แม้จะเสียแกนหลักชาวต่างชาติอย่าง เมารินโญ, ฌอง เมนดี และ อาร์ตยอม ฟิลิโปสยาน รวมถึงแข้งไทยบางส่วนเช่น สิโรจน์ ฉัตรทอง ไป ทว่าผู้บริหารก็ทุ่มเต็มเม็ดดึงนักเตะใหม่มาเติมเต็มส่วนที่ขาดอย่างมากมาย
ผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง ยู จุนซู, วิลเลียม เอ็นริเก, เอียน แรมซีย์, ไบฮัคกี ไคซาน ถูกคว้ามาทดแทน ยังไม่นับนักเตะหน้าเก่าที่ “ยืมตัวมา” ทว่าโชว์ฟอร์มสะเด่า จนตัดสินใจซื้อขาด
ทำให้ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล มีทรัพยากรลูกหนังให้หยิบจับใช้สอยมากมาย อยากเล่นรูปแบบไหน แท็คติกอะไร มีแข้งคอยตอบโจทย์ให้ไม่ขาดมือ
อีกอย่างการคว้าแชมป์ “ลีกคัพ” ฤดูกาลที่ผ่านมา ยิ่งทำให้บอร์ด “เชื่อใจ” ในตัว วัง ลันตา ว่าจะพา ทีมระดับกลางอย่างต่อพิฆาตบินสูงกว่าเดิมได้
ผลงาน ลีโอ ปรีซีซั่น แม้จะไปไม่ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่สิ่งที่พบคือผู้เล่นหลายโชว์ฝีตีนได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะเกมรับ ไม่เสียไปสักประตู
หากแต่เมื่อฤดูกาลเริ่ม “คิกออฟ” ทุกอย่างกลับเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลังมือ
ลูกทีม “โค้ชวัง” เริ่มต้นด้วยการบุกไปพ่ายทีมแกร่งอย่าง ทรู แบงค็อกฯ 0-2 ต่อเนื่องด้วยการเปิดรังเสมอ บีจี ปทุมฯ ไร้สกอร์ เมื่อมอง 2 เกมแรก รูป พีที ประจวบ ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ขาดเพียงพื้นที่สุดท้ายในการเข้าทำแบบแจ่มว้าวเท่านั้น
ทว่าหลังนัดที่ 3-4 ที่พ่าย สุพรรณบุรี เอฟซี 0-1 และ ถูก สุโขทัย เอฟซี บุกมาถลุงคารัง 3-2 เชื่อว่าหลายคนเริ่มตั้งคำถามแล้วว่า ฟอร์มแกร่งตอนปรีซีซั่น “ต่อพิฆาต” หายไปไหน
แข้งหลักหลายรายไม่สามารถรีดฟอร์มเดิมออกมาได้ ขณะที่ผู้เล่นใหม่อย่าง วิลเลียม เอ็นริเก และ ยู จุนซู กลายเป็น “เดอะ แบก” ในทีมไป
ซึ่งเอาตามตรงศักยภาพผู้เล่น พีที ประจวบ ดีกว่าจะมากองจมท้ายตารางเช่นนี้
ปัญหาใหญ่ที่มองเห็นเลยคือ จังหวะ “จบสกอร์” ที่ทีมยังแก้ไม่ได้ บรูโน เมเซนกา ยังไม่สามารถสถาปนาเป็น “นักล่าประตู” ได้อย่างเต็มรูปแบบ เช่นเดียวกับ สุพจน์ จดจำ ที่ยังต้องเฉียบขาด รวมถึงแบบแผนในแนวรุกเองควรมีความหลากหลายกว่าเดิม
ขณะที่เกมรับเองก็ยังมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเรื่องสมาธิมาผสม จนเสียประตูให้เห็นเช่นกัน
การที่ไทยลีกเบรกหยุดแข่งขันเพื่อหนีไวรัส “โควิด-19” เดือนกว่า ผู้เขียนมองว่า เป็นเรื่องที่ดีของ พีที ประจวบ ที่จะใช้ห้วงเวลานี้ “ทำการบ้าน” แก้ไขจุดบกพร่องของตัวเอง ก่อนจะกลับมาฟัดต่อ เพราะฤดูกาลเพิ่งเริ่มต้น
มีเวลาให้เลียบาดแผล ทดลองแท็คติก ปรับสภาพความมั่นใจ ก่อนกลับมาลุยใหม่อีกครั้ง
โมงยามปัจจุบันพวกเขาอาจถูกมองเป็น “ต่อ” ที่ “ไม่มีเหล็กใน” ต่อยใครไปก็หาได้สร้างแผลให้คู่แข่ง
หากแต่เมื่อไทยลีกกลับมาเขี่ยลูกเริ่มเล่นได้อีกครั้ง หวังว่าต่อตัวเดิมนี้จะกลับมาดุ สร้าง “รอยฟกช้ำ” ให้คู่ต่อสู้ ได้บ้าง
เพราะอย่างที่เกริ่นไปข้างบน ศักยภาพ พีที ประจวบ ดีเกินกว่าจะมาจมอยู่ในสถานะเช่นนี้
