เกือบร้อยทั้งร้อยถ้าถามว่านักฟุตบอลเก่งที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ คือใครก็น่าจะตอบตรงกันว่าไม่ ลิโอเนล เมสซี่ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ถ้าคุณไม่ได้ชื่นชอบใครเป็นพิเศษ
ถึงตอนนี้ทั้งคู่ก็เรียกได้ว่าอยู่ในช่วงปลายของอาชีพแล้ว ที่ผ่านมาต่างก็พากันทำลายสถิติโน่น นั่น นี่ เป็นว่าเล่น ชนิดที่คงหาคนที่จะขึ้นมาทำแทนได้ยากอยู่เหมือนกัน
แต่ใช่ว่าทั้งคู่จะเป็นโคตรคนที่ทำลายทุกสถิติ เพราะจะว่าไปก็มีอีกมากที่ทั้งสองยอดแข้งไม่มีวันทำลายได้ โดยเฉพาะในฟุตบอลโลกนี่แหละ
อย่างที่รู้กันว่าเมื่อถึงการแข่งขันเวิลด์ คัพ กับ ลิโอเนล เมสซี่ กลับเป็นเรื่องแปลกที่มักจะเล่นไม่ออก ทั้งที่เพื่อนร่วมทีมก็ใช่ว่าจะขี้เหร่ขึ้นเป็นนักเตะระดับต้นๆของยุโรป แต่พอแข่งจริงเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้ผลงานออกมาไม่ดี
ตลอดฟุตบอลโลกทั้ง 4 หน ใกล้เคียงที่สุดคือปี 2014 แต่สุดท้ายจบที่รองแชมป์
รวมถึงทุกทัวร์นาเม้นต์กับทีมชาติที่สตาร์จาก บาร์เซโลน่า มักจะลงเอยด้วยความผิดหวังเสมอ
ขณะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เพิ่งประสบความสำเร็จกับแชมป์ยูโร 2018 แต่ก็แทบจะลากเลือดกว่าจะมีวันนี้ ส่วนในฟุตบอลโลกยังต้องบอกว่าห่างไกลความสำเร็จ
จากปี 2006 จนถึง 2018 ครั้งที่ผลงานดีที่สุดก็คือหนล่าสุดที่ยิง 4 ลูก ส่วน 3 ครั้งก่อนหน้ายิงได้ครั้งละประตูเท่านั้น และในวัย 35 ปีอาจจะอยู่ถึงฟุตบอลโลก 2022 แต่จะไหวแค่ไหน
ลองไปดูสถิติในฟุตบอลโลกที่ทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คงไม่มีวันทำลายได้
แอสซิสต์มากที่สุด
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นักเตะที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลกก็คือ เปเล่ ตำนานแข้งชาวบราซิลที่ทำแอสซิสต์ไปทั้งหมด 10 ครั้ง
ตลอดการฟุตบอลโลก 4 ครั้งนั้น หากมองที่แค่ 3 หนแรกในปี 1958, 1962 และ 1966 เจ้าตัวทำแอสซิสต์ได้เพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น แต่ทว่าในปี 1970 เปเล่ กลับจัดแอสซิสต์ที่เดียว 7 หน มากที่สุดในการเล่นฟุตบอลโลกครั้งเดียว ช่วยให้ บราซิล คว้าแชมป์ไปครอง
นอกจากนี้แล้ว เปเล่ ยังแอสซิสต์ในเวิลด์ คัพรอบชิงชนะเลิศไปแล้ว 3 ครั้ง เกิดขึ้นในปี 1958 และ 1970 ก็ถือเป็สถิติที่มากที่สุดด้วยเช่นกัน
มาดูที่ ลิโอเนล เมสซี่, ด้วยศักยภาพที่เราเห็นยามลงสนามให้กับ บาร์เซโลน่า ทั้งยิงและแอสซิสต์ไม่เป็นสองรองใคร แต่ในฟุตบอลโลกนั้นสตาร์ทีมชาติอาร์เจนติน่าทำไปเพียงแค่ 5 แอสซิสต์เท่านั้น
หากดูจากสถิติเฉลี่ยแล้วในบอลโลก 2022 ที่กาตาร์คงยากที่จะจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้ทีเดียวถึง 5 ครั้ง ยังไม่นับว่าทีมจะไปได้ไหลแค่ไหน และจะโดนคู่แข่งประกบตัวหนักขนาดไหน
ยังดีที่เจ้าตัวมีสถิติแอสซิสต์ได้อย่างน้อย 1 ครั้งในทัวร์นาเม้นต์ 4 หนติดต่อกันแล้ว เหนือกว่าคนอื่น
ขณะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำได้แค่ 2 แอสซิสต์จาก 17 เกมที่ลงเล่น ถามว่าจะทำลายสถิติ 10 ครั้งของ เปเล่ ได้รึเปล่า? คงต้องขอฟันธงเลยว่าไม่ได้
สวมปลอกกัปตันทีมมากที่สุด
ในฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมา ราฟาเอล มาร์เกซ ปราการหลังตัวเก๋าติดทีมชาติเม็กซิโกลุยศึกรอบสุดท้ายที่รัสเซียด้วย
เซนเตอร์คนดังที่เพิ่งแขวนสตั๊ดหลังจบเวิลด์ คัพที่แดนหมีขาว ทำหน้าที่กัปตันทีมทัพ "จังโก้" ตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 2002 และลงสนามช่วยทีม จากนั้นเรื่อยมาในปี 2006, 2010, 2014 และ 2018 มาร์เกซ ได้ทำหน้าที่สวมปลอกแขนนำทีมลงลุยฟุตบอลโลกมาตลอด
รวมแล้วก็เล่นฟุตบอลโลก 5 ครั้งแถมได้เล่นในฐานะกัปตันทีมทั้ง 5 ครั้งอีกด้วย
ด้าน ลิโอเนล เมสซี่ เพิ่งรับหน้าที่กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่าเมื่อปี 2011 เท่านั้น หากนับการทำหน้าที่ในฟุตบอลโลกเพิ่งผ่านมา 2 หนเท่านั้นในปี 2014 และ 2018 นับรวมครั้งถัดไปด้วยเลยในปี 2022 เจ้าตัวก็จะรับบทกัปตันทีมแค่ 3 หนเท่านั้น
ซึ่งหากจะให้ เมสซี่ อยู่ทำหน้าที่กัปตันทีม (ถ้ายังได้เป็นต่อไป) จะต้องรอจนถึงบอลโลก 2030 เท่ากับว่าตอนนี้ เมสซี่ จะอายุ 43 ปี คงอยู่ไม่ถึงแน่ๆ
ส่วนทาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำหน้าที่กัปตันทีมชาติครั้งแรกเมื่อปี 2008 เท่ากับนำลูกทีมในฟุตบอลโลกมาตั้งแต่ปี 2010 จนถึงบอลโลกที่กาตาร์ จะเป็นครั้งที่ 4 ที่ทำหน้าที่ถือว่าใกล้เคียงมากๆ
แต่ว่าหากจะได้ทำสถิติเทียบเท่า โรนัลโด้ จะต้องอายุถึง 41 ปีเพื่อจะอยู่ถึงทัวร์นาเม้นต์ในปี 2026 ซึ่งแม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวจะยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสภาพร่างกาย แต่กว่าจะถึงวันนี้ต้องยอมรับว่ายากจริงๆที่ โรนัลโด้ จะยังค้าแข้งในระดับสูงสุดอยู่
นักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงได้
ถือเป็นสถิติที่ผ่านไปแล้ว และแน่นอนว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นแล้ว
ลิโอเนล เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่อปี 2006 ที่เยอรมัน ซึ่งเจ้าตัวเบิกสกอร์ได้เหมือนกันในทัวร์นาเม้นต์นี้ ซึ่งเจ้าตัวพังประตูได้ในเกมที่ทีมถล่ม เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร (ปัจจุบันแยกประเทศกันแล้ว) หลังลงเล่นเป็นตัวสำรอง
ประตูในเกมนี้ยังเป็นสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้กับทัพ "ฟ้า-ขาว" ในเวิลด์ คัพด้วยวัย 19 ปีเท่านั้นอีกด้วย
ขณะที่ คริสตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งแรกในศึกที่เมืองเบียร์เช่นกัน พร้อมกับพังประตูได้ในเกมกับ อิหร่าน ในรอบแบ่งกลุ่มแต่ก็เกิดขึ้นในวัย 21 ปีแล้ว
แต่สถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงได้ในฟุตบอลโลกนั้นเป็นของ เปเล่ ที่ทำได้ในเกมรอบก่อรองชนะเลิศที่ บราซิล ชนะ เวลส์ 1-0 ด้วยวัยเพียง 17 ปี 239 เท่านั้น เรียกได้ว่าหากเทียบกับบ้านเราถือว่ายังเป็นเด็กมัธยมศึกษาตอนปลายอยู่เลย
เข้าชิงชนะเลิศมากที่สุด
กับการแข่งขันฟุตบอลโลกที่มีขึ้นทุกๆ 4 ปี (ไม่นับการเว้นช่วงปี 1942 และ 1946 ที่มีสงครามโลก) นักเตะแต่ละคนย่อมมีโอกาสลงสนามในรอบสุดท้ายไม่มากนัก
2 ครั้ง, 3 ครั้ง, 4 ครั้ง และมากที่สุด 5 ครั้ง หากคูณ 4 เข้าให้ก็กินเวลา 20 ปีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าต้องได้เล่นตั้งแต่อายุยังน้อย และยืนระยะให้ได้ยาว
ที่ยากกว่านั้นก็คือการเข้าชิงชนะเลิศ
นับตั้งแต่การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่อปี 1930 นักเตะที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศมากที่สุดก็คือ 3 ครั้งมี นิลตอน ซานโต๊ส, เปเล่, คาฟู และ โรนัลโด้ "อาร์ 9" รวมถึง ปิแอร์ ลิตต์บาร์สกี้ และ โลธ่าร์ มัทเธอุส
ในจำนวนนี้มีแค่ เปเล่ คนเดียวที่ได้แชมป์ทั้ง 3 หน ส่วน ซานโต๊ส, คาฟู และ โรนัลโด้ ได้แชมป์ 2 ครั้ง ส่วน ลิตต์บาร์สกี้ และ มัทเธอุส ได้แชมป์ 1 สมัยกับเยอรมัน ตะวันตก
ด้าน ลิโอเนล เมสซี่ เคยเข้าชิงชนะเลิศหนเดียวย้อนไปเมื่อปี 2014 แต่ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ให้กับ เยอรมัน ขณะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผลงานดีที่สุดก็คืออันดับ 4 เท่านั้นในปี 2006
การทำลายสถิติสำหรับ เมสซี ต้องพา อาร์เจนติน่า เข้าชิงอีกถึง 3 ครั้ง ส่วน โรนัลโด้ ไปกันใหญ่ต้องเข้าชิง 4 หนเลย สถิตินี้ปิดฉากไปเรียบร้อยสำหรับทั้งคู่
คว้าแชมป์โลกมากที่สุด
นับตั้งแต่ปี 1930 ที่ฟุตบอลโลกทำการแข่งขันครั้งแรก จนถึงปัจจุบันมีนักเตะที่อยู่ในทีมคว้าแชมป์ไปแล้วทั้งสิ้น 445 คน แต่มีเพียงแค่ 21 คนเท่านั้นที่เคยได้แชมป์ถึง 2 ครั้ง
และมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ได้แชมป์ถึง 3 สมัย ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน... เปเล่
ตำนานทีมชาติบราซิลได้แชมป์ครั้งแรกในปี 1958 ในวัยเพียง 17 ปี ตามด้วยแชมป์สมัยที่สองในอีก 4 ปีถัดมา ก่อนเว้นปี 1966 และปิดท้ายด้วยแชมป์ปี 1970
เมื่อกลับมามองทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทั้งคู่ล้วนยังไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลโลก และการจะได้แชมป์ 3 สมัยเพื่อเทียบเท่าหรือ 4 สมัยเพื่อทำลายนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
12 ปีหรือ 16 ปี หรือจะบอกว่าอีก 100 ปีก็อาจจะยังยากที่ใครจะได้แชมป์โลก 4 สมัยเพื่อทำลายสถิติของ เปเล่ ลง
