ฟลอยด์ เมย์เวเธอร์ จูเนียร์ พร้อมเปลี่ยนใจจากการแขวนนวม ทั้งที่ประกาศไว้อย่างเท่หลังเก็บชัยชนะหนที่ 50 บนถนนกำปั้น 

ยอดมวยมะกันตลอดเส้นทางอาชีพเจ้าของสถิติ 50-0  ฟาดปากครั้งสุดท้ายเมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา หลังเอาชนะ คอนอร์ แม็คเกรเกอร์ นักสู้ศิลปะแบบผสมผสานจาก 'ยูเอฟซี' 

ที่ข้ามสายพันธุ์มาขึ้นชกบนเวทีขึงเชือกสี่ทิศโดยไร้เข็มขัดให้เดิมพัน มีเพียงฟ่อนธนบัตรกับคำโวเป็นรางวัลสำหรับผู้ชนะ 

เมเวเธอร์ (ขวา) อัดหมัดขวาเข้าปลายคางจนแม็คเกรเกอร์ (ซ้าย) หน้าหงาย 

ประเมินว่าหลังจบศึกนั้น ทำให้ เมย์เวเธอร์ มีรายได้ตลอดการเป็นนักอาชีพรวมสูงถึง 259 ล้าน สหรัฐฯ 

อย่างไรก็ตามรายงานจากสื่อแดนมะกันเชื่อว่าอดีตแชมป์โลก 5 พิกัดน้ำหนักยังมีความกระหายลงสังเวียนล่าชัยชนะแมตช์ที่ 51 

เขายังคงรักษาร่างกาย ซุ่มซ้อมที่ยิมใน ลาส เวกัส รวมถึงอัพเดทความเคลื่อนไหวผ่านอินสตาแกรม @floydmayweather อยู่เสมอ  

https://twitter.com/Laceupboxing/status/932432484649852928

ยิ่งได้บทสัมภาษณ์ของ สตีเฟ่น เอสปีโนซ่า ผู้จัดการทั่วไปของ 'โชว์ไทม์ สปอร์ตส์' โปรโมเตอร์ใหญ่ ที่ให้กับสื่อกอซซิปแบบ 'ทีเอ็มซี' 

มันทวีนความเป็นไปได้ว่านักชกไร้พ่ายจาก มิชิแกน มีสิทธิ์หวนกลับมาสูดกลิ่นน้ำมันมวยอีกคำรบในอนาคต 

"ฟลอยด์ บอกกับเพื่อนสนิทของเขาว่ากำลังพิจารณาฟาดแมตช์ที่ 51 - นั่นเป็นสาเหตุที่เขาลงนวมซ้อมแบบบ้างคลั่งภายในยิมฯ" เอสปีโนซ่า กล่าว 

"หุ่นทรงของ เมเวเธอร์ ยังเปรี๊ยะ หากมีไฟท์อาทิตย์หน้าก็พร้อมใส่นวมฟาดปากได้เลย ก็ต้องถกกันหลายฝ่ายว่าไอเดียคัมแบ็กเข้าท่าไหม?" บิ๊กบอสแห่ง 'โชว์ไทม์ สปอร์ตส์'ทิ้งท้าย 

'พริตตี้ บอย' ไปแอ็กท่าที่กำแพงเมืองจีน

คำถามต่อมาคือนักชกคนไหนเหมาะกับการหวนคืนเวที (อีกครั้ง) ของ 'เดอะ มันนี่' 

จะจัดไฟท์ล้างตากับ แม็คเกรเกอร์ ก็ดูจะปั่นไม่ขึ้นแล้วเพราะจากผลงานเมื่อสามเดือนก่อนชัดเจนว่ามาเป็นรูปแบบมวยอาชีพมาตรฐาน เชิงชกของกำปั้นวัย 40 กะรัต ข่มบาน 

หรือจะให้ไปลาก แมนนี่ 'แพ็คแมน' ปาเกียว โจย์เก่ามาละเลงหมัดก็คงขายไม่ออกเพราะต่อยกันช้ำหลายคำรบ 

หรือมองที่เจ้าของเข็มขัด เวลเตอร์เวท สองสถาบันทั้ง 'ดะบลิวบีเอ' หรือ 'ดะบลิวบีซี' คนปัจจุบันอย่าง 'วัน ไทม์' คีธ ทรูแมน หรือจาก 'ไอบีเอฟ' เอร์โรล สเปนซ์ ก็น่าสนใจหากว่า เมเวเธอร์ ยังอยากพิสูจน์ความเป็นเบอร์หนึ่งในพิกัดน้ำหนัก 147 ปอนด์ 

น่าเสียดายที่พลังดาราของคู่ชกมันบุญไม่ถึงกันให้ 'พริตตี้ บอย' เหลียวแล 

'ทริเปิ้ล จี' (ซ้าย) ราชาน็อกเอาท์ที่พอเป็นคู่มือให้ เมเวเธอร์ ได้สูสี

แต่หากเป็นคนนี้ไม่แน่ 'ทริเปิ้ล จี' เกนนาดี้ โกลอฟกิ้น กำปั้นเหล็กจากคาซักสถานเจ้าของเข็มขัดแชมป์สามสถาบันหลัก 

ซึ่งการต่อยกับ โกลอฟกิ้น ต้องอัพน้ำหนักขึ้นไปที่ 160 ปอนด์ (ราว 72.5 กิโลกรัม) โดยหากเกิดขึ้นจริงแล้วฝั่งยอดมวยสหรัฐฯเป็นฝ่ายคว้าชัย 

ก็จะถือเป็นการเอาชนะแชมป์โลกได้ถึง 6 พิกัดน้ำหนัก สร้างมาตรฐานสูงจนยากที่นักชกรุ่นหลังจะสามารถตามรอยเท้า 

ทว่า 'ราชาน็อค เอาท์' อย่าง 'ทริเปิ้ล จี' จำเป็นต้องชนะในแมตช์ล้างตากับ กาเนโล่ อัลวาเรซ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2018 เสียก่อน จึงจะสามารถเปิดการเจรจาเรียกเสือเฒ่าให้ออกจากถ้ำมาขย้ำโชว์แขกเหรื่อได้

จะเป็นกำไรของแฟนหมัดหมวยแบบยากปฏิเสธถ้ามันเป็นไปตามคาดการณ์

แต่งตัวอย่างกะจะไปขี่ม้า สำหรับ 'เดอะ มันนี่'

เพราะ เมย์เวเธอร์ ชายผู้เกิดเติบโตจากค่ายมวยในสลัมแถบมิชิแกนตะวันตก ไม่ใช้ออกซิเจนในการหายใจ 

แต่เป็นอาศัยกลิ่นธนบัตรสีเขียวปั๊มรูปเบนจามิน แฟรงคลิ่น, กลิ่นฉุนของน้ำมันมวย, กลิ่นเลือดผสมหยาดเหยื่อ ให้มีแรงลุกมาใช้ชีวิตทุกเมื่อเชื่อวัน