:::     :::

"จอมเวทย์หลังเลิกเรียน" และการใช้Transfer Budgetในตลาดนี้ให้โหดที่สุด

วันพุธที่ 01 เมษายน 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,718
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วิเคราะห์การบริหารTransfer Budgetของแมนยูไนเต็ดว่า ควรใช้เงินก้อนนี้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้นักเตะที่ดีที่สุดมาใช้งานภายในงบประมาณที่จำกัด

ในระหว่างที่ทุกอย่างบนโลกนี้ต้องหยุดกันทั้งหมดไม่เว้นแม้กระทั่งการแข่งขันฟุตบอลซึ่งโดนผลกระทบเยอะสุดในด้านของการเป็นกิจกรรมที่มนุษย์ต้องมารวมตัวทำด้วยกันนั้น  การแข่งไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ล้วนแล้วจะต้องหยุดทำการแข่งขันทั้งสิ้น

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วข่าวของวงการฟุตบอลที่นักข่าวต่างพากันเล่นได้นั้นก็คงหนีไม่พ้นข่าวซื้อขายตัว น่าน่าจะทำให้ยอดtrafficหน้าเว็บเหล่านั้นยังคงขยับเขยื้อนกันอยู่ได้  จึงเกิดทั้งประเภทข่าวเต้านอนเซนส์ขึ้นมา และข่าวที่มีมูลจริงปล่อยออกมาคละเคล้ากันไป

เรียกง่ายๆว่าขายข่าวซื้อขายช่วงนี้กันสนุกเลยแหละ เพราะบอลมันไม่มีเตะไง ก็เหลือแต่ประเด็นนี้แหละ

ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราก็จะเข้าเมืองตาหลิ่วกับเขาด้วยอีกคน ไหนๆก็เล่นข่าวแรงกันจังช่วงนี้ ก็จัดกันซะเลยถึงเรื่องที่ว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่มีข่าวกับนักเตะหลายๆคนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งข่าวมีมูล ข่าวลือนั้น ถ้าถึงเวลาที่ "ตลาดเปิด" จริงๆแล้ว การลงตลาดครั้งต่อไปเราจะเอายังไงกันดี

โดยที่วันนี้เราจะมาโฟกัสกันถึงเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุดไม่แพ้ด้านอื่น แต่มักจะถูกหลายๆคนมองข้าม นั่นก็คือเรื่องของ Transfer Budget หรืองบประมาณในการซื้อขายนักเตะของเรานั่นเอง


หลายคนพูดกันแต่ว่า อยากได้ตัวนั้นตัวนี้ จะเอากองหน้า ปีกขวา กลางรับ ฯลฯ แต่อย่าลืมว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นยังเป็นทีมที่ทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมา และมีการใช้เงินที่เป็นเหตุเป็นผล มีขีดจำกัดในการ"ซื้อขาย" อยู่พอสมควร เพราะทีมเราไม่ได้ปั๊มแบงค์เองได้ หรือว่าได้รับเงินอัดฉีดมาจากภายนอกโดยที่ไม่เกี่ยวกับรายได้ที่มีที่มาที่ไป ที่สโมสรหารายได้เข้ามาด้วยตัวเอง

จะบอกว่า แมนยูไนเต็ดก็ใช้เงินมหาศาลในการซื้อนักเตะไม่ต่างกับทีมอย่างปารีสหรือแมนซิตี้ใช่หรือไม่ .. เราต้องบอกว่าใช่ เราใช้เงินในการซื้อนักเตะเหมือนกับทีมพวกนั้น

แต่ที่มาของเงินมันต่างกัน คิดว่าประเด็นนี้แฟนผีก็คงจะรู้กันดี คงไม่ต้องไปขยี้เค้าต่อ ใครทำอะไรยังไงก็รับผลไปตามนั้น

กลับมาที่แมนยูไนเต็ด ดังนั้นในเมื่อเราเป็นทีมที่ใช้เงิน "ตามที่หารายได้มาเองด้วยวิธีปกติ"  ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เงินประเภทที่เหมือนใช้สูตรปั๊มตัง โกงตังขึ้นมาเองมหาศาล จะมาใช้จ่ายซื้อนักเตะเว่อร์ๆไม่ได้ ต่อให้แมนยูจะมีรายได้พอประมาณก็ตามที ดังนั้นเรื่องของ Transfer Budget ที่มีขีดจำกัดในการใช้นั้นควรจะหยิบยกมาพูดถึงกรณีเคสของการที่เหล่าแฟนผี อยากจะได้นักเตะคนนู้นคนนี้

เราจำเป็นต้องคำนึงถึงงบของเราด้วย

เพื่อให้งบประมาณของเราก้อนนี้เกิดประโยชน์สูงสุด ลองมาคิดกันเล่นๆดีกว่าว่า เราควรจะลงเงินทุ่มไปกับตำแหน่งไหน หรือกับใครที่ราคาเท่าไหร่ และซื้อกี่คนดี


1.Transfer Budgetที่มีโดยประมาณ

การคาดการณ์เรื่องของงบซื้อขายแมนยูนั้นจริงๆเป็นเรื่องที่น่าจะพอเดาได้ว่ามันคงจะไม่หนีไปจากนี้  คิดคำนวณง่ายๆก่อนอย่างที่เกริ่นไปยืดยาวจนคนอ่านขี้เกียจอ่านไปแล้วนั้นว่า เราไม่ได้มีเงินถุงเงินถังประเภท จะเสกเงินมาซื้อตัวระดับร้อยล้านได้ทีละสองสามตัว มันเป็นไปไม่ได้ และเมื่อยึดโยงกับตลาดนักเตะที่ผ่านมาของเราช่วงหลายปีหลัง บวกกับการให้ข่าวจากแหล่งต่างๆ เราสามารถตีขลุมเอาไว้ก่อนคร่าวๆว่า Budgetของแมนยูไนเต็ดปีนี้น่าจะประมาณ

"200ล้านปอนด์"

อันนี้คือMaxนะ คิดว่าบอร์ดบริหารน่าจะให้สูงสุดราวๆนี้ แต่ไม่น่าจะเกินนี้แล้ว

ต้องเข้าใจก่อนว่า ทีมเราเองนั้นสามารถอัดฉีดเพิ่มเพดานของBudgetตรงนี้ให้มากกว่า200ได้หรือไม่  คำตอบก็คือ "ได้"อย่างแน่นอน

แต่พวกเขาจะไม่ทำ


ส่วนหนึ่งนอกจากความเขี้ยว(และงก)ของบอร์ดด้วยแล้วนั้น แมนยูไนเต็ดในหลายๆปีให้หลัง ต่อให้เป็นยุคของLVGหรือMourinhoปีแรกๆก็ตามที บอร์ดเราดูเหมือนจะซื้อเยอะ แต่ว่ามันก็มีเพดานของมันอยู่พอควร ไม่ได้ถึงกับเว่อร์อะไรขนาดนั้นเลย  แม้ว่าเงินคงคลังเราจะมีสามารถ Adjust Budget ได้อยู่บ้าง แต่ด้วยลักษณะนิสัยของบอร์ด เค้าจะไม่ยอมให้มันเว่อร์อย่างแน่นอน

เมื่อเทียบกับปีล่าสุดที่ผ่านมา เราใช้เงินไปกับนักเตะห้าคนที่เข้ามาแล้วโคตรโดน โดนเต็มๆ อันได้แก่  แดเนียล เจมส์ / แอรอน วานบิสซาก้า / แฮรี่ แมกไกวร์ / บรูโน่ แฟร์นันดส์ / โอเดียน อิกาโล่ โดยที่แบ่งราคาคร่าวๆกลมๆประมาณนี้คือ

เจมส์ 15m / บิสซาก้า 45m / แมกไกวร์ 80m / บรูโน่ 46.5 / อิกาโล่ ค่ายืม 4m  (หน่วยล้านปอนด์ บรูโน่กับบิสซาก้าเป็นinitial fee) = 190m

พอเอาไปเทียบกับที่เก็งไว้เล่นตามความน่าจะเป็นที่200mนั้น ก็ถือว่าค่อนข้างที่จะใกล้เคียงและตรงมาก ดังนั้นเราจะสมมติว่าTransfer Budgetของยูไนเต็ด ก็น่าจะอยู่ที่200ล้านปอนด์โดยประมาณ


2.บริหารงบที่มียังไงดีให้คุ้มที่สุด

ข้อนี้ต้องดูว่า "ทีมขาดอะไร ต้องการตำแหน่งไหนมากที่สุด"

ตอบง่ายมาก ตอนนี้ทีมต้องการตัวรุกที่เก่งระดับบรูโน่ แรชฟอร์ด มาร์กซิยาล พวกนี้เข้ามาอีกสักสองตัวโดยประมาณ และตำแหน่งอื่นๆที่อาจจะต้องเสริมเช่น มิดฟิลด์ตัวแทนของป็อกบา ในกรณีที่เจ้าตัวจะย้ายออก หรืออาจจะเป็นกลางรับอีกสักตัวเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและเพิ่มsquad depthให้กับทีม ไม่งั้นเราจะต้องอึดอัดกับการต้องทนดูเฟร็ดลงแทบทุกเกมโดยไม่มีคนช่วยเช่นนี้ หากมีใครคนใดคนหนึ่งระหว่างมาติชหรือแม็คโทมิเนย์เจ็บไป จะลำบากมาก

-first priorityของทีมนั้นน่าจะเป็น "ปีกขวา"  แน่นอนตัวที่ข่าวแรงสุดๆในช่วงนี้อย่างที่เห็นกันในหน้าฟีดและบนเพจ ก็คงจะหนีไม่พ้นเป้าหมายหลักตัวจริงของแมนยูอย่าง "จาดอน ซานโช่" ปีกขวาดาวรุ่งที่ตอนนี้อยู่กับดอร์ทมุนด์ ซึ่งตัวนี้อย่างที่ทราบกัน ฝีเท้าเยี่ยม อายุน้อย ราคาค่าตัวสำหรับตัวนี้100ล้านอัพแน่นอน และน่าจะกำลังจะเป็นดีลที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์แมนยูคนใหม่ด้วย

ตามข่าวก็ 120ล้านปอนด์ สำหรับจาดอน ซานโช่

-ถัดมาก็น่าจะเป็นตำแหน่ง "กองหน้าตัวเป้า" ที่ค่อนข้างเชื่อว่า โอเล่น่าจะปลื้มอิกาโล่มากพอสมควรจากภาษากายที่เขาแสดงออกมา อิกาโล่น่าจะได้สลับกันลงหน้าเป้ากับ "มาร์กซิยาล" อย่างแน่นอนเหมือนช่วงที่ผ่านมาที่สองคนนี้เป็นตัวเปลี่ยนกันยืนหน้าเป้าตัวกลางกันแทบจะทุกเกม

ดังนั้น ค่าตัวของอิกาโล่ที่น่าจะราวๆ15ล้านปอนด์ที่เซี่ยงไฮ้เสิ่นหัว


อีกรายหนึ่งที่มีข่าวล่าสุดว่าอาจจะไม่ได้ปักหลักอยู่โยงกับสเปอร์ไปตลอดหากทีมไม่มีแนวโน้มจะพัฒนา และก็ไม่รู้ว่าเขาจะชอบวิธีการทำงานของมูรินโญ่หรือไม่สำหรับ แฮรี่ เคน ที่แฟนผีด้วยกันเองถกเถียงกันอยู่ว่า จะซื้อดีหรือไม่ซื้อดีสำหรับกองหน้าไก่ป่วยวัย26ปี กำลังจะ27กลางปีนี้นั้น เรื่องฝีเท้าไม่มีใครสงสัย หมอนี่คือกองหน้าระดับสี่จักรพรรดิ์ของโลกอย่างแน่นอน แต่ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่มาบ่อยมากๆทำให้หลายคนลังเลที่จะอยากได้เคนมาใช้งานมากๆ บวกกับราคาขายของเจ้าตัว ก็น่าจะโคตรแพงเช่นกัน

ดีลนี้น่าจะใช้เงินหลักร้อยล้านปอนด์เช่นกัน ตามข่าวเว่อร์ๆเลยก็นู่น 150ล้านปอนด์สำหรับกองหน้าระดับต้นๆของโลกที่กำลังเข้าวัยพีคอยู่พอดีสำหรับ แฮรี่ เคน

-ตัวรุกสารพัดประโยชน์ที่จะมาเป็นผู้ช่วยแบ่งเบาภาระของบรูโน่ แฟร์นันดส์คนใหม่ ที่จะทำให้เราไม่ต้องทนปวดตับกับการใช้งานไอ้มนุษย์ดัด"แปรง" หมายเลข14 หมายเลข15 ของกองทัพโบว์แดง (ไม่ใช่ดัดแปลงนะ ไอ้สองตัวนี้มันดัดได้แค่แปรง 555)


แน่นอนตัวที่อ่อยเราสุดๆ และก็มีข่าวกันมาอย่างยาวนาน แม้กระทั่งวันก่อนที่ซิ่งรถหนีกักกันตัวไปปาร์ตี้จนรถพังนั้น รายของ "แจ็ค กรีลิช" ที่สามารถเล่นได้ทั้งกลางรุกและตัวรุกทางซ้าย  เป็นอีกชื่อที่น่าเชื่อว่า แมนยูไนเต็ดคงจะไปสอยมาแน่นอนหากแอสตันวิลล่าตกชั้น และไม่สามารถแบกรับภาระค่าเหนื่อยของกัปตันตัวเก่งผู้นี้ได้อีกต่อไป ก็น่าจะไปซื้อมาได้ง่ายๆ เจ้าตัวเองก็อยากย้ายด้วย

ราคาค่าตัวโดยประมาณของกรีลิช น่าจะอยู่ที่ 50-70ล้านปอนด์ ไม่น้อยไม่มากไปกว่านี้แล้ว

ตัวอื่นๆที่มีข่าว และค่าตัวโดยประมาณก็เช่น

-Raul Jimenez กองหน้าวูล์ฟที่อายุเยอะขึ้นแล้ว ค่าตัวก็อาจจะราวๆ35-40ล้านปอนด์

-Declan Rice ตัวนี้ตัวท็อป เรทราคาน่าจะราวๆเท่ากับแมกไกวร์เลย คงจะประมาณ 80ล้านปอนด์(อาจจะ++)หากยูไนเต็ดจะไปชิงตัวมา


-Jude Bellingham กองกลางBox to Box ดาวรุ่งของเบอร์มิงแฮม ตามข่าวราคาน่าจะอยู่ที่ราวๆ 35ล้านปอนด์

-Saúl Ñíguez ซาอูล กองกลางตัวกลั่นของแอตมาดริด กับข่าวสนั่นหวั่นไหวเมื่อหลายวันก่อนที่ราคา 130ล้านปอนด์

-Ruben Neves มิดฟิลด์ที่มีข่าวกระเซ็นกระสายกับแมนยูอยู่เรื่อยๆ แฟนบอลก็ยังอยากได้อยู่ ตีราคาค่าตัวโดยประมาณตามข่าวก็คือ 45ล้านปอนด์

ทั้งหมดนี้คือ นักเตะ และค่าตัวของพวกเขาทั้งหมดที่มีข่าว และอยู่ในข่ายที่ยูไนเต็ดจะไปซื้อตัวมาค่อนข้างสูง โดยตัดเคสที่ไม่ค่อยมีข่าวเท่าไหร่อย่าง ฟานเดอบีค ออก และนอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องเกี่ยวกับเงิน และนักเตะของแมนยูอยู่อีกสองประเด็นก็คือ

-ปอล ป็อกบา ที่ยังไม่รู้อนาคตที่แน่นอนจริงๆว่า จะอยู่หรือจะไป หากขายค่าตัวก็น่าจะไม่ต่ำกว่าที่ซื้อมามากนัก อาจจะราวๆ80-90ล้านปอนด์

-อเล็กซิส ซานเชส ที่ดูทรงแล้วน่าจะต้องหอบผ้าระเห็จกลับโอลด์แทรฟฟอร์ดแน่ๆเพราะงูใหญ่ไม่เอาตัวนี้ (สอบตกอยู่คนเดียว นอกนั้นคนอื่นที่ย้ายไป ได้ดิบได้ดีกันหมด)  ด้วยสัญญาของชายเล็กที่ยังมีอยู่จนถึงปี2022 ด้วยค่าเหนื่อย350k/week (WTF) จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ต้องนำมาคิดความน่าจะเป็นด้วยว่า หากอเล็กซิสขายไม่ออก และกลับมาทีมจริงๆ เราจะทำยังไงกันดี ยังไม่รวมนักเตะเก่าที่ยังปล่อยตัวไม่ได้อีกมากมายหลายคนด้วย(โดยเฉพาะ14/15เป็นต้น)


3.ประมวลข้อมูลทั้งหมด

ดังนั้นเมื่อdataทุกอย่างครบแล้ว จึงทำการชั่งน้ำหนักและประมวลออกมาว่า แมนยูไนเต็ดนั้นจำเป็นต้องเสริมจุดไหน และใครดี โดยที่ให้ใช้เงิน 200ล้านปอนด์(โดยประมาณ)ให้ได้คุ้มที่สุด และอย่าเพิ่งไปคิดฝันเฟื่องว่า เอ็ดกับตระกูลเกลเซอร์จะใจดี ทุ่มงบปีนี้ให้250ล้านหรือ300ล้านปอนด์  เอาความเป็นจริงก่อนเราก็เห็นกันอยู่ว่า กว่าจะได้มาแต่ละคนยากเย็นแค่ไหน แม้จะซื้อมาแล้ว"โดน"ก็ตามทีในปีที่ผ่านมา

เรียงตามความสำคัญก็คือ

3.1 ปีกขวาต้องมา >> แน่นอน หวยล็อกข้อนี้ ยังไงก็ต้อง จาดอน ซานโช่เท่านั้นตามข่าวที่ว่าเราจะเอาจริงๆ รักจริงหวังแต่ง ดังนั้นเตรียมตังเอาไว้ให้ดอร์ทมุนด์ได้เลย 120ล้านปอนด์ (200-120 = 80)

3.2 กองหน้าตัวเป้า >> ข้อนี้สำคัญมากจริงๆนะ รองลงมาจากปีกขวาเลย เพราะอย่าลืมว่า แมนยูไนเต็ดตอนนี้ยังคงอยู่ในสถานะ "ไม่มีกองหน้าตัวเป้า" เหมือนเดิม เพราะว่า "อิกาโล่เรายังไม่ได้ซื้อขาดนะว้อยยยยยยยยยย" ยังไม่มีอะไรแน่ เพราะต้นสังกัดเขาก็อยากจะต่อสัญญาให้ที่400kด้วยแบบร่ำๆเลยทีเดียว

แต่เชื่อว่าแมนยูน่าจะยอมจ่ายเงินแค่15ล้าน และอิกาโล่ที่อายุแค่นี้ ยังสามารถเล่นบอลระดับสูงสร้างชื่อให้ตัวเองได้อีกสองสามปี จากนั้นค่อยไปขุดทอง กอบโกยที่เมืองจีนก็ได้ยังไม่สาย ค่อนข้างเชื่อว่าโอเล่อยากได้อิกาโล่ไว้ใช้งานแน่นอน (80-15 = คงเหลือประมาณ 65ล้านปอนด์)


3.3 แบ็คอัพบรูโน่ >> อยากใช้คำว่า "ตัวรุกอีกคน" มากกว่าที่จะเข้ามาช่วยกันเล่นกับบรูโน่และยกระดับเกมรุกของทีมให้ดีกว่าเดิม ดังนั้นงบ65ล้านที่เหลือสามารถใช้กับตัวที่มีข่าวแรงมากอย่าง แจ็ค กรีลิช ได้อีกตัวพอดีที่ค่าตัวแถวๆ50ล้านปอนด์โดยประมาณ (เป็นราคาที่สอยมาจากวิลล่าที่จะตกชั้นและไม่มีทางเลือกต่อรองมากนัก เรทเดียวกับ บิสซาก้า บรูโน่ โดยที่รวมกับadd-onพื้นฐานต่างๆก็ตกราว50ล้าน : 65-50= เงินเหลือ15ล้านปอนด์ )

ดังนั้นเมื่อถึงบรรทัดนี้จะเห็นว่า การซื้อตัวสามนักเตะอย่าง "ซานโช่ / อิกาโล่ / กรีลิช"  สามคนนี้พร้อมกัน ก็จะใช้เ้งินในงบซื้อขายไปพอดีๆแบบไม่เกินขีดจำกัด อาจจะมากน้อยกว่านี้ไหลๆไปได้ แต่โดยรวมก็คือ งบประมาณเบื้องต้นราว200ล้านปอนด์ จะสามารถใช้ลงกับสามตัวนี้ได้พอดีๆเป๊ะตามข่าวที่เรามีกับพวกเขามาตลอดเลย ซึ่งถามว่า หากได้แค่สามตัวนี้มาจริง มันพอหรือไม่สำหรับการเสริมทีม

ส่วนตัวคิดว่า พอได้อยู่

เพราะปีก่อนซีซั่นเราก็ซื้อมาสามตัวเหมือนกัน ลักษณะคล้ายๆแบบนี้เลยคือ ตัวแพงสองคน และก็ตัวเสริมอีกหนึ่ง ก็ยังสามารถรันทีมให้ลงแข่งไหว เมื่อมารวมกับนักเตะเก่าที่มีอยู่ก่อนแล้วนั้นมันก็จะลงตัว และเป็นทีมที่แน่นขึ้น ครบเครื่องขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ โดยที่ไม่ได้เป็นการใช้เงินเกินตัวหรือทุ่มหนักจนมากเกินความจำเป็นแต่อย่างใด

4.ปัจจัยอื่นๆ

ที่ร่ายมาทั้งหมด อย่าลืมปัจจัยสำคัญสองเรื่องที่เรามีนอกเหนือจากtransfer budget นั่นก็คือ รายของป็อกบา และ อเล็กซิส

-หากอเล็กซิสขายไม่ออกจริงๆและกลับมาอยู่กับทีม ผมเชื่อว่าโซลชาก็อาจจะจำใจลองใช้เขา และให้โอกาสพิสูจน์ตัวเองดู ซึ่งคิดว่า อเล็กซิสคงไม่ได้กลับมาเป็นตัวจริงของทีมหรอก น่าจะเป็นแค่แบ็คอัพรอเปลี่ยน ที่น่าจะใช้งานได้ดี และดูดีกว่าการที่มีสำรองเป็น 14/15 เยอะมากกกกกกก (ฮา)  หากหาทางปล่อยตัวเขาออกไปจากทีมไม่ได้จริงๆ การนำกลับมาใช้งานก็เป็นทางเลือกที่ดี

อย่างที่บอกไป สัญญาอเล็กซิสเหลือนานมาก เราไม่มีทางเลือกถ้าปล่อยไม่ออก

-ป็อกบา กรณีป็อกนั้นมองได้สองแบบ แบบแรกคือ "ป็อกจะย้าย" ซึ่งหากปล่อยป็อกบาออกไปได้สัก 80ล้านก็ถือว่าโอเคแล้ว ซึ่งหากป็อกบาย้ายจริง ค่อนข้างเชื่อว่า นอกจากสามรายบน(โช่/โล่/ลิช) เราจำเป็นจะต้องหากองกลางมาทดแทนป็อกบาอย่างแน่นอน ดังนั้นสโมสรอาจจะสมทบทุนเงินที่เหลือจากการซื้อสามตัวแรก + เงินโปะจากป็อกบา  ดังนั้นก็จะเท่ากับ 15+80 (คร่าวๆนะ) เราจะมีเงินเย็นๆอีก 90ล้านปอนด์

และหากเป็นเช่นนั้น การจะซื้อซาอูล นิเกซ จากแอตมาดริด อาจจะเป็นไปได้ในทางทฤษฎี เพราะเพียงแค่ขอให้บอร์ดอัดฉีดเงินเพิ่มมาอีกราวๆ30-40ล้านปอนด์ในbudget เราก็สามารถซื้อซาอูลเข้ามาได้ที่130ล้านปอนด์ได้แล้ว พูดง่ายๆคือ ถ้าป็อกไป ซาอูลมาแน่

มีอีกกรณีก็คือ หากขายป็อกบาได้จริง เราจะสามารถไปซื้อ "ฟานเดอบีค" มาถมเพิ่มในตำแหน่งกองกลางได้ทันที เพราะค่าตัวของ ฟดบ. นั้นอยู่ที่แถวๆ 50ล้านปอนด์เท่านั้นตามtransfer valueที่คาดการณ์กันไว้ ต่อให้แพงกว่านี้ด้วยที่เรท80ล้าน หากขายป็อกได้ เราจะได้ฟานเดอบีคมาทดแทนได้เลยถ้าทีมงานจะเอาจริงๆ เพราะยังไงก็เงินเหลือ (ถูกกว่ารายของซาอูลมาก) เคสนี้ดูจะเป็นจริงได้ง่ายกว่าในด้านราคา เพียงแต่ว่าเราไม่มีข่าวจริงจังกับ ฟดบ.เลย ก็ต้องดูกันต่อไป

จะซื้อฟานเดอบีค ข้ามศพกูไปก่อนโว้ย!!!

แต่แค่จะบอกว่า หากปล่อยป็อกบาได้  จะซื้อตัวไหนเข้ามาแทนก็ได้หมดทั้งนั้นในคลองนักเตะที่เป็นข่าวกับเรา เพราะต่อให้เป็น เดแคลน ไรซ์ ก็ 80ล้านเท่ากัน / รูเบน เนเวส ที่ถูกกว่านั้นเยอะ45ล้าน หรือจะเอาตังค์ไปถมเล่นๆกับ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ที่35ล้านปอนด์เพื่อเข้ามาเสริมทีมแทนป็อก แบบนั้นก็ได้นะถือว่ายอมรับได้

ลองคิดง่ายๆว่า หากเราปล่อยป็อกสำเร็จเพราะเจ้าตัวจะไม่อยู่นั้น เราจะได้เงินเป็นงบประมาณกลับมาเยอะมาก อย่างที่บอกไปว่าเงินเหลือ15ล้าน + 80 ก็จะได้ 95ล้าน ที่สามารถเล่นแร่แปรธาตุป็อกบา เอาไปซื้อตัวอื่นมาแทนได้อีกสองตัว เช่น

>>ราอูล ฆิมิเนซ (40ล้าน) + รูเบน เนเวส(45ล้าน)  โหอันนี้เป๊ะเลย ได้กลางแทนป็อก ได้หน้าเป้าพร้อมใช้งานด้วย

>>เดแคลน ไรซ์(80ล้าน) ซื้อเพื่ออนาคต  ถ้าปล่อยป็อกแล้วได้ไรซ์ บอกเลยว่า เตรียมกราบเอ็ดกันได้เลยแฟนผีเอ๋ย

>> ฟานเดอบีค (50ล้าน) + จู๊ด(35ล้าน)  = 85 ก็ยังได้อยู่ดีหากปล่อยป็อกบาออกแล้วได้สองตัวนี้เข้ามาแทน ซื้อได้สบาย

>>ซาอูล  ข้อนี้พิเศษหน่อย หากปล่อยป็อกได้ เราจำเป็นต้องอัดฉีดตังเพิ่มในระบบอีก35ล้านปอนด์เท่านั้นเองก็จะได้ซาอูลแล้ว (95+35=130)


ดังนั้นสรุปแล้ว จะเห็นได้ว่า เคสป็อกบา ถ้าปล่อยออก และขายได้ราคาดีที่80ล้าน หรือไม่มากไม่น้อยกว่านี้เยอะนั้น เราจะมีงบพิเศษเพิ่มมาให้ใช้จ่ายได้อีกเพียบ หรือถ้ากลับกัน ตรงกันข้าม ป็อกเปลี่ยนใจอยู่กับทีมเราต่อเพราะเห็นทิศทางที่ดีหลังบรูโน่เข้ามานั้น ก็ถือว่าสโมสรวินเหมือนกันที่ได้ป็อกบากลับมาฝากอนาคตไว้กับทีม เพราะไม่ว่าจะยังไงเราต้องยอมรับว่า ป็อกมันเป็นนักเตะพิเศษที่มีฝีเท้าเหนือกว่าคนอื่นจริงๆถ้าใช้งานและให้เล่นดีๆ หากป็อกไม่ย้าย เราก็วินอยู่ดีเพราะเหมือนได้กองกลางคนใหม่เข้าทีมมาเลย นั่นจะแปลว่า หากเขาไม่ย้าย เราจะได้

ซานโช่ + อิกาโล่ + กรีลิช + ป็อกบา  เข้ามาเสริมทีมปัจจุบัน ... แค่คิดก็สยองแล้ว แน่นจัด แน่นโคตรๆ

และเมื่อสรุปรวมทั้งหมดแล้ว อย่าลืมว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วนั้น ในรายของ "แฮรี่ เคน" ที่มีแนวโน้มว่าอาจจะย้ายออกก็ได้นั้น ราคา150ล้านปอนด์โดยประมาณของเคน ถือว่าหลุดจากแพลนบริหารtransfer budgetไปไกลมาก

คิดง่ายๆ หากเราแบ่งเงินก้อน200ล้านปอนด์ไปลงกับแฮรี่เคนนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หากจะซื้อทั้งซานโช่ และเคน เข้ามาพร้อมกัน เพื่อที่จะสร้าง แนวรุกทริโอทีมชาติอังกฤษที่ดีที่สุดขึ้นมา (แรช เคน ซานโช่)

เพราะนั่นแปลว่า 120 + 150 = 270 แค่นี้ก็เกินงบ200mไปไกลมาก และเราจะไม่มีเงินไปซื้อนักเตะอย่างอิกาโล่ กรีลิช อีกเลย ดังนั้นการที่จะต้องทุ่มหนักมาก แล้วเราจะได้แค่เคนคนเดียว แต่เสียโอกาสการได้ตัวคนอื่นๆที่น่าสนใจอีกเพียบที่เอ่ยมาทั้งหมด ถือว่าเสี่ยงมากๆ และแมนยูไนเต็ดไม่ควรจะทุ่มเงินระดับนั้นกับนักเตะแค่คนเดียว


หากเป็นกรณีของหน้าเป้า เรายังมีมาร์กซิยาล ที่จะลงสลับกับอิกาโล่อยู่ ในขณะที่แผนการเล่น เรายังสามารถปรับเป็นหน้าคู่ และใช้แรชฟอร์ดตอนที่หายดีแล้ว เล่นคู่กับตัวอื่นได้อีกมากมาย เพราะเราจะมีทั้ง อิกาโล่ หมาก กรีนวู้ด เจมส์ ที่สามารถเล่นหน้าคู่ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีแฮรี่ เคน

พูดง่ายๆ หน้าเป้าเรายังพอใช้งาน มาร์กซิยาล อิกาโล่ได้ โดยที่ แรชฟอร์ดอาจจะสลับมาเล่นบางเกมก็ยังได้ในตำแหน่งนี้ แล้วให้กรีลิชหรือเจมส์ รับผิดชอบปีกซ้ายแทน เป็นความยืดหยุ่นที่เราสามารถปรับใช้ได้ทันทีอันเนื่องมาจาก "ตัวเลือกในแดนหน้าที่เพิ่มขึ้น" นั่นเอง (มีซานโช่ยืนขวา เจมส์ก็โยกมาแทนแรชได้  กรีลิชก็โยกมาแทนแรชได้)

ป.ล. นอกเหนือจากนี้เราอาจจะได้งบเล็กๆน้อยๆจากการขายนักเตะอย่างสมอลลิ่ง โจนส์ หรือ 14/15 มาอีกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก รอลุ้นอเล็กซิสยังจะดีกว่าว่า จะปล่อยตัวออกหรือไม่ออก


5.สรุป

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ทั้งหมดที่กล่าวมาสรุปได้เลยง่ายๆว่า Transfer Budgetที่เรามีน่าจะราวๆ200ล้านปอนด์นั้น หากจะจ่ายเงินให้คุ้มค่าที่สุดนั้น ก็ควรจะเป็นดังนี้ นั่นก็คือ

จาดอน ซานโช่ (120) + โอดิออน อิกาโล่ (15) + แจ็ค กรีลิช (50) = 185 ล้านปอนด์เหลือๆ

และ หากป็อกบาไม่อยู่กับทีม เราจะได้เงินมาสมทบทุนอีกราวๆ 80 ก็เท่ากับ 80+15 = 95 ล้านปอนด์ ซึ่งถ้าขายได้ เราจะได้เงินตรงนี้มาเสริมทีมเพิ่มนอกเหนือจาก ซานโช่ อิกาโล่ กรีลิช ได้อีกอิสระมากๆ เรียกง่ายๆจะซื้อใครมาก็ได้ดังกล่าวไปแล้ว

ฆิมิเนส+เนเวส (40+45) / ฟานเดอบีค+เบลลิ่งแฮม (50+35) / ซาอูล 130 (95 อัดงบเพิ่ม35) / ไรซ์ 80


ดังนั้น ตัวเลือกทุกข้อนี้จะเห็นว่า ไม่มีที่ว่างสำหรับความเป็นไปได้ในการซื้อ แฮรี่ เคนเลย แม้แต่ที่เดียว แม้ว่าจะปล่อยป็อกบาไปแล้วก็ตาม ถึงแม้จะอยากได้มาเสริมทีม แต่คงต้องทำใจว่าเราไม่สามารถทุ่มเงินระดับร้อยล้านปอนด์ได้ทีเดียวสองคนในซีซั่นเดียว เป็นไปไม่ได้เลย อาจจะต้องใช้วิธี รอเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ อีกสักสองปี รวมถึง เดแคลน ไรซ์ ที่น่าจะมาในปีถัดไป หลังจากที่ปีหน้าเราใช้มาติชอีกปีนึง ไรซ์ค่อยมาหลังจากนั้นก็ยังทันอยู่

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา คือหนทางที่ดีที่สุดเท่าที่พอจะประมาณการณ์ได้แล้ว ในความเป็นจริงนั้นมันไม่ได้ง่ายเหมือนการเล่นขายของ เอาเงินมาหักลบกันเหมือนในบทความนี้บอก มันมีปัจจัยอีกเยอะที่จะซื้อตัวมาได้หรือไม่ได้ แต่เราข้ามตรงนั้นไปก่อน เพื่อที่จะชี้ให้เห็นคร่าวๆว่า เงินก้อนของงบซื้อขายนักเตะนั้น หากจะใช้งานจริงๆ เราจะบริหารมันยังไงดีถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด ก็เป็นไปดังที่สรุปข้อ5กล่าวนั่นแหละดีสุดแล้ว 

ได้แต่หวังว่า "Ed Woodward" ที่ยังคงถือดาบอาญาสิทธิ์ในการตัดสินใจซื้อขายนักเตะของสโมสรเรานั้น จะปรึกษากับผู้จัดการทีมอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และเลือกซื้อตัวเด็ดๆเข้ามาอย่างคุ้มค่า เหมือนที่เคยทำและประสบความสำเร็จในซีซั่นที่ผ่านมานี้ได้อีกครั้ง  หากทิศทางการซื้อขายดีเช่นเดิม เราจะได้เห็นนักเตะลิสต์ในบทความนี้มากันครบอย่างแน่นอน โดยที่เงินก็จะไม่ถูกผลาญมากเกินความจำเป็นด้วย


เมื่อใดที่ตลาดนักเตะเปิด ลอร์ดเอ็ด จะกดอัลติแปลงร่างเป็น "จอมเวทย์หลังเลิกเรียน" ประหนึ่งนักเวทย์ผู้ที่อยู่หลังโรงเรียนชีวิตในสนามฟุตบอล ผู้ดูแลหลังฉากของทีมเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขานี่แหละคือจอมเวทย์เบื้องหลังของทีม แล้วเล่นแร่แปรธาตุทรัพยากรต่างๆที่เรามี จากเพียงแค่งบก้อนธรรมดาๆ เปลี่ยนมันให้กลายเป็นนักเตะที่ทรงคุณค่าเข้ามาอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดให้ได้

จงร่ายเวทมนตร์ ลงLord of Vermillionใส่ตลาดนักเตะให้โลกสะพรึงสักที Ed

-ศาลาผี-

เอาแบบนี้เลยนะ เอ็ดนะ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด