สำหรับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่ตัดสินใจปล่อยตัว "ฮาคิม ซิเย็ค" ดาวเตะคนสำคัญไปร่วมทีมเชลซี สโมสรดังของพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า พร้อมกับราคาค่าตัวราว 44 ล้านยูโร ถือเป็นการเสริมทัพที่น่าสนใจของพลพรรค "สิงโตนำ้เงินคราม" เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากสไตล์การเล่นที่เต็มไปด้วยเทคนิคแล้ว เขายังสามารถเล่นได้หลายหน้าที่ ทั้งในตำแหน่งปีก และกองกลางตัวรุกได้อีกด้วย 

ช่วงนี้ เราไปดูเส้นทางลูกหนังของ ซิเย็ค กันหน่อยว่า ก่อนที่เขาจะก้าวมาเป็นนักเตะระดับโลก และมีชื่อเสียงเหมือนทุกวันนี้ เขาต้องผ่านประสบการณ์ทั้งดี และร้ายอะไรมาบ้าง แน่นอนว่า เขาต้องอาศัยความพยายามอย่างมหาศาล หลังจากนั้น เรามารอลุ้นกันว่า ดาวเตะวัย 26 ปีรายนี้ จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ และศึกพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป

ซิเย็ค คือเด็กเชื้อสายแอฟริกัน ที่มาเกิดที่เมืองดรอนเท่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ อย่างไรก็ตาม เขาต้องเจอกับแบบทดสอบสำคัญ เนื่องจากคุณพ่อต้องมาเสียชีวิต ตั้งแต่ที่เขาอายุยังน้อย โดยเขาต้องเลือกทำอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นการผลักดันให้ครอบครัวอยู่รอดต่อไป และฟุตบอลก็ถือเป็นสิ่งที่คอยเยียวยา ก่อนที่จะเริ่มต้นด้วยการย้ายเข้าทีมเยาวชนของสโมสรท้องถิ่นที่ดรอนเท่น  

จนกระทั่งปี 2007 เขายกระดับตัวเองขึ้นมา ด้วยการย้ายเข้าร่วมอะคาเดมี่ของสโมสรที่ใหญ่ขึ้นมาอย่างฮีเรนวีน ก่อนก้าวมาติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เส้นทางลูกหนังช่วงแรก เขาต้องประสบกับความยากลำบากอยู่พอสมควร เนื่องจากการเป็นเด็กที่มีโครงสร้างทางร่างกายที่ผอมบางมาก นั่นทำให้เขาต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นทั่วไปเป็นเท่าตัว

ซิเย็ค ออกมาย้อนความทรงจำว่า ย้อนกลับไปช่วงเวลาที่ฮีเรนวีน ถือเป็นอะไรที่ลำบากมาก มันเป็นเรื่องยากพอสมควร ที่เขาจะต้องยืนระยะการเล่นได้ครบ 90 นาที ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่เขาต้องพยายามฝึกฝนเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเรื่องของการเพิ่มเติมกล้ามเนื้อ, มวลของร่างกาย และสภาพความฟิต รวมไปถึงการออกกำลังกายอย่างหนัก ผลสุดท้ายแล้ว เขาสามารถพิสูจน์ตัวเอง ด้วยการมีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น จนสามารถลงเล่นได้ 3 เกมต่อสัปดาห์

จากการที่เป็นนักเตะที่มีรูปร่างผอมบาง และเสียเปรียบในการเข้าปะทะ ซิเย็ค กลับพัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างน่าชื่นชม ทั้งแง่ของกายภาพ ตลอดจนเทคนิคการเล่น จนสามารถก้าวมาเล่นทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่อง หลังจากสร้างชื่อกับฮีเรนวีน อยู่ในช่วงเวลาหนึ่งแล้ว เขาก็ได้ย้ายมาร่วมทีมทเวนเต้ ตามมาด้วยทีมยักษ์ใหญ่หมายเลขหนึ่งของลีกดัตช์ อย่างอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

สถิติที่น่าสนใจบ่งบอกว่า นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา ซิเย็ค สามารถคว้ารางวัลนักเตะที่สามารถทำแอสซิสต์ได้สูงที่สุด ในศึกเอเรดิวิซี่ มากถึง 4 ฤดูกาลด้วยกัน รวมถึงการถูกเลือกไปติดทีมยอดเยี่ยมของลีกสูงสุดดัตช์ 3 ครั้งอีกด้วย ขณะที่ผลงานในระดับสโมสร ผ่านการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ และการคว้ารองแชมป์ยูโรป้า ลีก กับทางอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม นอกจากการแอสซิสต์อย่างเป็นกอบเป็นกำแล้ว เขายังสามารถผลิตประตูได้อย่างต่อเนื่อง และมีลูกยิงสวยๆ ส่งเข้าประกวดอย่างมากมาย 

ซิเย็ค กล่าวถึงต้นแบบกับสไตล์การเล่นของเขาว่า รับอิทธิพลมาจากโรนัลดินโญ่ และซีเนอดีน ซีดาน โดยกล่าวว่า "ผมคิดว่าตัวเองเป็นผู้เล่นสไตล์ที่คาดเดายากพอสมควร ผมชอบสร้างสรรค์จากสิ่งเล็กน้อย ที่เน้นในเรื่องของคุณภาพ อย่างไรก็ตาม นอกจากการเล่นเกมบุกแล้ว ผมสามารถช่วยทีมในเรื่องของเกมรับได้เช่นกัน ผมมีผู้เล่น 2-3 คนที่ชอบดูพวกเขาเล่นมาก คนแรกนั่นก็คือโรนัลดินโญ่ ส่วนอีกคนคือซีเนอดีน ซีดาน"

ซิเย็ค เพิ่มเติมว่า โรนัลดินโญ่ และซีดาน ล้วนเป็นนักเตะที่มีความสามารถ เขาเฝ้าดูผู้เล่นเหล่านี้บ่อยมากๆ และจดจำไม่เคยลืมว่า ตอนที่เขาอายุประมาณ 10 ขวบนั้น เขาดูการเล่นของตำนานเหล่านี้ ผ่านทางเว็บไซต์ยูทูปทุกวัน แต่สุดท้ายแล้ว เขามีความเชื่อว่า อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม คือสโมสรที่ทำให้กลายเป็นนักเตะที่ทีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

จากการที่เป็นนักเตะที่มีฝีเท้าโดดเด่น ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการเลือกติดทีมชาติตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยความที่ ซิเย็ค เกิดที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาจึงเลือกรับใช้ทีมเยาวชนของพลพรรค “อัศวินสีส้ม” ไล่ตั้งแต่รุ่นยู-19, 20 และ 21 อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาจะหันมาเลือกติดทีมชาติโมร็อคโก ชุดใหญ่ ในท้ายที่สุด โดยให้เหตุผลว่า ครอบครัวบอกให้เลือกทีมชาตอตามหัวใจตัวเอง นั่นทำให้ตนเลือกติดทีมชาติโมร็อคโก