สำหรับโอเดียน อิกาโล่ กองหน้าวัย 30 ปี ที่ย้ายจากเซี่ยงไห้ เซิ่นหัว มาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบชั่วคราว ท่ามกลางข่าวที่ว่า เขายอมลดค่าเหนื่อยจำนวนมาก เพื่อมาเล่นให้กับพลพรรค “ปีศาจแดง”
ช่วงนี้ เราไปดูมุมมองของเขาที่มีต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรที่ติดตามเชียร์มาตั้งแต่เด็กกันหน่อย ทั้งความทรงจำสมัยก่อน, ความฝันที่อยากมาเล่นที่นี่ รวมถึงเป้าหมายในอนาคต และสิ่งที่เขาพร้อมที่จะเสียสละเพื่อสโมสรแห่งนี้
อิกาโล่ ย้อนความทรงจำสมัยที่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่เติบโตมาในย่านสลัมของประเทศไนจีเรียว่า "ทุกคนต่างรู้ดี ผมเติบโตมากับการเป็นแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมและพี่น้อง ต่างมอบจิตวิญญาณให้กับการเป็นสาวกของปีศาจแดง"
"เรายอมจ่ายเงิน เพื่อได้ดูทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามแข่งขัน หากคุณอยากดูการถ่ายทอดสด คุณก็จำเป็นต้องมีช่องกีฬา นี่คือชีวิตที่ไนจีเรีย แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีปัญญาจ่ายเงินจำนวนนั้น พ่อแม่ของผมก็ไม่มีกำลังมากพอในการทำแบบนั้นด้วย ดังนั้น คุณต้องจ่ายเงินเข้าไปดูที่ศูนย์ หากอยากดูฟุตบอลจริงๆ"
"ผมเติบโตมาในย่านสลัม ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากเลยล่ะ แต่เมื่อสุดสัปดาห์มาถึง ความตื่นเต้นก็จะเข้ามาทดแทน เพราะทุกคนต่างอยากดูแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่น ดังนั้น คุณต้องเริ่มเก็บเงินที่ได้จากการไปโรงเรียน เก็บสะสมทีละเล็กทีละน้อย เพื่อเฝ้ารอช่วงเวลาสุดสัปดาห์"
"คุณจะมีเสื้อแข่งเป็นของตัวเอง และต้อซักทำความสะอาด ก่อนที่ช่วงสุดสัปดาห์จะเดินทางมาถึง จากนั้น คุณจะสวมเสื้อบอล และเข้าไปเชียร์ทีมรักที่ศูนย์ ที่นั่นมันบ้าคลั่งมาก แฟนบอลบางคนแช่งให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับความพ่ายแพ้ ในฐานะที่คุณเป็นแฟนบอลปีศาจแดง คุณต้องการสนับสนุนให้ทีมพบกับชัยชนะ คุณเริ่มมีการโต้คารม, ตะโกน, กรีดร้อง และทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ !!"
"ศูนย์ที่จัดเอาไว้ให้ชมการถ่ายทอดสด บางห้องก็มีขนาดที่เล็กมาก มีคนราว 200 คนบรรจุอยู่ในนั้น !! อีกห้องหนึ่ง คุณอาจจะได้เห็นคน 500 คนรวมตัวกันดูการถ่ายทอดฟุตบอล บางคนก็ต้องยืนดู แม้ว่าจะจ่ายเงินเข้ามาก็ตาม" อิกาโล่ เล่าต่อ
กาลเวลาผ่านไป จากเด็กย่านสลัมที่ต้องเก็บเงินค่าขนม เพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงแข่งขัน กลายมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และมีสัญลักษณ์ของ "ปีศาจแดง" แปะอยู่ตรงหน้าอกด้านซ้าย และจากห้องถ่ายทอดสดที่แสนคับแคบ เขาได้มาโลดแล่นในสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยมีแฟนบอลหลายหมื่นคอยสนับสนุน
“ผมรู้ว่านักฟุตบอลมากมาย ทำการเซ็นสัญญา และบอกว่าสโมสรนั้นคือทีมในฝัน แต่สำหรับผม มันแตกต่างออกไป จากย่านสลัม ผมเดินทางมาสู่โรงละครแห่งความฝัน พร้อมกับเล่นให้กับสโมสรในฝันที่แท้จริง ทีมที่ผมเฝ้าเชียร์มาตั้งแต่วัยเด็ก”
"ย้อนกลับไปเวลานั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมที่ดีที่สุดบนเกาะอังกฤษ พวกเขาเอาชนะได้ในทุกเกมการแข่งขัน ทุกฤดูกาลที่ผ่านพ้นไป คุณจะเห็นพวกเขาชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ในยุคสมัยที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังคุมทีมอยู่ ทุกคนอยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมแห่งชัยชนะนี้ ตอนนั้น ผมยังเด็กมาก ก่อนจะเติบโตขึ้น และเชียร์ทีมมาจนถึงทุกวันนี้"
อิกาโล่ ทิ้งท้ายถึงการได้ย้ายมาเป็นนักเตะของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาไว้ว่า "ผมอยู่ในห้องพักที่เซี้ยงไห้ ก่อนจะได้ยินข่าวมาว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังให้ความสนใจ และตัวแทนของผมก็โทรมาคุยในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ามันเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากผมอยู่ที่ประเทศจีน แถมมีโรคโคโรน่า ระบาดอย่างหนัก กระทั่งทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง"
“ผมบอกกับเอเย่นต์ไปว่า ผมตอบตกลงที่จะย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมไม่ได้นอนจนถึง 6 โมงเช้า เพราะต้องเคลียร์เรื่องเอกสารให้จบ เมื่อผมลงนามในสัญญาไปแล้ว ผมถึงกับถามตัวเองว่า -นี่เราฝันไปหรือเปล่า ?- มันคือความฝันที่ยิ่งใหญ่ และผมไม่อยากเชื่อเลยล่ะ"
"กระทั่งผมเดินทางมาประเทศอังกฤษ ถึงได้ตระหนักแล้วว่า มันคือเรื่องจริง ผมไม่รู้จะอธิบายว่ายังไงดี เมื่อคุณเคยฝันถึงเรื่องนี้ ผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ จนคุณได้มาเป็นส่วนหนึ่งของมันแล้ว มันยอดเยี่ยมมากเลย ผมมีความสุขเอามากๆ แต่ผมต้องคอยเก็บความรู้สึกนั้นไว้ เพราะผมยังมีงานต้องทำให้สำเร็จ
