:::     :::

สิงโตชุดใหญ่อยู่แค่เอื้อม

วันพุธที่ 04 มีนาคม 2563 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,230
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เข้าสู่เดือนมีนาคม บรรดากุนซือทีมชาติต่างต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น เพราะโปรแกรมแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว กำลังรออยู่ในช่วงปลายเดือนนี้

แม้ยังไม่รู้ว่ารายการต่างๆ จะถูกเลื่อนหรือยกเลิกออกไปหรือไม่ จากสถานการณ์เชื้อโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดไปหลายประเทศทั่วโลก แต่บรรดาเทรนเนอร์ทีมชาติต่างๆ ก็ยังคงติดตามผลงานและเสาะหานักเตะ เพื่อประกาศรายชื่อสำหรับโปรแกรมเดียวก่อนปิดฤดูกาล

แกเร็ธ เซาธ์เกต คือหนึ่งในผู้จัดการทีมชาติที่ต้องปวดหัว จากสถานการณ์ที่ แฮร์รี่ เคน กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด สองกองหน้าคนสำคัญจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามลำดับ ต่างบาดเจ็บ แต่คาดว่าจะฟิตกลับมาทันช่วงท้ายฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม สำหรับเกมอุ่นเครื่องสองนัดเจอกับ อิตาลี และ เดนมาร์ก วันที่ 27 และ 31 มีนาคม จะไม่มีทั้งสองคนแน่นอน ดังนั้น เซาธ์เกต จึงอาจต้องเรียกหน้าใหม่เข้ามาประเดิมติดธง ไม่เพียงแค่กองหน้า แต่ยังรวมถึงทุกตำแหน่งด้วย และหากทำผลงานเตะตาไปจนจบฤดูกาล ก็อาจถูกหนีบไปลุยยูโร 2020 แบบเซอร์ไพรซ์ก็เป็นได้
คาดว่า เซาธ์เกต อาจทดลองเรียกนักเตะป้ายแดงมาติดทีมชาติในเดือนนี้เพื่อหาประสบการณ์ และนี่คือส่วนหนึ่งที่ถูกจับตามอง รวมถึงไม่ได้จับตามอง แต่ถูกสื่ออังกฤษคาดหมายเอาไว้ก็มี
โดมินิก คัลเวิร์ท-ลูอิน
ในสถานการณ์ที่ เซาธ์เกต แทบไม่มีตัวเลือกตำแหน่งศูนย์หน้าแท้ๆ เพราะอาการบาดเจ็บของ แฮร์รี่ เคน, มาร์คัส แรชฟอร์ด, แทมมี่ อาบราฮัม (เช็กฟิต) บวกกับ คัลลัม วิลสัน ที่ฟอร์มตกจนน่าจะหลุดโผ
ชื่อของ คัลเวิร์ท-ลูอิน ก็โผล่ขึ้นมาถูกที่ถูกเวลาพอดี
เซาธ์เกต เสนอตัวเองอยู่ในสนาม กูดิสัน พาร์ค เมื่อสุดสัปดาห์ แม้มีนักเตะที่อยู่ในข่ายเฝ้าจับตามองหลายคน แต่ที่สะดุดตาที่สุดก็คือ 'ดีซีแอล' นี่แหละ และแถมทำประตูได้จากความขยัน ที่เข้าไปบล็อคลูกเปิดยาวของ ดาบิด เด เคอา เข้าไปแบบไม่ต้องออกแรงมากนัก
ไปๆ มาๆ จากประตูที่ยิง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีกของ คัลเวิร์ท-ลูอิน เท่ากับ แทมมี่ อาบราฮัม ของ เชลซี ที่ก่อนหน้านี้โกยประตูทิ้งห่าง แต่ช่วงหลังเกิดฟอร์มแผ่ว แถมยังเจออาการบาดเจ็บเล่นงานด้วย
แม้นักเตะอังกฤษที่ยิงได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกถึงตอนนี้เป็นของ เจมี่ วาร์ดี้ ของ เลสเตอร์ (อำลาทีมชาติไปแล้ว) 17 ประตู ตามด้วย แดนนี่ อิงส์ ของ เซาธ์แฮมป์ตัน 15 ประตู แต่ดูเหมือนว่าภาษีของ คัลเวิร์ท-ลูอิน จะดีกว่าตัวเลือกอื่นๆ
ฟิล โฟเด้น
ถึงเวลาแล้วที่ เซาธ์เกต จะพิจารณา โฟเด้น แบบจริงจัง เพราะก่อนหน้านี้ปัญหาเดียวที่ดาวรุ่งจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูกเมินเรียกประเดิมติดธงเหมือนคนอื่นๆ เพราะการลงสนามที่ยังไม่มากพอ
โฟเด้น เพิ่งโชว์ฟอร์มแจ่ม และเป็น 'แมน ออฟ เดอะแมตช์' ในรอบชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
แต่น่าเสียดายที่ตัว เซาธ์เกต อยู่ในสนาม กูดิสัน พาร์ค ชมเกมที่ เอฟเวอร์ตัน เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 แต่ก็ได้ส่งมือขวา สตีฟ ฮอลแลนด์ ไปอยู่ที่ เวมบลีย์ และน่ามีข้อมูลดีๆ มาป้อนเจ้านายใหญ่เพียบ
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้โอกาสกองกลางวัย 19 ปีมากขึ้นในฤดูกาลนี้ ลงเล่นทะลุหลัก 20 เกมรวมทุกรายการไปแล้วในซีซั่นนี้ แต่ตัวเลขการลงตัวจริงยังอยู่ที่ 10 เกมเท่านั้น หลังจบเกมรอบชิง คาราบาวคัพ
ถึงกระนั้น นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว หาก เซาธ์เกต จะเรียก โฟเด้น ประเดิมทีมชาติชุดใหญ่
บูคาโย่ ซาก้า
หลังจากยิงไปสามประตู (หนึ่งประตูในเอฟเอคัพ กับสองประตูในยูโรปาลีก) บวกกับแอสซิสต์อีกเป็นว่าเล่น ชื่อของ ซาก้า ก็ถูกดึงขึ้นสู่ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ทั้งที่ปัจจุบันดาวรุ่งวัย 18 ปี ยังสั่งสมประสบการณ์อยู่กับทีมชาติชุดยู-19 ยังไม่เคยสัมผัสทีมชุดยู-20 กับยู-21 เลยด้วยซ้ำ
แต่เมื่อสมาคมฟุตบอลอังกฤษ และ เซาธ์เกต มองเห็นเพชรเม็ดงามอยู่ในมือแล้ว จะช้าไม่ได้ เพราะคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ไนจีเรีย ประเทศสายเลือดของ ซาก้า เอง แม้มาเกิดและโตในอังกฤษก็ตาม
เห็นเส้นทางการรับใช้ทีมชาติอังกฤษตั้งแต่ชุดยู-16 ตำแหน่งและสไตล์การเล่น ทำให้อดนึกถึง ไรอัน เซสเซยง ดาวรุ่ง ฟูแล่ม ที่ย้ายไปอยู่กับ สเปอร์ส ไม่ได้ เพราะ ซาก้า เองเล่นได้ทั้งปีกซ้าย วิงแบ็กซ้าย และฟูลแบ็กซ้าย
ทางเลือกที่ดีที่สุดของ เอฟเอ คืออาจให้ เซาธ์เกต ส่งลงเล่นเกมสำคัญเพื่อการันตีการเล่นให้ อังกฤษ เสียก่อน จากนั้นถึงค่อยส่งลงไปเพิ่มประสบการณ์กับทีมยู-20 หรือยู-21 
ขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกร้องให้ เซาธ์เกต เรียกติดธงไปลุยยูโร 2020 เสียเลย เพราะฟอร์มกับต้นสังกัดนาทีนี้เหนือกว่า แดนนี่ โรส เห็นๆ และยังเปิดบอลให้เพื่อนจบสกอร์ดีกว่า ลุค ชอว์ เป็นไหนๆ ด้วย
แจ๊ค กรีลิช
เส้นทางสู่ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ของ กรีลิช ไม่เคยง่ายดาย หลังจาก รอย ฮ็อดจ์สัน อดีตกุนซือ ทรี ไลออนส์ เป็นคนโน้มน้าวให้กองกลางที่เกิดที่เมืองเบอร์มิงแฮม เปลี่ยนใจกลับมาเล่นให้ อังกฤษ หลังจากเลือกรับใช้ ไอร์แลนด์ ชุดเล็กตั้งแต่ยู-17, ยู-18 และยู-21
กันยายน 2015 กรีลิช ตอบตกลงเลือก อังกฤษ อย่างเป็นทางการ และเริ่มต้นด้วยการรับใช้ชุดยู-21 จนถึงปี 2017 ก่อนชีวิตจะเคว้งคว้าง นับตั้งแต่ รอย ฮ็อดจ์สัน แยกทางกับ สิงโตคำราม หลังจากความล้มเหลวในศึกยูโร 2016
วันเวลาผ่านเลยมาเกือบๆ จะ 5 ปี ชื่อของ กรีลิช กลับมาถูกโยงกับทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง หลังจากผลงานยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีกที่ยิงไปแล้ว 7 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ในซีซั่นนี้
แม้ตำแหน่งกองกลางตัวรุกในทีมของ เซาธ์เกต จะมีตัวเลือกมากมายจริงๆ แต่อย่างน้อยๆ พื้นที่ตรงนี้ยังคงเปิดกว้างสำหรับ กรีลิช และอีกหลายๆ คน หลังจากฟอร์มที่ตกลงไปอย่างน่าใจหายของ เดเล่ อัลลี กับ เจสซี่ ลินการ์ด จนน่าจะหลุดโผจากทีมชุดยูโร 2020 ค่อนข้างแน่
เมสัน กรีนวูด
"น้ำขึ้นให้รีบตัก" อาจใช้ได้กับ กรีนวูด ในฤดูกาลนี้ หลังตะบันประตูที่ 11 จากการลงตัวจริง 16 เกม บวกกับตัวสำรองอีก 19 เกมรวมทุกรายการ ทำให้ดาวรุ่งวัย 18 ปี ก้าวกระโดดจากทีมชาติอังกฤษชุดยู-18 ขึ้นสู่ชุดยู-21 ตั้งแต่ปีที่แล้ว และยังไม่พอ มีเสียงเรียกร้องให้ เซาธ์เกต เรียกขึ้นทีมชุดใหญ่ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม กรีนวูด ไม่ใช่ศูนย์หน้าตัวเป้าที่ เซาธ์เกต กำลังมองหาอยู่ในเวลานี้ แต่เป็นสไตล์หน้าต่ำ หรือตัวริมเส้น ที่ตอนนี้ สิงโตคำราม มีตัวเลือกอยู่ล้นทีม อาทิ ราฮีม สเตอร์ลิง, เจดอน ซานโช่, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย
ขณะที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เคยให้สัมภาษณ์ประเด็น กรีนวูด กับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เอาไว้ โดยมองว่าเป็นช่วงเวลาที่เร็วเกินไป เพราะอยากให้ตักตวงประสบการณ์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยกับทีมชุดยู-21 มากกว่า
เซาธ์เกต ก็คงมองเห็นเช่นนั้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของกุนซือ ทรี ไลออนส์ ก็คือจำนวนเกมที่ลงสนาม แม้ค่าเฉลี่ยของ กรีนวูด ยอดเยี่ยม ยิง 1 ประตูในทุกๆ 131 นาทีก็ตาม

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด