เพราะทีมกำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการนำเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นอกจากนักเตะทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจกันแล้ว หนึ่งคนที่สมควรได้รับเครดิตเป็นอย่างมาก นั่นคือกุนซือคนเก่งอย่างเจอร์เก้น คล็อปป์ 

ช่วงนี้ เราไปพูดคุยสบายๆกับยอดกุนซือชาวเยอรมัน รายนี้กันหน่อย ทั้งในแง่มุมของการเป็นผู้จัดการทีม, สิ่งที่เขาได้เรียนรู้, นิสัยส่วนตัว และการทำนายอนาคตสนุกๆ  

สิ่งที่ดีที่สุดในการเป็นผู้จัดการทีม ?

"เงินเหรอ? มันคือการทำงานในวงการฟุตบอลต่างหาก ผมชอบสิ่งนี้ ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามา ผมรักแม้ตอนที่ตัวเองทำงานเป็นโค้ชในช่วงแรก ตอนที่ไม่มีใครรู้จักผมเท่าไหร่ มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากจริงๆ การได้ทำงานร่วมกับนักเตะระดับโลกทุกวัน การได้เห็นพวกเขาในการฝึกซ้อม พร้อมกับความพยายามช่วยเหลือให้พวกเขากลายเป็นคนที่เก่งขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยเท่าที่เป็นไปได้ ในทุกแง่มุมต่างๆ มันถือเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่"

ชีวิตการเป็นผู้จัดการทีมในปัจจุบัน แตกต่างจากตอนเริ่มต้นกับไมนซ์ อย่างไรบ้าง ?

"ขอบคุณพระเจ้า ผมเก่งขึ้นเยอะเลยล่ะ นั่นเป็นเพราะผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมาย ผมต้องเผชิญหน้ากับเรื่องยาก ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีเช่นเดียวกัน ผมรู้จักฟุตบอลมากขึ้น เพราะผมเป็นนักเตะในวันอาทิตย์ และกลายมาเป็นโค้ชในวันจันทร์ ดังนั้น จึงมีเวลาไม่มากนัก ที่ผมจะได้เรียนรู้สิ่งที่จำเป็นในวันถัดไป แต่ผมชอบมันนะ ตอนที่ผมเริ่มเข้ามาทำงาน ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับฟุตบอลเลย ผมไม่เคยมีโอกาสดูว่าโค้ชคนอื่นทำอะไรกัน ? ผมเรียนรู้ด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก โดยเฉพาะขวบปีแรกๆ ตอนที่ไม่มีใครสนใจพวกเรา โดยเป็นช่วงเวลาที่เราสามารถทำอะไรตามที่ใจต้องการ เราได้เห็นว่า เมื่อถึงสุดสัปดาห์แล้ว แผนมันจะได้ผลหรือไม่ ผมว่ามันยอดเยี่ยมมาก"

คุณมีกุนซือคนไหนเป็นแรงบันดาลใจมั้ย ?

"ผมสามารถเรียนรู้หลายอย่าง จากหลายคน อย่างไรก๋ตาม โอกาสที่แท้จริงคือการได้ทำงานร่วมกับพวกเขา คนที่ผมชื่นชมคือ อาร์ริโก้ ซาคคี่ ผมไม่รู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัว แน่นอนว่า ผมรู้จักเขา และเกี่ยวข้องกับงานของเขา ตอนที่ วูล์ฟกัง แฟร้งค์ อดีตผู้จัดการทีมของผมเอาวีดีโอของเขามา ผมคิดว่าผมได้ดูวิดีโอการฝงึกซ้อมของสโมสรเอซี มิลาน ประมาณ 20, 30 หรือว่า 500 ครั้ง !!! เพราะว่าโค้ชเก่าของผมอัดวีดีโอเอาไว้ พร้อมกับนำมาเปิดให้พวกเราดู"

คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการคุมทีม ?

"ผมมองว่า การเอาใจใส่รายละเอียดน่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ความตึงเครียด หรืออะไรก็ตามแถวบริเวณเส้นข้างสนาม มันไม่สำคัญหรอก ผมมองว่าคุณสามารถกลายเป็นโค้ชที่ดีที่สุดของโลก โดยนั่งเฉยๆตลอดทั้ง 90 นาที แต่นั่นไม่ใช่ตัวผมเลย ยอดโค้ชคนอื่นสามารถทำได้ แต่ว่ามันก็ไม่ได้สำคัญมากนัก ผมพยายามช่วยนักเตะระหว่างเกม ถ้าช่วยเหลือได้สักนิด ผมก็พอใจแล้วล่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดเหรอ? แน่นอนว่า ต้องเป็นความเข้าใจในเกมฟุตบอล การมองเห็นเกมในมุมกว้าง ไม่ใช่แค่เรื่องการทำประตู, การเสียประตู หรือการยิงประตูเท่านั้น มันมีหลายอย่างในเกม ที่เป็นเรื่องสำคัญ คุณมีความจำเป็นต้องจัดการทุกอย่างรอบด้าน พร้อมกับปล่อยให้นักเตะมีสมาธิกับสิ่งที่พวกเขาต้องลงมือทำ แม้ว่าพวกเขาต้องหาหนทางการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองในสนามแข่งขัน แต่การแก้ไขปัญหาเหล่านั้น จำเป็นต้องได้รับการเตรียมพร้อมให้ดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ในการฝึกซ้อม"

คุณชอบใส่ชุดวอร์มมั้ย และทำไมไม่ใส่สูท ?

"เรื่องชุดวอร์มมันชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของสูท ผมไม่ชอบเท่าไหร่ ผมชอบใส่สูทในเวลาที่เหมาะสม คำพูดของผมไม่ควรถูกเข้าใจว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกัน เพราะเท่าที่ทราบ โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ หลายคนเลือกสวมสูท เพราะมันเป็นวันพิเศษ หรืออะไรทำนองนั้น แต่สำหรับผมคือไม่มีพื้นที่ หรือทรัพยากรที่จะมาคิดเกี่ยวกับเรื่องชุดที่ต้องสวมก่อนเกมการแข่งขันเลยล่ะ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นเลย ผมก้าวลงไปแข่งขัน โดยในใจมีเรื่องอื่นที่ต้องทำเท่านั้น ดังนั้น หากมีคนบอกกับผมว่า -นายต้องผูกไท, ใส่สูท หรืออะไรแนวนั้น- มันคงไม่ได้เรื่องต่อตัวผม ผมเคยลองแล้ว ก็คือไม่ได้ใส่สูท แต่พยายามใส่ชุดลำลองขึ้นมาหน่อย ตอนคุมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ช่วงสัปดาห์แรกๆ ผมใส่ยีนส์ กับเชิ้ตดำ หรืออะไรแบบนั้น ก่อนที่ผมจะหลงลืมมันไป ตั้งแต่นั้นมา ผมก็สวมชุดวอร์มตลอดเลย นั่นเป็นเพราะว่า สโมสรจะเตรียมไว้ให้ภายในห้องแต่งตัว มันช่วยได้เยอะมาก นั่นคือเหตุผลหลัก"

นักเตะคนไหนที่สามารถก้าวมาเป็นผู้จัดการทีมที่ดีได้ ? 

"ผมไม่มั่นใจว่า พวกเขาอยากจะเป็นผู้จัดการทีมกันหรือเปล่านะ แต่นักเตะอังกฤษ ในช่วงวัยกลางคนน่าจะเป็นกันได้ อาทิเช่น มิลเนอร์, เฮนเดอร์สัน, ลัลลาน่า, ขณะที่ไวจ์นัลดุม ก็น่าจะทำได้อย่างแน่นอน