ทั้งสองที่มีขั้วตรงข้ามกันสุดลิ่มทิ่มประตูกำลังพา เอฟเวอร์ตัน ไปในที่ไหนสักแห่งซึ่งไม่มีทางเกิดขึ้นได้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว

    คุณอาจคิดว่าทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะยอดคนชาวอิตาเลี่ยนที่เปลี่ยนทีมลุ้นหนีตกชั้นกลายมาเป็นความหวังในการยึดโควต้ายุโรป แต่ผู้ช่วยของเขาก็สมควรที่จะได้รับเครดิตไม่แพ้กัน

    อันที่จริงแล้วมันเป็นความสมดุลย์ของทั้งสองที่ดูเหมือนจะสร้างความสามัคคีซึ่งเคยเป็นปัญหาของทีมมานานแสนนาน

    หากคุณยังมีข้อสงสัยสำหรับคำชื่นชมทั้งหมดนั้น ก็ลองหันไปมองดูตารางคะแนนในลีกช่วงต้นเดือนธันวาคม ซึ่ง มาร์โก ซิลวา ยังกุมบังเหียนอยู่

    เวลานั้น ทีมตราลูกอมรั้งอันดับ 14 โดยมีคะแนนเหนือทีมโซนตกชั้นแค่ 2 แต้มเท่านั้น และก็เพิ่งจะโดนเพื่อนบ้านสีแดงอัดมาจนสะบักสะบอมด้วยสกอร์ 5-2

    ซิลวา ถูกขวานฟันกลางหน้าผาก และเก้าอี้นายใหญ่แห่งถิ่นกูดิสัน พาร์ค ก็ว่างลง

    'บิ๊กดังค์' อันเป็นที่รักของสาวกเอฟเวอร์โตเนี่ยน หลังยิงไป 69 ประตูในพรีเมียร์ลีกให้ทีมสมัยเป็นนักเตะถูกดันขึ้นทำงานแบบขัดตาทัพ

    เขาออกสตาร์ทด้วยการพาทีมที่ใครหลายคนมองว่าสภาพเละเทะเอาชนะอันดับ 4 อย่าง เชลซี 3-1 จากนั้นก็เสมอในลีกกับทั้ง อาร์เซน่อล และ แมนฯ ยูไนเต็ด แถมยังบุกไปเสมอ เลสเตอร์ 2-2 ในถ้วยลีก คัพ ก่อนจะพ่ายแพ้ในช่วงดวลเป้า

    เรือลำนี้ภายใต้การนำพาของนักเตะเก่าสุดห้าวดูจะไปได้สวย แต่ก็มีการพูดคุยกันว่า เดวิด มอยส์ หรือแม้แต่ แซม อัลลาร์ไดซ์ อาจรีเทิร์นกลับมา ซึ่งนั่นทำให้แฟนๆ เอฟเวอร์ตัน สโมสรจะวนกลับไปยังจุดเดิม

    กระนั้น อันเชล็อตติ ที่เพิ่งจะโดน นาโปลี ตะเพิดออกมามีชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดต และเขาคือคนที่แฟนๆ ให้ความเชื่อถือ

    สุดท้ายอดีตนายใหญ่ ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, เชลซี, เปแอสเช, เรอัล มาดริด และ บาเยิร์น ก้าวเข้ามารับตำแหน่งกุนซือทอฟฟี่ก่อนวันคริสต์มาส ซึ่งนั่นทำให้ใครหลายคนขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

    ตั้งแต่นั้น เอฟเวอร์ตัน ก็มีแต่ดีขึ้น ดีขึ้น และก็ดีขึ้น

    เฟอร์กูสัน เป็นคนจัดเตรียมกำลังรบ ขณะที่ อันเชล็อตติ ก็ได้รับความเคารพจากชื่อเสียง, บุคลิก และเกียรติประวัติส่วนตัวของเขา

    ดูโอ้คู่นี้เหมือนเป็นตัวจุดระเบิดให้กับ เอฟเวอร์ตัน และตอนนี้พวกเขาก็มีอันดับเหนือกว่าทีมอย่าง อาร์เซน่อล ไปแล้วด้วย

    มีเพียงเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้างสวนสาธารณะสแตนลี่ย์ พาร์ค เท่านั้นที่โกยแต้มได้มากกว่าพวกเขานับตั้งแต่ที่กุนซือชาวอิตาเลี่ยนถูกแต่งตั้งเข้ามา โดยเด็กๆ ของ อันเชล็อตติ เอาชนะได้ 5 จาก 8 เกมในพรีเมียร์ลีก

    โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน ดูจะเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ครบเครื่อง และคู่พาร์ทเนอร์ของเขาอย่าง ริชาร์ลิซอน ก็มีคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ในความสำเร็จของพวกเขา

    นักเตะอย่าง ธีโอ วัลค็อตต์ กลับมาทำประตู และแอสซิสต์อีกครั้ง ขณะที่ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน และ มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน ก็เล่นได้ดีขึ้นมากภายใต้การทำงานกับเจ้าของแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย

    เอฟเวอร์ตัน เล่นในระบบง่ายๆ อย่าง 4-4-2 ซึ่งมันเป็นแผนที่ อันเชล็อตติ ใช้บ้างบางครั้งในตอนนำ เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2010

    พูดถึงเรื่องลุ้นแชมป์ลีกยังไงก็เป็นไปไม่ได้ในปีนี้ และก็คงจะอีก 2-3 ปีข้างหน้า แต่ทอฟฟี่ก็มี เลสเตอร์ ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็นแรงบัลดาลใจ ซึ่งเราจะได้เห็นว่าการนำเอาผู้จัดการทีมระดับเวิลด์คลาสเข้ามาจะสามารถนำพาทีมแห่งพรสวรรค์ไปในทิศทางไหน

    ด้วยการที่หลายๆ ทีมจากกลุ่ม 'บิ๊กซิกซ์' กำลังดิ้นรนกับการฉกชิงอันดับในโซนหัวตารางเป็นอย่างมากในซีซั่นนี้

    เราจะได้เห็นอนาคตของ เอฟเวอร์ตัน มากขึ้นในเดือนหน้า...

    พวกเขาผ่านงานเบาๆ อย่าง วัตฟอร์ด และ คริสตัล พาเลซ ไปได้อย่างสวยงาม แต่บททดสอบที่แท้จริงกำลังมาถึง

    ใน 4 เกมถัดไป พวกเขาจะต้องเปิดบ้านรับมือทีมอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล แถมยังต้องออกไปเยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รวมถึงสแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมที่อ้วกแตกเลยทีเดียว

    สำหรับสาวกทอฟฟี่อาจจะเคยหวังแค่ให้ทีมจบในอันดับครึ่งบนของตารางก็พอแล้วเมื่อย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม แต่หากพวกเขาเอาชนะได้สัก 2 ในนั้นเหนือผีแดง กับปืนใหญ่ได้ การติดท็อปโฟร์อาจไม่ไกลเกินฝันเลย

    มันจะเป็นเหมือนสวรรค์ที่ไม่สิ้นหวังของ เอฟเวอร์ตัน อีกครั้ง หลังเคยทำได้ในครั้งล่าสุดเมื่อปี 2005 และจากนั้นก็เคยทำได้ดีที่สุดในอันดับ 5 อีก 3 หน

    มีการลองผิดลองถูกกับตำแหน่งกุนซือไปแล้วหลายครั้งนับตั้งแต่ที่ ฟาร์ฮัด โมชิรี่ เข้ามาซื้อทีมเมื่อปี 2016

    แต่เจ้าของชาวอิหร่านก็ได้จัดหนึ่งในผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกให้แฟนๆ ทอฟฟี่ ซึ่งน่าจะยิ่งใหญ่กว่าการเซ็นเช็กซื้อนักเตะด้วยราคา 50 ล้านปอนด์เสียอีก

    กับฤดูกาลที่ไร้ความคาดหวังแบบนี้ ทั้ง อันเชล็อตติ และ เฟอร์กูสัน ทำได้เหนือความคาดมายมาโดยตลอด

    แต่คำถามก็คืออนาคตของพวกเขาจะไปได้สูงขนาดไหนบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่

    อย่างน้อยในตอนนี้มันก็ไม่ใช่ความหวังลมๆ แล้งๆ เหมือนที่ผ่านมา

    พาสต้า