:::     :::

เปิดใจพ่อ ข่าว "มุ้ย" ลุยเจลีก

วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2560 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
6,880
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วันนี้ผมจะพาไปคุยกับ พ.อ.อ.ประสิทธิ์ แดงดา คุณพ่อของ ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งทีมชาติไทย ถึงประเด็นข่าวย้ายค้าแข้งเจลีก และอื่นๆ อีกมากมายที่แฟนพันธุ์แท้ไม่ควรพลาด

แมน : สวัสดีครับพี่ประสิทธิ์ นอนหรือยังครับ (โทรไปตอน4ทุ่ม เสียงพ่อมุ้ยเหมือนเข้านอนแล้ว) ขอโทษด้วยนะพี่ คือผมอยากถามเรื่องข่าวมุ้ยไปเจลีกน่ะครับ ว่ามันมีมูลเป็นเรื่องจริงเท็จยังไง 

พ่อมุ้ย : คุยได้ๆ จริงๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนะ ข้อเสนออะไรผมยังไม่เคยเห็นสักทีม มีแต่เอเยนต์มานั่งดู ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขามาดูใคร ปกติเอเยนต์ก็ดูเกมไทยลีกแทบทุกคู่อยู่แล้ว เขาคงไม่ได้โฟกัสว่าจะมาดูมุ้ยหรอกมั้ง 

แมน : เห็นข่าวมุ้ยให้สัมภาษณ์ว่า พี่เป้ (รณฤทธิ์ ซื่อวาจา) บอกว่าทีมจากเจลีกสนใจ มุ้ยกับอุ้ม และมุ้ยเองก็อยากไปพัฒนาตัวเองเหมือนกันนี่พี่

พ่อมุ้ย : มันก็มีข่าวแค่นั้นแหละ แต่ยังไม่มีข้อเสนออะไรเลย มุ้ยเองเขาก็โตเป็นพ่อคนแล้ว เขาต้องตัดสินใจเรื่องอนาคตของเขาเองได้แล้ว

ธีรศิลป์กับน้องมาดริด ลูกชายคนแรก

แมน : โอเคพี่ งั้นผมถามเป็นความคิดเห็นแล้วกันว่า หากมีโอกาสเป็นจริง พี่คิดว่ามุ้ยควรจะไปมั้ย แล้วน่าจะทำได้ดีกว่าครั้งก่อนที่ไปอัลเมเรียหรือเปล่า

พ่อมุ้ย : มุ้ยเองก็ 30 แล้วนะ เอาจริงๆ อายุขนาดนี้ไม่รู้ว่าสโมสรเขาจะอยากได้จริงหรือเปล่า อย่างที่ผมบอกแหละว่าให้มุ้ยเขาตัดสินใจเอง เพราะครั้งก่อนตอนที่ไปอัลเมเรีย พ่อเองก็อาจจะไปคิดแทนเขาเยอะ บางอย่างก็ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดเหมือนกันที่ไปคิดแทนเขาแบบนั้น

แมน : คือมุ้ยมีประสบการณ์มาแล้วในการไปค้าแข้งต่างประเทศ กับที่ญี่ปุ่น มันจะง่ายกว่าที่สเปนมั้ย

พ่อมุ้ย : ผมว่าน่าจะง่ายกว่านะ ที่ญี่ปุ่นรูปแบบการเล่นหรือมาตรฐานยังไม่ห่างมากเหมือนตอนไปลา ลีกา ส่วนหนึ่งที่ไม่ประสบความสำเร็จก็เพราะการใช้ชีวิตที่นั่น มุ้ยต้องทำอาหารกินเอง วัตถุดิบที่จะมาทำก็ไม่เหมือนบ้านเรา อยู่ที่นู่นพูดคุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง แล้วพอโค้ชที่อยากได้มุ้ย เป็นคนเอามุ้ยไปถูกปลดออก คนใหม่ที่เข้ามาเขามาคุมเพื่อหนีตาย ต้องอยู่รอดให้ได้ในช่วงสั้นๆ เขาก็คงมั่นใจนักเตะคนอื่นๆ เราเองก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับโค้ชเก่าหรอกนะ แต่โค้ชใหม่เขาคงไว้ใจคนที่สื่อสารกันรู้เรื่องมากกว่า แต่สุดท้ายทีมก็ไม่รอดอยู่ดี

แมน : การปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมทีมของมุ้ยล่ะพี่ คือเราทราบโดยทั่วกันว่า มุ้ยเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยเข้าหาใครก่อน อยู่เมืองไทยไม่มีปัญหาเพราะเขาถือว่าเป็นพี่ใหญ่แล้ว หลายๆ คนเอามาเทียบกับ เจ ชนาธิป ว่าเป็นคาร์แร็คเตอร์ที่คนไทยไม่ค่อยมี คือเข้ากับใครก็ได้ เป็นตัวโจ๊ก เป็นคนที่ชอบเข้าสังคม จนทำให้เขาปรับตัวได้เร็ว

พ่อมุ้ย : ใช่ครับ เจเขาเป็นคนที่อยู่กับใครก็ได้ ไปไหนไปกัน ทำให้เขาปรับตัวกับคนอื่นได้เร็ว มุ้ยเองผมว่าเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะนะ เขาไม่ค่อยแสดงออกให้เห็นเวลาอยู่นอกสนาม ในสนามเขาแสดงให้เห็นในมุมอื่น ว่าเขาก็มุ่งมั่นทุ่มเท แต่เอาจริงๆ เขาไม่ใช่คนพูดน้อยหรอก ถ้ากับที่บ้านเรียกว่าพูดน้ำไหลไฟดับเลยล่ะ

แมน : แล้วถ้าได้ไปญี่ปุ่นจริงๆ คิดว่ามุ้ยจะเล่นได้มั้ยครับ 

พ่อมุ้ย : ผมว่าได้นะ ในเอเชียผมว่ามุ้ยสู้ได้อยู่แล้ว ยิ่งบอลที่เล่นกันด้วยระบบ การที่มีผู้เล่นที่มีสกิลทักษะความสามารถเฉพาะตัวอย่างเช่นเจ หรือ มุ้ยเนี่ย ผมว่ามันเป็นสเน่ห์ ลองดูว่าทำไม เนย์มาร์ ถึงค่าตัวแพงขนาดนั้น เพราะเขามีสีสัน ลีลาการเล่นของเขามันน่าติดตาม มุ้ยคงไม่ได้ขนาดนั้น แต่ผมว่าจะยิ่งเล่นดีกว่าในไทย เพราะจะมีเพื่อนร่วมทีมที่ศักยภาพสูงขึ้น ดูอย่างเจย์ โบธรอยด์ สิทำไมไปเจลีกถึงเก่งกว่าตอนอยู่ไทยหลายขุมเลย ผมว่าเป็นเพราะการเล่นเป็นระบบของบอลญี่ปุ่นนี่แหละ ความแม่นยำในการจ่ายการครอส ทำให้เขามีโอกาสจบสกอร์มากขึ้น ถ้านักเตะคนไหนมีความเข้าใจเกม และมีวิสัยทัศน์ที่ดีอยู่แล้ว ผมว่าจะยิ่งเก่งขึ้นอีกมากเลย

แมน : ผมเคยคุยกับโค้ชเฮง แกบอกว่าในประเทศไทยตอนนี้ คนที่เล่นด้วยมันสมองและมีวิสัยทัศน์ระดับนานาชาติ คือ มุ้ย, เจ, อุ้ม และ ตังค์ 4 คนนี้เท่านั้นเอง 

พ่อมุ้ย : ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ อย่างมุ้ยเนี่ย พ่อเองคุยกับเขาหลายครั้งแล้วนะว่า พอจะมีใครที่ขึ้นมาได้ถ้าวันนึงมุ้ยเลิกไปแล้ว เหมือนกับกองหน้าทีมชาติไทยมันขาดช่วง อย่างก่อนมุ้ยก็มีรุ่นพี่ที่เก่งๆ มารุ่นต่อรุ่น แต่พอตอนนี้ยังมองไม่เห็นใครเลย เคยคิดกันว่า กอล์ฟ (อดิศักดิ์ ไกรษร) น่าจะได้ แต่ก็ยังไม่ใช่ซะที อาจเพราะอาการบาดเจ็บบ่อยๆ ด้วย มุ้ยเนี่ยสังเกตดูนะเวลาเขาเล่นแทบจะไม่ค่อยเห็นเขาล้ำหน้าเลย เพราะการยืนของเขาจะยืนอยู่ข้างหน้ากองหลังของคู่ต่อสู้ คอยเช็คไลน์ตลอด ต่างจากคนอื่นๆ ที่ล้ำหน้าเป็นว่าเล่น

แมน : กองหน้าไทยหายากเพราะสโมสรใช้กองหน้าต่างชาติกันหมดน่ะพี่ ไม่รู้จะแก้ยังไง แต่ชาติอื่นๆ ในเอเชียก็เจอปัญหานี้เหมือนกัน

พ่อมุ้ย : ใช่มันก็เป็นปัญหาแหละ เพราะสโมสรเขาต้องการผลลัพธ์โดยเร็ว คือกองหน้าต้องทำประตูให้ได้เยอะๆ ก็เลยไปใช้บริการตัวต่างชาติหมด มุ้ยเองก็แทบจะเป็นกองหน้าไทยคนเดียวที่การันตีตัวจริงในไทยลีก ปีนี้เขายิงได้ 14 ประตูก็มากสุดในกองหน้าไทยแล้ว เขาเองเลือกที่จะไม่ยิงจุดโทษ ก็ถือว่าทำได้ดีแล้วล่ะ ส่วนของทีมอื่นๆ คนไทยไม่ค่อยได้รับโอกาสก็ยากมากๆ ที่จะยิงประตูได้เยอะ ซึ่งมันก็จะส่งผลต่อทีมชาติด้วย

แมน : กลับมาเรื่องเจลีกอีกทีพี่ คิดว่านักเตะไทยควรไปมั้ย เพราะตอนนี้เจลีกก็มีโควตาให้ไม่จำกัดเสมือนหนึ่งเป็นคนญี่ปุ่นไปแล้ว 

พ่อมุ้ย : มันก็ต้องดูแหละว่าไปเพื่ออะไร ถ้าอายุน้อยๆ ก็น่าไปเพราะถือเป็นการพัฒนา ค่าตัวที่ญี่ปุ่นจ่าย เต็มที่ก็เท่าที่เมืองไทยหรืออาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ เขาไม่จ่ายให้คนไทยแพงกว่าคนของเขาหรอก อย่างมุ้ย อายุขนาดนี้ถ้าไปแล้วได้ใกล้เคียงกับที่เมืองทองก็คงอยู่ลำบาก เพราะค่าครองชีพที่นั่นสูงกว่ามาก ถามว่าเป็นความท้าทายมั้ย ถ้าตัวเขาคิดแบบนั้นก็ต้องเชื่อการตัดสินใจของเขา ไปสักปีสองปีแล้วกลับมาก็ได้ แต่กลัวว่าร่างกายจะไม่เหมือนเดิมแล้วน่ะสิ

แมน : งั้นคนที่ควรไปก็ควรต้องรับให้ได้กับการที่รายได้น้อยลงหรือไม่มากขึ้น แต่ต้องไปเผชิญอะไรใหม่ๆ หมดเลย แล้วพี่คิดว่าจะได้ประโยชน์อะไรบ้างสำหรับแต่ละฝ่าย

พ่อมุ้ย : ทางญี่ปุ่นเขาก็คงมองเรื่องการตลาดด้วยน่ะแหละ อย่างพอเจไป คนไทยก็ดูบอลเจลีกเยอะขึ้นมาก แล้วเจเองก็เล่นได้ดีในระดับนึงด้วย สำหรับบ้านเราก็คงเป็นผลดีกับทีมชาติไทย เพราะผู้เล่นมีประสบการณ์และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมากขึ้น รู้ว่าคนอื่นเขาไปถึงไหนแล้ว แต่ผมไม่รู้เหมือนกันนะว่าอย่างเมืองทองถ้าปล่อยไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไร ลองนึกภาพดูสิว่าถ้า เจ, มุ้ย, อุ้ม, ตอง หรือคนที่เก่งที่สุดในบ้านเราไปอยู่ลีกอื่นหมด แล้วไทยลีกจะมีใครให้ดู เราจะตามดูดราแกน, ดูดิโอโก้ หรือตัวต่างชาติหรือ มันคงคนละฟีลกัน 

ชนาธิปไปเปิดตลาดที่ญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว

แมน : โค้ชเฮงแกบอกผมอีกนะว่า การไปเล่นต่างประเทศอย่างญี่ปุ่นหรือยุโรป มันได้ประโยชน์ที่เอาไปต่อยอดได้ เช่นกลับมาเป็นโค้ชที่มีประสบการณ์สูง มีโปรไฟล์ที่ดีกว่า สามารถเอามาสอนคนรุ่นหลังได้ และอาจเป็นใบเบิกทางให้รุ่นต่อๆ ไปได้ตามไปบ้าง

พ่อมุ้ย : ก็ถูกนั่นแหละ แต่ถ้าเลิกแล้วไม่ได้เป็นโค้ชล่ะ จะเอาความรู้มาทำอะไร ผมว่ามุ้ยเองอาจจะไปเป็นนักพากย์ฟุตบอลก็ได้นะ แหม เห็นอย่างนี้นะ อย่าให้ได้วิเคราะห์บอลเชียว พูดเป็นฉากๆ เลยล่ะ ผมอบรมโค้ชเรียนโค้ชมาแต่พอคุยกับเขาแล้ว ยังยอมรับเลยนะว่าเขามีมุมความคิดที่ลึกและคมกว่าผมในหลายๆ จุดเลย ถ้าเขาเอาดีทางนี้ เขาจะทำได้ดีแน่ๆ 

แมน : ผมนึกภาพไม่ออกเลยพี่ ที่พี่บอกว่ามุ้ยพูดเป็นฉากๆ พูดน้ำไหลไฟดับเนี่ย (หัวเราะพร้อมกัน) คือปกติเราจะเห็นมุ้ยในมุมเงียบขรึมนะ ถ้าให้ไปพูดหน้าจอ ไม่ใช่ว่ามุ้ยจะนิ่งพูดแค่ใช่ครับๆ เหมือนบางคนนะพี่ เออเรื่องนี้ผมก็ว่าสำคัญนะครับ นักเตะหลายๆ คน โดยเฉพาะพวกเด็กๆ เนี่ย มักจะมีปัญหาเวลาออกสื่อ คือพูดไม่ได้ พอสัมภาษณ์ก็มักจะตอบกันว่า ผมจะพยายามให้ดีที่สุดครับ ฝากให้กำลังใจด้วยนะครับ คือเรื่องนี้ต่างชาติเขาต่างไปเลยนะพี่ นี่คือพื้นที่ในสื่อ บางคนหันมาเอาดีในวงการอื่นๆ ได้อีก อย่างเช่นเมืองไทยก็มี ลีซอ ถ้าเลิกบอลก็อาจเป็นพิธีกร เป็นดาราได้ 

พ่อมุ้ย : อืมผมก็คิดว่าสำคัญนะ เรียกว่านักบอลไทยนี่แทบไม่ได้เลยดีกว่า ถ้ามีไมค์มาจ่อปากเมื่อไหร่ก็ใบ้กินทันที แต่มุ้ยเนี่ยเขาโตขึ้นเยอะแล้ว ผมว่าเขาทำได้ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฟุตบอลโลกเนี่ย ช่องไหนสนใจลองติดต่อไปดูสิ แล้วมาดูกันว่ามุมมองการวิเคราะห์ของมุ้ยเฉียบขาดอย่างที่พี่บอกรึเปล่า 

แมน : อยากเห็นเหมือนกันพี่ แต่ตอนนี้ขอให้มีช่องถ่ายก่อนแล้วกันครับ ฟุตบอลโลกเนี่ย 555 อืมพี่ ผมถามถึงคนอื่นๆ หน่อยนะครับ อย่าง อุ้ม หรือ ตอง เนี่ย ถ้าไปต่างประเทศพี่คิดว่าเป็นไง

พ่อมุ้ย : อุ้มผมว่าไปได้นะ ในเอเชียเขาอาจเป็นรองไม่กี่คนหรอกในตำแหน่งของเขาน่ะ แต่การปรับตัวก็คงต้องเจอเหมือนทุกคน ส่วนตองผมว่าจะยากกว่านะ เพราะตำแหน่งประตูต่างประเทศเขาสำคัญมาก และถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นเขาไม่ค่อยใช้คนต่างชาติด้วย

ผม : อุ้ม, มุ้ย, ตอง พี่ว่าใครจะปรับตัวยากกว่ากัน

พ่อมุ้ย : ผมว่าอุ้มยากสุด เพราะมุ้ยถึงจะเงียบๆ แต่ก็ยังดูไม่มีพิษมีภัย แต่อุ้ม คนไม่รู้จักจะคิดว่าหยิ่งว่าเหยียด แต่อุ้มเขาโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแล้ว ถ้าได้ไปจริงๆ ผมว่าเขาก็หาทางปรับตัวจนได้แหละ กว่าเขาจะมาถึงจุดนี้เขาผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ถ้าคิดจะหาความท้าทายอีกครั้งเขาก็จะต้องพยายามทำให้ได้แน่นอน ส่วนตองผมว่าไม่ใช่ปัญหาเรื่องการปรับตัว แต่เป็นการยอมรับจากคนต่างชาติและการสื่อสารมากกว่า ตองก็เป็นคนเงียบๆ ขี้อายเหมือนมุ้ย แต่ในสนามเขาจะกลายเป็นอีกคนเลย ถ้าไปอยู่ในทีมที่ให้โอกาสและไว้วางใจ ตองก็คงจะผ่านได้เหมือนกัน

ผม : โอเคครับพี่ ขอบคุณที่อุตส่าห์สละเวลามาคุยกับผมนะครับ ขอบคุณมากครับ (วางสายตอนเกือบ 5 ทุ่ม)

พ่อมุ้ย : ยินดีครับๆ 


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์ แล้วอย่าลืมให้เครดิต THSPORT ด้วยนะครับ 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด