมและเขาก็ได้เห็นในสิ่งที่ต้องการหลังจบเกม 

"หนึ่งสัปดาห์ก่อนเราเดินทางไปดูไบ เราเสมอ เบิร์นลี่ย์ และทุกอย่างก็ดูเหมือนห่างไกลเกินไปแล้ว มันดูเหมือนต้องท็อปฟอร์มจริงๆ เพื่อทำให้ได้ (ตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก)" 

"วันนี้ เรารู้สึกว่ามันใกล้มากขึ้นเล็กน้อย แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเรา เราจำเป็นต้องพัฒนาต่อเนื่องและเล่นให้ได้คงเส้นคงวาตลอด 90 นาที หากเราสามารถปรับตรงนี้ได้ ฟอร์มการเล่นของเราจะนำไปสู่ผลการแข่งขันที่ดีกว่านี้อีกมาก"

การเล่นให้ได้คงเส้นคงวาตลอด 90 นาทีคือสิ่งที่ อาร์เตต้า เน้นมากและพยายามปรับแก้มาตลอด ทว่ายังไม่เข้าที่เข้าทางมากนัก

ในช่วงเกือบครึ่งชั่วโมงแรก นิวคาสเซิ่ล ของ สตีฟ บรูซ มีจังหวะโจมตีน่าหวาดเสียวมากกว่า ความเร็วความคล่องตัวของ อัลล็อง แซงต์ มักซิแม็ง และ มิเกล อัลมิรอน สร้างปัญหาให้แนวรับปืนใหญ่ได้อย่างมาก

อาร์เซน่อล จูนกันไม่ติดในช่วงแรก ส่วนหนึ่งเพราะการจัดตัวของ อาร์เตต้า ที่เซอร์ไพรส์พอสมควรกับ 3 ตำแหน่งที่เปลี่ยนจากนัดเสมอ เบิร์นลี่ย์  


โอบาเมย็อง ขึ้นโขกง่ายดาย

อาร์เตต้า เลือกให้โอกาส เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ หัวหอกดาวรุ่งลงตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในชีวิต ขณะที่ ดานี่ เซบายอส ก็ได้ออกสตาร์ทครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เช่นเดียวกับ นิโกล่าส์ เปเป้ ที่กลับมาลุยตั้งแต่นาทีแรก

ตัวรุกนิวคาสเซิ่ลที่ความเร็วสามารถใช้ทีเด็ดตรงนี้พาบอลฝ่าถึงพื้นที่อันตรายของอาร์เซน่อลได้หลายครั้งและน่าจะได้ประตูนำหากหน้าเป้าอย่าง โชเอลินตอน พาตัวเองไปอยู่ในพื่นทีที่พร้อมยิงมากกว่านี้  

ดานี่ เซบายอส ไม่ใช่กลางรับ การเบรกเกมหรือชะลอเกมรุกคู่แข่งจึงไม่สามารถทำได้แบบ ลูคัส ตอร์เรยร่า อีกทั้ง กรานิต ชาคา ยังเสียท่าโดนเหลืองตั้งแต่ไม่ถึงสิบนาทีเพราะดึงเสื้อ 

ตรงกลางของ อาร์เซน่อล จึงตั้งหลักไม่ได้และปล่อยให้ นิวคาสเซิ่ล ได้เล่นอย่างถนัดกับการมีผู้เล่นเลี้ยงบอลได้ดีหลายคน 

เอ็นเคเทียห์ กับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต ได้เล่นบอลพอสมควรแต่การประสานงานกับรุ่นพี่ยังไม่ "คลิก" มากนัก ไม่ว่าจะเป็นจังหวะชิ่งหนึ่งสองกับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง หรือ เมซุต โอซิล หลอกข้ามให้บอลทะลุไปถึง

แต่เข้าสู่ 20 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก อาร์เซน่อล เริ่มหาจังหวะการเล่นของตัวเองได้และมีโอกาสจบเกือบทุกครั้งที่พาบอลถึงหน้าเขตโทษนิวคาสเซิ่ล เพียงแต่รีบจนเกินไปจนขาดความแม่นยำ 

จุดเปลี่ยนจริงๆ เกิดขึ้นในต้นครึ่งหลังที่ อาร์เซน่อล ได้ 2 ประตูในช่วงเวลาห่างกันไม่ถึง 3 นาที 

ลูกโขกประตูแรกของ โอบาเมย็อง ได้มาง่ายจนน่าแปลกใจในการเล่นเกมรับของทัพสาลิกาทั้งที่ครึ่งแรกยืนตำแหน่งกันได้ดีมากกับระบบ 3 เซนเตอร์แบ็ก 

ลูกเปิดจากฝั่งขวาของ นิโกล่าส์ เปเป้ ไม่ได้พุ่งแรงจนตั้งตัวไม่ทัน บอลลอยโด่งและอยู่ในอากาศค่อนข้างนาน ทว่า โอบาเมย็อง กลับได้ขึ้นโขกคนเดียวเน้นๆ ก่อนขวิดบอลลงพื้นย้อนกลับเสาแรกตามตำรา 


นิโกล่าส์ เปเป้ ยิง 1 จ่าย 2 ในนัดนี้

เป็นจังหวะเข้าทำเหมือนการซ้อมเพราะไม่มีผู้เล่นนิวคาสเซิ่ลรบกวน คนอยู่ใกล้สุดคือ วาเลนติโน่ ลาซาโร่ หนึ่งในตัวใหม่ของสาลิกาที่ได้มาในตลาดหน้าหนาว ก็แค่เขย่งด้วยปลายเท้า ไม่ได้เทคตัวขึ้นเบียดหัวหอกปืนโตแต่อย่างใด

ลาซาโร่ มาเสียท่าอีกรอบในประตูที่ 2 ของอาร์เซน่อลที่โดนเด็กวัย 18 ปีอย่าง บูคาโย่ ซาก้า และบอลลอดขาก่อนเปิดให้ เปเป้ ตวัดนิ่มๆ 

ผู้เล่นนิวคาสเซิ่ลยืนกันเต็มเขตโทษ แต่เทไปข้างหน้า ปล่อยพื้นที่โล่งให้ ซาก้า ได้เปิดเข้าไปแบบไม่ต้องคิดมาก จังหวะนี้หากไม่มี เปเป้ วิ่งสอดมายิง ชโคดราน มุสตาฟี่ ก็รออยู่แล้ว

เกมรับของนิวคาสเซิ่ลพังลงใน 2 ประตูนี้ และอาร์เซน่อลก็เล่นได้ง่ายขึ้นมาก

เมซุต โอซิล ที่ครึ่งแรกก็เด่นอยู่แล้ว มีส่วนร่วมในเกมรุกมากยิ่งขึ้น ได้โชว์สเต็ป พลิกบอลดึงเร็ว-ช้าตามใจสั่ง การจ่ายบอลเชื่อใจได้ ไม่ขาดไม่เกิน เพื่อนร่วมทีมพร้อมเล่นต่อได้เลย 

เซบายอส ที่ติดๆ ขัดๆ อยู่บ้างในช่วงแรกก็เริ่มเล่นได้ตามศักยภาพที่มี ช่วยทีมเปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุกได้อย่างรวดเร็ว เอาตัวรอดเก่ง และเหมือนเป็นคนที่คอยซัพพอร์ทการเล่นให้ โอซิล เพราะเซนส์ฟุตบอลทันกัน 

เมื่ออาร์เซน่อลคอนโทรลทุกอย่างเอาไว้ได้ เกมรุกของนิวคาสเซิ่ลก็ถูกปิดไปด้วย มีเพียงจังหวะชงเองกินเองของ มักซิแม็ง ที่ปั่นชนเสาเท่านั้นที่ได้ลุ้นตลอดครึ่งหลัง 


ลากาแซ็ตต์ ลงสำรองแต่มี 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์

2 ประตูในช่วงท้ายจาก โอซิล และ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ที่ลงเป็นสำรองจึงเหมือนโบนัสเพราะสถานการณ์ตอนนั้น นิวคาสเซิ่ล เริ่มหมดแรงและยืนตำแหน่งกันหละหลวมมากขึ้น 

อาร์เตต้า กล่างหลังเกมว่า "เราเริ่มควบคุมเกมได้ดีขึ้นหลังผ่าน 25 นาทีแรก และในช่วงพักครึ่ง เราก็พูดคุยกัน จากนั้นเราทำได้ดีขึ้นมากในครึ่งหลัง"

ทีมของ อาร์เตต้า กลับมาชนะในลีกเป็นนัดแรกนับตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ที่ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 และรักษาสถิติไร้พ่ายนับตั้งแต่ขึ้นปี 2020 เป็นต้นมา 

ทีมมีความหวังมากขึ้นกับพื้นที่ชปล. ที่อยู่ห่างอันดับ 4 เชลซี 7 คะแนน (ก่อนเชลซีลงเล่นมันเดย์ไนท์กับ แมนฯ  ยูไนเต็ด) และห่างอันดับ 5 สเปอร์ส 6 คะแนนในกรณีโควตาหล่นมาถึงอันดับ 5 จากปัญหาการติดโทษแบนเกมยุโรปของ แมนฯ ซิตี้  

นี่คือชัยชนะที่สวยงามอย่างยิ่งและน่าจะเพิ่มความเชื่อมั่นสำหรับเส้นทางที่เหลือได้อย่างมากทีเดียว 

นอกจากนี้ยังมีสิ่งดีงามอีกหลายอย่างเกิดขึ้นดังนี้

- ไม่แพ้ใครจากทุกรายการนับตั้งแต่ขึ้นปี 2020 เป็นต้นมา (ชนะ 4 เสมอ 5)

- คลีนชีต 2 นัดติดเป็นครั้งแรกในฤดูกาล

- ชนะในลีกด้วยความห่าง 4 ประตูเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี

- โอบาเมย็อง, เปเป้, โอซิล และ ลากาแซ็ตต์ ยิงประตูพร้อมกันเป็นครั้งแรก

- โอซิล ยิงประตูแรกในลีกรอบ 301 วัน

- ลากาแซ็ตต์ ยิงประตูแรกในลีกรอบ 72 วัน

- บูคาโย่ ซาก้า ทำสถิติเด็กสุดในลีกที่มี 2 แอสซิสต์ด้วยวัย 18 ปี 164 วัน

- นิโกล่าส์ เปเป้ มีส่วนร่วม 3 ประตู (1 ประตู, 2 แอสซิสต์) ในนัดเดียวเป็นครั้งแรกในฤดูกาล

- นิโกล่าส์ เปเป้ ทำไป 5 แอสซิสต์ในลีก มากกว่าทุกคนในทีม

- ประตูของ โอซิล มาจากการต่อบอล 35 ครั้ง มากกว่าทุกประตูจากทุกทีมที่เกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้


อาร์เซน่อล ต่อบอล 35 ครั้งก่อนจบด้วยการยิงของ โอซิล


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})