ผู้รักษาประตู : เปเป้ เรน่า ( 6 ล้านปอนด์, 2005) 

นับจาก เปเป้ เรน่า ที่มาสร้างความอุ่นใจฐานะด่านสุดท้าย ก็เป็นเวลาห่างกันกว่า 13 ปีที่ ลิเวอร์พูล จะเซ็นสัญญาผู้รักษาคุณภาพระดับโลกอย่าง อาลีสซง เบ็คเกอร์ เมื่อปี 2018 

เรน่า ย้ายมาจาก บียาร์เรอัล หลังจาก 'หงส์แดง' เพิ่งคว้าแชมป์ชปล.ปี 2005 ทั้งที่ขณะนั้นทีมมี เจอร์ซี่ ดูเด็ก อยู่แล้ว นั่นเพราะผจก.ทีม ราฟาเอล เบนีเตซ ต้องการความเหนียวแน่นกว่าเดิม 

ผลงาน 8 ปีฐานะมือหนึ่งให้ทีมกดไป 4 แชมป์ฟุตบอลถ้วยและรางวัลถุงมือทองคำสามปีซ้อน ก่อนจะค่อยๆเฟดบทบาทลงมาในยุคผจก.ทีม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส  - ราคา 6 ล้านปอนด์คุ้มมาก 

แบ็กขวา : สตีฟ ฟินแน่น ( 3.5 ล้านปอนด์, 2003)

ย้ายมาจาก ฟูแล่ม เมื่อปี 2003 สนนราคาไม่แพงเลยเพียง 3.5 ล้านปอนด์ ตอบแทนด้วยผลงานคงเส้นคงวาตลอด 5 ปีใต้ชายคาแอนฟิลด์ 

แม้เกมนัดชิงฯ ชปล.แห่งความทรงจำที่อิสตันบูลจะโดนเปลี่ยนออกเมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังตามแท็คติค 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือแบ็กขวาขาประจำในยุค ผจก.ทีม ราฟาเอล เบนีเตซ ที่สุดคุ้ม 

เซนเตอร์ฮาล์ฟ : โจ โกเมซ ( 3.5 ล้านปอนด์, 2015)

ตัดสินใจยากพอสมควรเหมือนกันระหว่าง โจ โกเมซ กับ แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ แต่กับฟอร์มปัจจุบันที่แข้งผู้ดีประสานงาน เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ อย่างลงตัวทำให้ดาวเตะวัย 22 ปี เข้าวินมาอยู่ในลิสต์ 

โกเมซ พัฒนาตัวเองจากปราการหลังกระดูกเปราะมาจับคู่ 'วีวีดี' ได้อย่างลงตัว จนผจก.ทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ แก้ไขจุดอ่อนเกมรับได้สักที

ตอนซื้อจาก ชาร์ลตัน ด้วยสนนราคา 3.5 ล้านปอนด์แล้วมาดี้ยงยาวคิดว่าเหมือนเงินหล่น แต่เมื่อดูถึงปัจจุบันการเติมให้สโมสรจากลอนดอนอีก 2.5 ล้านปอนด์ เหมือนขโมยสมบัติได้ด้วยซ้ำ 

เซนเตอร์ฮาล์ฟ : ซามี่ ฮูเปีย ( 2.5 ล้านปอนด์, 1999)

สุดยอดการซื้อตัวที่แสนคุ้มค่าหนึ่งของ ลิเวอร์พูล ยุคพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นั่นคือ ฮูเปีย เพราะผลงานตอบทุกสิ่ง ขณะที่บทบาทในห้องแต่งตัวก็เด่นมากถึงขั้นได้รับตำแหน่งกัปตัน ก่อนจะส่งมอบแก่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในเวลาต่อมา 

ค่าตัว 2.5 ล้านปอนด์ จาก วิลเล่ม ทเว ในเอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ ถูกเหมือนได้เปล่า 

ปราการหลังฟินน์คือผู้บัญชาการเกมรับอย่างแท้จริง กระทั่งมีจอมโหวกเหวก เจมี่ คาร์ราเกอร์ และ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ มาเป็นทายาทไม้ผลัด 

แบ็กซ้าย :แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ( 8 ล้านปอนด์, 2017)

ตอนย้ายมาจาก ฮัลล์ ซิตี้ นักเตะสกอตต์คนนี้เต็มไปด้วยข้อกังขา แต่เมื่อเวลาผ่านคุณภาพที่พิสูจน์ การซื้อได้ในราคา 8 ล้านปอนด์ หรือเพิ่มไปเป็น 10 ล้านปอนด์ตามออปชั่นผลงาน ในยุคนี้ถือว่าแสนคุ้ม 

อาจปักหลักช้าไปบ้างเพราะต้องปรับตัวกับทีมใหม่ระบบใหม่ อีกทั้งเวลานั้น อัลเบร์โต้ โมเรโน่ กำลังฟอร์มแจ่ม 

กระทั่งฟูลแบ็กสแปนิชเดี้ยง - นับจากนั้น 'ร็อบโบ้' ก็ผูกปิ่นโตแบ็กซ้ายแบบไม่ต้องแบ่งใคร 

กองกลาง : ดีทมาร์ ฮามันน์ ( 8 ล้านปอนด์, 1999)

ซัมเมอร์ 1999 เป็นปีที่ ลิเวอร์พูล เสริมทัพถึง 6 คน โดยหนึ่งในนั้นคือกองกลางทีมชาติเยอรมันจาก นิวคาสเซิ่ล สนนราคา 8 ล้านปอนด์

เทียบค่าเงินเฟ้อเมื่อ 21 ปีก่อน ก็นับว่าไม่ใช่ราคาที่ถูก แต่การมีส่วนร่วมในทีมนับว่าสุดคุ้มเพราะคือเสาหลักชุดสามแชมป์ฟุตบอลถ้วยปี 2001 หรือแชมป์อีก 9 รายการในยุค ผจก.ทีม ราฟาเอล เบนีเตซ 

มองเหลี่ยมไหนก็คุ้มค่าสำหรับกองกลางเชิงรับ ยิ่งเมื่อเอาไปเทียบกับ ตงกีย์ เอ็นด็อมเบเล่ มิดฟิลด์ที่ สเปอร์ส บ้าจี้ซื้อมาแพงึง 53.8 ล้านปอนด์ 

กองกลาง : แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ ( ฟรี, 2000) 

แม้จะร่วมงานกันสั้นๆเพียง 2 ปี ที่แอนฟิลด์ แต่การมีส่วนร่วมกับทีมนั้นโดดเด่นเหลือเกิน จึงไม่ต้องเปลืองสมองคิดเรื่องความคุ้มค่าของดาวเตะซึ่งได้มาฟรีจาก โคเวนทรี 

เชราร์ อุลลิเย่ร์ ผจก.ทีม ในตอนนั้นนิยามการเซ็นกองกลางจอมเก๋าชาวสกอตต์ว่า "คือการจรดปากกาที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างที่สุด" - คุณประโยชน์อันหลากหลายบนสนามหญ้าและห้องแต่งตัวที่ แม็คอัลลิสเตอร์ มอบให้นั้นบอกคุณค่าอย่างดี 

ว่ากันว่านี่คือพี่เลี้ยงให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้ดิบได้ดีฐานะกองกลางตำนาน ลิเวอร์พูล แล้วยังตามไปเป็นมือขวาระหว่างที่ 'สตีวี่ จี' ตั้งไข่ผจก.ทีม เรนเจอร์ส เอฟซี 

กองกลาง : เจมส์ มิลเนอร์ ( ฟรี, 2015)

แม็คอัลลิสเตอร์ ครองอันดับหนึ่งเรื่องนักเตะที่ร่วมงาน ลิเวอร์พูล ตามกฎบอสแมนแสนคุ้มค่าอยู่หลายปี กระทั่งแอนฟิลด์มีสุดยอดมืออาชีพที่ชื่อ เจมส์ มิลเนอร์ หมดสัญญาจาก แมนฯ ซิตี้ มาซบตัก 

แม้จะโดนตั้งแง่ว่ายากจะทดแทน สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งย้ายออกไปร่วมงาน แอลเอ แกแล็กซี่ แต่สิ่งที่ มิลเนอร์ แสดงให้เห็นคือแคแรคเตอร์แบบอังกฤษแท้ๆ และความหลากหลายในการยืนตำแหน่ง 

เวลาผ่าน การยอมรับมากขึ้น 'มิลลี่' ของน้องๆก้าวมาเป็นรองกัปตัน รบบทพี่เลี้ยงในห้องแต่งตัวร่วมกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน โดยนำเอาหัวจิตหัวใจนักสู้ บวกประสบการณ์ข้นคลั่กถ่ายทอดแก่รุ่นหลัง 

ปีก : หลุยส์ การ์เซีย ( 6 ล้านปอนด์, 2004)

เป็นอาวุธเด็ดริมเส้น แถมมักยิงประตูสำคัญๆช่วย ลิเวอร์พูล อยู่เสมอ โดยเฉพาะซีซั่น 2004-05 ที่ ไปถึงแชมป์ ชปล.เหยื่อคมแข้งดาวเตะสแปนิชตลอดสองข้างทางคือ เลเวอร์คูเซ่น, ยูเวนตุส และ เชลซี 

สนนราคา 6 ล้านปอนด์ จาก บาร์เซโลน่า ไม่แพงเลยเมื่อเทียบอายุการใช้งานกว่า 121 นัด ตอบแทนด้วยจำนวน 30 สกอร์ระหว่างปี 2004-2007 

ทั้งตอนขายออกไป แอต.มาดริด ก็ถอนทุนมาได้ราว 4 ล้านปอนด์ นับเป็นแข้งสุดคุ้มทั้งผลงานและราคาขายต่อ

ปีก : ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ( 8.5 ล้านปอนด์, 2013)

คูตินโญ่ ทุกวันนี้อาจโดนแฟนบอล 'หงส์แดง' ยี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานของเขาช่วยให้ทีมในยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ ปักหลักอย่างมั่นคงฐานะสโมสรล่าความสำเร็จทั้งบอลลีก-บอลยุโรป 

เพชรที่รอการเจียระไนถูกขุดมาจาก อินเตอร์ มิลาน สนนราคา 8.5 ล้านปอนด์ แล้วมาส่องประกายที่แอนฟิลด์เมื่อถูกขัดเกลาโดย เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต่อเนื่องถึง คล็อปป์ เพราะอิสระการเล่นมากขึ้น 

'คูตี้' คือหัวเทียนช่วย ลิเวอร์พูล จุดประกายเกมรุก แล้วเมื่อยามจากไป บาร์เซโลน่า ก็คงทิ้งเงินมูลค่า 133.5 ล้านปอนด์ ให้เราเอาไปซื้อ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ อาลีสซง เบ็คเกอร์ จนหลังบ้านสุดแกร่งในปัจจุบัน 

กองหน้า : เดิร์ก เคาท์ ( 9 ล้านปอนด์, 2006)

มีกองหน้าไม่กี่คนในรอบ 2 ทศวรรษหลังที่ตอบโจทย์สองข้ออย่างสร้างผลงานร้อนแรงและราคาแสนถูก 

เฟร์นานโด ตอร์เรส ( 20.2 ล้านปอนด์), หลุยส์ ซัวเรซ ( 22.8 ล้านปอนด์), แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ( 12 ล้านปอนด์) หรือ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ( 29 ล้านปอนด์) เหล่านี้ซื้อมาราคาสูง ตอบแทนกลับด้วยคุณภาพคับแก้ว 

แต่เมื่อเทียบกับ เคาท์ ( 9 ล้านปอนด์) ดาวยิงดัตช์จึงจัดว่าประหยัดสุด 

กองหน้าที่เล่นตัวริมเส้นทางขวาได้ ลงสนาม 285 เกม ทำไป 71 สกอร์ โดยผลงานที่ซื้อใจ 'เดอะ ค็อป' สุดคงเป็นการกดแฮตทริกใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2011