:::     :::

"Underratedอย่างเงียบงัน แต่เป็นตำนานตลอดไป" Carrick ชายผู้หวิดได้เบอร์7แมนยู

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
5,730
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รู้หรือไม่ ไมเคิล คาร์ริคเกือบจะได้ใส่เสื้อเบอร์7ในตำนานของแมนยูต่อจากโรนัลโด้ที่ออกจากทีมไปแล้ว แต่เกิดอะไรขึ้นบ้างและเพราะอะไร นี่คือเรื่องราวที่ว่า

นับตั้งแต่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายไปร่วมทีมเรอัลมาดริดในปี2009 เสื้อหมายเลข7ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็กลายเป็นเหมือน "เสื้อต้องคำสาป" ไปซะยังงั้น ไม่ว่าใครมาใส่เบอร์นี้ก็มีอันไม่รอดไปซะทุกรายไล่ตั้งแต่ อังเคล ดิมาเรีย, เมมฟิส เดปาย และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่สามารถโชว์ฟอร์มสมดังความคาดหวังต่อเสื้อหมายเลข7ได้เหมือนตำนานคนก่อนๆอย่างโรนัลโด้ จอร์จ เบสต์ หรือ คันโตน่าเลย

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากการขายโรนัลโด้ให้กับมาดริดไปในราคา80ล้านปอนด์นั้น เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเกือบจะมอบเสื้อเบอร์เจ็ดให้กับ "ไมเคิล คาร์ริค" แล้วครั้งหนึ่งตามรายงานจากThe Express โดยเฟอร์กี้นั้นเรียกตัวทั้งคาร์ริค และนักเตะใหม่ที่เพิ่งเซ็นเข้ามาอย่าง "ไมเคิล โอเว่น" เข้าไปที่ห้องทำงานเพื่อที่จะพิจารณากันว่าใครจะได้เสื้อหมายเลขนี้ไป

รายงานว่า ป๋านั้นบอกโอเว่นว่า ถ้าอยากได้เสื้อเบอร์นี้ ป๋าจะให้เขาไปเลย แต่หากเขาไม่อยากใส่มันและรู้สึกว่ากดดันเกินไป เขาจะให้คาร์ริคใส่เบอร์7..


คาร์ริคนั้นปัจจุบันคือชายผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของตำนานสโมสรไปเรียบร้อยแล้วด้วยการได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้วเฉพาะเขาคนเดียวก็ "5สมัย" และยังเป็นส่วนหนึ่งในทีมชุดแชมป์ยุโรปอีกด้วย แต่เนื่องด้วยสไตล์การเล่นของเจ้าตัวที่เยือกเย็นและนิ่ง บวกกับชีวิตนอกสนามที่สมถะเรียบง่ายนั้น ทำให้เขาค่อนข้างที่จะถูกยกย่องน้อยกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ(underrated)

ค่าตัว18ล้านปอนด์ที่จ่ายให้คู่แข่งในลีกอย่างท็อตแน่มนั้น ทำให้เขาเข้ามาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของยูไนเต็ด ซึ่งนักเตะอังกฤษผู้นี้เข้ามาทำให้แมนยูไนเต็ดนั้นเล่นได้ง่ายและนิ่งขึ้นกว่าเดิมในทีม ประหนึ่งเครื่องจักรคุมจังหวะให้กับทีมเรานั่นเอง (ผู้เขียนเปรียบเปรยคาร์ริคถึงmetronome เครื่องเคาะให้จังหวะในการฝึกดนตรี เคาะบีทเป็นBPMนั่นแหละ)


ดังนั้นการจะเห็นนัดเตะที่ค่อนข้างเงียบๆอย่างคาร์ริคมาใส่เสื้อเบอร์7อันโด่งดังของยูไนเต็ดนั้น อาจจะทำให้แฟนบอลหลายคนแปลกใจ บางคนอาจจะรู้สึกตงิดๆเพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเข้าเท่าไหร่  ส่วนอีกด้านนั้นในขณะเดียวกัน"อีกไมเคิล" อย่าง ไมเคิล โอเว่นนั้นได้บอกกับทาง Joe.co.uk ว่าเขารู้สึกกระตือรือร้นและอยากที่จะใส่เสื้อเบอร์7มากๆ

ซึ่งโอเว่นนั้น คืออดีตนักเตะระดับ Balon d’Or ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายรายการที่Liverpool กับ Real Madrid ความสำเร็จที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่ระดับนี้ของเฮียเว่นอาจจะมีบารมีพอที่จะใส่เสื้อตัวนี้ต่อจากโรนัลโด้ก็ได้

การลงสนามในนามของนักเตะแมนยูไนเต็ดของโอเว่นนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีแต่อาการบาดเจ็บเสียเป็นส่วนมาก หรือไม่งั้นก็ไม่ค่อยได้ลงตัวจริงเท่าไหร่ แต่โอเว่นก็จารึกชื่อตัวเองเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของยูไนเต็ดเรียบร้อยแล้วด้วยประตูชัยระดับAnticlimax ที่แฟนผีกำลังจะเงิบเพราะโดนท่าไม้ตายย้อนศรของเฟอร์กี้ไทม์ กลายเป็น สปาร์กี้ไทม์ที่หนูถีบจักรอย่าง เคร้ก เบลลามี่ ยิงตีเสมอให้ซิตี้มาเป็น3-3ในนาที90

แต่เมื่อกรรมการที่ยังไม่เป่าหมดเวลา ปีศาจแดงในยุคป๋าก็ไม่เคยถอนคันเร่งแม้แต่ครั้งเดียว สุดท้ายแล้วก็เป็นเฮียเว่นนี่แหละที่จิ้มประตูขยี้เพื่อนบ้านน่ารำคาญไปในนาทีสุดท้ายที่เกินทดเวลามาอีก1นาที ชนะไปอย่างสุดมันส์ที่สุด

น่าจะเป็นดาร์บี้แมตช์ที่มันที่สุดในประวัติศาสตร์แล้วด้วยมั้งนัดนี้

ลูกยิงลูกนี้ ดูกี่ทีก็ขนลุก

ซึ่งนอกจากโอเว่นจะกลายเป็นตำนานประตูทดเจ็บซ้อนทดเจ็บเหนือซิตี้แล้วนั้น เขายังกลายเป็นอีกหนึ่งนักฟุตบอลที่รู้น้ำหนักถ้วยพรีเมียร์ลีกในปี 2011 คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จในชีวิตค้าแข้งในที่สุด แถมด้วยแฮททริกหรูๆในแชมเปี้ยนส์ลีกประดับบารมีไปอีกหนึ่งสถิติอีกด้วย

ถึงโอเว่นจะประสบความสำเร็จเพียงแค่ไม่มากกับสโมสรเรา แต่ถ้าหากเทียบกันกับรายอื่นๆนั้น เอาจริงๆแล้วพี่เว่นถือว่าเป็นเบอร์7ที่ดีที่สุดนับหลังจากคริสเตียโน่ โรนัลโด้เลยทีเดียว ซึ่งมันก็จริงเพราะว่า นักเตะคนอื่นๆหลังจากนั้นไม่มีใครที่จะเข้าใกล้กับโรนัลโด้ได้เลย (หรือแม้กระทั่งโอเว่นเองก็ตาม) เพราะเบอร์นี้มันหนักหนาเกินไปสำหรับนักเตะอย่าง อันโตนิโอ วาเลนเซีย และรวมถึงเมมฟิส, แน่นอน ไอ้งูพิษที่มาลงเล่นแล้วก็ล้มเหลว แถมทรยศสโมสรและหิวเงินอย่างอังเคล ดิมาเรีย ก็แทบจะถูกแฟนผีลืมไปจากสารบบเหมือนไม่เคยมีตัวตนอยู่อีกด้วย

ทางด้านอเล็กซิส ซานเชสเอง ก็เป็นอีกหนึ่งนักเตะโปรไฟล์สุดหรูที่ได้ใส่เบอร์นี้เช่นกัน แต่ว่าไม่สามารถงัดเอาศักยภาพมาใช้ได้คู่ควรกับการใส่เสื้อตัวนี้เลย .. เสื้อหมายเลข7ในขณะนี้จึงถูกเก็บอยู่อย่างเงียบๆในล็อคเกอร์ของโอลด์แทรฟฟอร์ด และเฝ้ารอคอยให้เจ้าของคนต่อไปจะมาสวมใส่มัน ซึ่งหากมีใครคนนั้นปรากฏตัว เขาจะต้องรับมือกับแรงกดดันมหาศาลก่อนที่จะทันได้รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ


ตัดกลับมาที่คาร์ริค หลังจากที่เขาไม่ได้ใส่เสื้อเบอร์7(ซึ่งก็ดีแล้ว) การประสบความสำเร็จของเขา12ปีนับตั้งแต่2006ที่ย้ายมาอยู่กับสโมสรนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่จุดสิ้นสุดเพียงเท่านั้น เพราะนักเตะระดับท็อปผู้ซึ่งunderratedสุดๆรายนี้นั้นจะยังคงมอบ"มรดกสู่อนาคต" ของเขาให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต่ออีกในระยะยาวด้วยบทบาทหน้าที่ของการเป็นโค้ช อย่างที่เราทราบกัน ด้วยการให้โอกาสของโจเซ่ มูรินโญ่ที่อยากจะเก็บรักษาคาร์ริคเอาไว้ให้เป็นสมบัติล้ำค่าของสโมสรในระยะยาว เป็นเสมือนคัมภีร์ของความสำเร็จให้แก่เด็กๆนักเตะรุ่นหลัง

ในบทบาทของนักเตะ คาร์ริคคุมงานกลางสนามบอลในตำแหน่งDLP (Deeplying Playmaker) เป็นตำแหน่งที่แทบไม่เคยได้ขึ้นพาดหัวข่าวกับเขาเลยเหมือนกับผู้เล่นคนอื่น ซึ่งคาร์ริคนั้นเยือกเย็นและนิ่งมากในการเล่นของเขา ซึ่งคุณจะประทับใจทุกครั้งที่เห็นเขาเล่นด้วยตาตัวเอง มากกว่าแค่คำบอกเล่าต่างๆเหล่านี้


ซึ่งสไตล์การเล่นที่ว่านี้ของคาร์ริคเอง ก็มีนักเตะแบบนี้ที่โด่งดังและได้รับการยกย่องอย่างมหาศาลแบบ ชาบี้อลอนโซ่เอง หรือแม้กระทั่ง ชาบี้แห่งบาร์เซโลน่าก็ตาม นักเตะเหล่านี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นระดับสุดยอดแล้วในยุโรป ทำให้สมัยนี้ก็มีดาวรุ่งพรสวรรค์ของอังกฤษหลายๆคนที่ชอบเล่นฟุตบอลในตำแหน่งควบคุมจังหวะสไตล์นี้ ตามรอยไอดอลเหล่านี้ไป

"ฟุตบอลอังกฤษนั้นยากมากเลยผู้คนจะชื่นชมคนทำหน้าที่เป็นตัวปิดทองหลังพระแล้วทำให้ทีมเล่นได้เข้าขากัน ซึ่งตัวอย่างเช่นไมเคิล คาร์ริคนั่นแหละที่เป็นคนทำให้เพื่อนรอบข้างสามารถเล่นได้ง่ายเช่นนั้น" Xabi Alonso

คาร์ริคนี่แหละ ที่เป็นคนเชื่อมทีมให้โคตรนักเตะเหล่านี้ในภาพ เล่นร่วมกันได้อย่างสุดยอดที่สุด

การมีคู่หูระดับ Paul Scholes, Darren Fletcher และกระทั่ง Wayne Rooneyเองก็ตามในตำแหน่งกองกลางนั้น คาร์ริคมักจะอยู่ในสถานะไลน์อัพแกนหลักที่ลงไปแล้วให้ความแน่นอนในการครองบอลเสมอ เขาได้กลายเป็น"กระดูกสันหลัง"ของทีมในยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตลอดยุคหลังของพรีเมียร์ลีกในฐานะนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดกับยูไนเต็ดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

คาร์ริคฝังรากลึกกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาและระบบของสโมสรที่ให้ความสำคัญกับภาคการครองบอล รวมถึงจิตใจที่มุ่งมั่นจะเอาชนะให้ได้ .. ทัศนคติเหล่านี้แหละจึงทำให้เขาสามารถเข้ากับได้ดีและเคมีตรงกันกับโจเซ่ มูรินโญ่อยู่พอสมควร


ปัจจุบันนี้คาร์ริคเป็นผู้ช่วยของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา, ดูแลและโค้ชชิ่งนักเตะตำแหน่งมิดฟิลด์ในทีมอยู่ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มเยี่ยมๆของเฟร็ด วิธีการเล่นของแม็คโทมิเนย์ และการพัฒนาสกิลของมาติชเพิ่มขึ้นมาในการเล่นเกมรุกซึ่งขณะนี้กำลังซ้อมเพิ่มในสิ่งที่ว่าอยู่

ความอาวุโสในห้องแต่งตัวของยูไนเต็ด การคุ้นเคยระบบและวัฒนธรรมของสโมสร และความสามารถในการถ่ายทอดวิชาให้แก่เด็กๆรุ่นใหม่ซึ่งจะเป็นสมบัติของสโมสรต่อไปในอนาคตนั้น สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงความสำคัญของชายผู้นี้ต่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้เป็นอย่างดี


การย้ายเข้ามาของเขาแค่คนเดียวแต่ทำให้แมนยูเปลี่ยนเป็นทีมที่แข็งแกร่งและแน่นอนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ และต่อกรกับฟุตบอลยุคใหม่ในสมัยนั้นได้อีกครั้ง(2006-2008 ) หลังจากที่ปีศาจแดงเสียแชมป์ไปให้อริรายใหม่จากแดนฝอยทอง พวกเราก็กลับมาทวงความยิ่งใหญ่แบบnever dieกันสำเร็จ โดยมีนักเตะผู้นี้เป็นกุญแจสำคัญ จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายในยุคนั้น ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์กระจุยกระจายอย่างที่เห็น

ไม่ว่าแฟนผีจะเคยเรียกเขาด้วยสมญานามใด ไม่ว่าจะเป็นมิดฟิลด์ไก่ป่วย(ก่อนจะย้ายมาแล้วโดนตั้งคำถามว่าดีพอหรือ?), เฮียลูกเจี๊ยบจากไดอารี่แมนยู, เฮียแปะ, ปลัดคาริค ของดีของวิเศษประจำทีม ...จะอะไรก็แล้วแต่ เขานี่แหละ คือเครื่องจักรคุมจังหวะที่ทำงานอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอย แต่มั่นคงและคมกริบอย่างถึงที่สุด

มิดฟิลด์ฝีเท้าเยี่ยมของยูไนเต็ดผู้เคยเฉียดกรายจะได้ใส่เสื้อเบอร์7ในตำนาน

ชายผู้underratedตลอดกาลในสายตาแฟนทีมอื่น แต่สำหรับแฟนผีเขาคือนักเตะที่แน่นอนที่สุดคนนึง

ใช่แล้ว..นั่นล่ะ "ไมเคิล คาร์ริค" ของพวกเรา

-ศาลาผี-


Source : https://utdreport.co.uk/2018/01/27/michael-carrick-the-influential-yet-underrated-figure-at-manchester-united-whose-legacy-is-set-to-continue/

https://utdreport.co.uk/2020/03/15/fergusons-weird-dilemma-after-ronaldo-departure/

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด