ชาลเก้ มักจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเยาวชนเสมอ โรงเรียนลูกหนังของทีมราชันสีน้ำเงินผลิตแข้งดาวรุ่งอย่างต่อเนื่อง ก่อน เลเวนท์ เมอร์ชาน จะกลายเป็นนักเตะเยาวชนคนที่ 100 ของสโมสรที่ลงประเดิมเวทีบุนเดสลีกาหลังลงเล่นแทน อามีน ฮาริต ในเกมกับ มึนเช่นกลัดบัค นัดเปิดซีซั่น 2019-2020 

ส่วน 5 นักเตะเยาวชนดีที่สุดที่โรงเรียนลูกหนังของชาลเก้ทำคลอดออกมาสู่เวทีลูกหนังมีใครบ้างไปดูกันครับ 

1.มานูเอล นอยเออร์ 

ชาลเก้ : 154 เกม (62 คลีนชีต)

'เขาเป็นนักเรียนปกติทั่วไป คุณคงไม่เลือกให้เขาเป็นมืออาชีพในอนาคตจากชั้นเรียนนั้น' คุณครูโรงเรียนมัธยมกล่าวถึงวัยเด็กของนอยเออร์ บุคลิกของนายทวารทีมชาติเยอรมันเข้ากันได้ดีกับเมืองบ้านเกิดของเขาและ เกลเซนเคียร์เช่น ซึ่งเขาเติบโตขึ้นมาในฐานะผู้รักษาประตูในถิ่น เฟลตินส์ อารีน่า, นอยเออร์ อาจจะไม่โดดเด่นในโรงเรียนของเขา แต่พรสวรรค์ด้านฟุตบอลของเขาบ่งบอกถึงคลาสในตัวมันเองอยู่แล้ว

นอยเออร์ กลายเป็นสมาชิกของ ชาลเก้ ในปี 1991 ไม่นานก่อนวันเกิดครบ 5 ขวบของเขา อีก 14 ปีต่อมาเขาเซ็นสัญญาอาชีพกับทีมราชันสีน้ำเงิน ฐานะประตูมือสามของทีมชุดใหญ่ จนกระทั่งถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2006 เขาลงประเดิมเวทีบุนเดสลีกาในเกมที่ อาเค่น หลังลงเฝ้าเสาแทน แฟร้งค์ โรสต์ ที่บาดเจ็บ 

ช่วงเดือนมกราคมถัดมา, โรสต์ อำลาทีมราชันสีน้ำเงิน ก่อนโค้ช มีร์โก สลอมก้า จะดัน นอยเออร์ วัย 20 ปีขึ้นเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งคนใหม่พร้อมโปรโมต ราล์ฟ แฟห์รมันน์ นายทวารวัยรุ่นขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ด้วย

'แน่นอนว่าเราจะต้องพิจารณาในช่วงซัมเมอร์เกี่ยวกับการนำผู้รักษาประตูประสบการณ์มาร่วมทีมง อันเดรียส มุลเลอร์ ผู้อำนวยการกีฬาของชาลเก้กล่าวในขณะนั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ทำอย่างที่พูด

2.เมซุต โอซิล

ชาลเก้ :  30 เกม (0 ประตู)

'เมซุต ต้องการเล่นฟุตบอล ส่วนเรื่องอื่นเขาไม่สนใจ' โยเค่น เฮอร์มันน์ ครูพละของโอซิลเปิดเผย 'พวกเราต้องการจะสนุกกับลูกบอล ผมมักจะรู้สึกประทับใจที่เขาจะนอนหลับบนเตียงเขาพร้อมลูกฟุตบอลเสมอ'

'ผมเป็นแฟนชาลเก้มาตลอด' โอซิล เผย แต่เขาถูกสโมสรบ้านเกิดหมางเมินในช่วงแรกและต้องใช้เวลา 5 ปีกับ ร็อต-ไวส์ เอสเซ่น จนกระทั่งสมหวังได้สวมเสื้อทีมราชันสีน้ำเงินในปี 2005

โอซิล นำทีมเยาวชนชาลเก้คว้าแชมป์เยอรมันตั้งแต่ซีซั่นแรกจากการเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ในรอบชิงชนะเลิศและเขาก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในช่วงหน้าร้อนปีนั้นและลงประเดิมเวทีบุนเดสลีกาในเกมกับ แฟร้งค์เฟิร์ต ในช่วงเดือนสิงหาคม 2006 ด้วยวัยเพียง 17 ปี

'ผมสามารถเรียนรู้มากมายจาก ลินคอล์น' โอซิล กล่าวถึงการแข่งขันแย่งตำแหน่งหมายเลข 10 กับมิดฟิลด์ชาวบราซิเลียน ก่อน โอซิล จะลงเล่นซีซั่นดังกล่าว 19 เกมและมีส่วนช่วยทีมราชันสีน้ำเงินจบฤดูกาลในฐานะรองแชมป์บุนเดสลีกา

การเล่นกับทีมที่รักควรจะกินเวลานาน ทว่ามันจบลงแบบกระทันหันในช่วงเดือนมกราคมปี 2008 เขาถูกปล่อยไปอยู่กับ เบรเมน ในช่วงตลาดหน้าหนาว 'เราตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญากับ เมซุต' มุลเลอร์ กล่าวหลังการพูดคุยอย่างดุเดือดกับบิดาของโอซิล 'เราคิดว่า เมซุต มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม แต่เราได้ตัดสินใจแล้ว'

3.ลีรอย ซาเน่ 

ชาลเก้ : 47 เกม (11 ประตู)

แฟนๆเลเวอร์คูเซ่นยังคงตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ด้วยความเสียดาย ซาเน่ แข้งดาวรุ่งพรสวรรค์สูง เขาใช้เวลา 3 ปีกับอคาเดมี่ของ ชาลเก้ ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ เลเวอร์คูเซ่น ในปี 2008 เขานำทีมเยาวชนห้างยาคว้าแชมป์ฝั่งตะวันตกของเยอรมันในปี 2010 ทว่า ซาเน่ เลือกกลับไปอยู่กับ ชาลเก้ อีกครั้งในอีก 3 ปีต่อมา แน่นอนว่ามันเป็นการสูญเสียของทีมห้างยาแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

'วันหนึ่ง ชาลเก้ เข้ามาหาคุณพ่อผม พ่อแม่ของผมถามผมว่าผมอยาก (ไปชาลเก้) หรือไม่ ผมต้องการไป' ซาเน่ เผยหลังเคยมาอยู่กับทีมราชันสีน้ำเงินตั้งแต่อายุ 8 ขวบหลังเริ่มต้นหวดลูกหนังครั้งแรกกับสโมสรบ้านเกิดอย่าง วัตเท่นส์ไชด์ ทีมที่คุณพ่อของเขาเคยเล่นบนเวทีบุนเดสลีกาในช่วงปี 1990

'เรามักจะเล่นกับ วัตเท่นส์ไชด์ เผชิญหน้ากับ ชาลเก้ เสมอ มันชัดเจนสำหรับผมว่านั่นเป็นสโมสรพิเศษ'

ชาลเก้ ทราบดีว่าพวกเขามีเด็กพรสวรรค์และกลายเป็นขุมกำลังหลักของทีมชุดยู-19 ภายใต้โค้ชระดับตำนานอย่าง นอร์เบิร์ต เอลเกิร์ต ในซีซั่น 2013-2014 ก่อน เยนส์ เคลเลอร์ จะดึงขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในช่วงเดือนมีนาคมปี 2014 พร้อมกับ ฟิลิปป์ มักซ์ ที่ค้าแข้งกับ เอาก์สบวร์ก ในปัจจุบัน

มักซ์ ออกจากสโมสรเพื่อหาโอกาสลงเล่นตัวจริงในทีมชุดใหญ่ ต่างจาก ซาเน่ ที่ปักหลักในทีมชุดใหญ่อย่างรวดเร็ว เขาเปิดตัวบนเวทีบุนเดสลีกาช่วงเดือนเมษายนปี 2014 ลงเล่นด้วยวัย 18 ปีและยิงประตู ซาเน่ ยังได้ลงเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกในเกมดวล เรอัล มาดริด ซีซั่นต่อมาและยังมีส่วนช่วยทีมชุดยู-19 คว้าแชมป์ระดับชาติในซีซั่นเดียวกันด้วย

4.ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ 

ชาลเก้ : 119 เกม (18 ประตู)

'ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่' ดรักซ์เลอร์ อธิบายความรู้สึกหลังการคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ปี 2011 'หนึ่งหรือสองปีก่อน ผมกำลังดูทีวีขณะที่นักเตะชูโทรฟี่ฉลองแชมป์ ตอนนี้ผมมีมันอยู่ในมือตัวเองแล้ว' มันไม่น่าแปลกใจเลยที่ ดรักซ์เลอร์ จะแสดงความรู้สึกประหลาดใจแบบเด็กๆ หลังจากทำประตูเบิกร่องจากชัยชนะ 5-0 เหนือ ดุ๊ยส์บวร์ก ที่สนาม'โอลิมปิก สเตเดี้ยม'ในกรุงเบอร์ลิน ขณะที่มีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น

เขาอาจอายุมากพอที่จะดื่มเบียร์ฉลองกับเพื่อนร่วมทีมของเขาในห้องแต่งตัว ผู้เล่นวัยรุ่นที่เพิ่งเขียนชื่อตัวเองลงในหนังสือประวัติศาสตร์ของฟุตบอลเยอรมัน หลังกลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่คว้าแชมป์รายการนี้ 

ดรักซ์เลอร์ ประเดิมทีมชุดใหญ่ของ ชาลเก้ ในช่วงเดือนมกราคมปีเดียวกัน หลังถูกส่งลงสนามแทน อีวาน ราคิติช ตอนอายุ 17 ปี กับ 117 วัน เป็นนักเตะอายุน้อยสุดของทีมราชันสีน้ำเงินที่ลงประเดิมเวทีบุนเดสลีกา 

ช่วงต้นเดือนมีนาคมปี 2013 เขาลงสนามเกมที่ 100 จากการลงเล่นทุกรายการกับสโมสรและวันที่ 3 พฤษภาคม 2014 เขาสร้างสถิติอีกครั้งโดยเป็นนักเตะที่ลงเล่นบุนเดสลีกาครบ 100 เกมด้วยอายุน้อยสุดเพียง 20 ปี, 7 เดือน กับ 13 วัน ทำลายสถิติเดิมของ ชาร์ลี คอร์เบิล 

'เขาใจจดใจจ่อมากและไม่ประมาทหรือไม่รอบคอบ ทุกอย่างที่เขามีความหมาย' เฟลิกซ์ มากัธ กล่าวถึง ดรักซ์เลอร์ ที่เปิดตัวบนเวทีบุนเดสลีกาในยุคเขา 'คุณเห็นในทุกช่วงของเกมที่เขาต้องการทำประตู นั่นทำให้เขาเป็นคู่ปรับที่ยากสำหรับทุกคน' 

5.เบเนดิคท์ เฮอเวเดส 

ชาลเก้ : 240 เกม (12 ประตู)

นักเตะบางคนเกิดมาเป็นผู้นำและ เฮอเวเดส เป็นหนึ่งในนั้น ชาลเก้ รับรู้ถึงสิ่งนั้นได้เช่นกันจึงมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้ เฮอเวเดส ตั้งแต่เล่นกับทีมชุดยู-19 ตอนที่เขาย้ายมาร่วมทีมในปี 2005 เขานำทีมคว้าแชมป์เยาวชนเยอรมันในปีถัดมา ก่อนจะเซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกในเดือนมกราคมปี 2007

เขารอการลงประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่จนถึงเดือนตุลาคมปีต่อมา ชาลเก้ ยังส่งกองหลังวัย 19 ปีเป็นส่วนหนึ่งของขุมกำลังชุดทำศึกแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อของทีมราชันสีน้ำเงินที่มีต่อเขาและอคาเดมี่ของพวกเขา นับจากวันแรก เฮอเวเดส ลงเล่นลีกสูงสุดเมืองเบียร์มากกว่า 200 เกมกับ ชาลเก้ และสวมปลอกแขนนำทัพเป็นส่วนใหญ่ด้วย

เฮอเวเดส เป็นผู้เล่นที่มอบทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเพื่อทีมเสมอจนกลายเป็นไอคอลของ ชาลเก้ นอกจากนี้เขาและดรักซ์เลอร์ยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติเยอรมันชุดแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2014 ที่ประเทศบราซิลและได้รับการยกย่องจากตำนานมีชีวิตอย่าง' แดร์ ไกเซอร์'

'เดเนดิคท์ เฮอเวเดส เป็นหนึ่งในนักเตะที่สร้างความประทับใจให้ผมมากที่สุด' ฟรานซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ กล่าวถึงเซนเตอร์ชาลเก้ที่สามารถขยับมาเล่นแบ็กขวาในทีมชาติเยอรมัน 'เขาเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เขาทำมันเหมือนบินได้'